สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

คำแถลงการณ์สรุป “ประยุทธ์” ย้ำ 10 ชาติอาเซียนเห็นพ้องบรรลุ RCEP ปีนี้-ร่วมขจัดขยะในทะเล

จากประชาชาติธุรกิจ

ในวันที่ 23 มิ.ย. 2562 พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย แถลงสรุปการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ต่อสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ

โดยกล่าวว่า การพบหารือกับผู้นำอาเซียนและการหารือกับผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน ผู้แทนเยาวชนอาเซียน และสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน เป็นโอกาสที่ดียิ่งที่ครอบครัวอาเซียนจะร่วมมือเพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ร่วมกันสร้างประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และก้าวไปสู่อนาคต ภายใต้กรอบของแนวคิดหลักของการเป็นประธานอาเซียนของไทย “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน”

สำหรับการประชุมแบบเต็มคณะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย. 2562) ต่อเนื่องมาในช่วงเช้าของวันนี้ ที่มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) ซึ่งที่ประชุมสุดยอดสนับสนุนการดำเนินการของไทยในการสร้างความยั่งยืนให้อาเซียนในทุกมิติเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายต่าง ๆ เช่น การปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการแข่งขันระหว่างประเทศนอกภูมิภาคที่รุนแรงมากขึ้น

นายกฯ ประยุทธ์ กล่าวเพิ่มว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา อาเซียนได้ดำเนินการตามแนวคิดหลักและมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการเสริมสร้างความมั่นคงที่ยั่งยืน การสร้างอาเซียนที่เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ และการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อเพิ่มคุณค่าทางยุทธศาสตร์ให้กับอาเซียน และให้เกิดเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคของเรา ซึ่งเจตนารมณ์ร่วมของผู้นำในอาเซียนในเรื่องนี้ได้รับการยืนยันผ่านการรับรองวิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน

นอกจากนี้ เพื่อสร้างภูมิภาคที่ยั่งยืนและปลอดภัยสำหรับประชาชนในทุกสถานการณ์ อาเซียนจึงเห็นพ้องว่า ปัญหาขยะในทะเลเป็นปัญหาที่สร้างผลกระทบในวงกว้างต่อชีวิตความเป็นอยู่และสุขอนามัยของประชาชน รวมทั้งส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ และทรัพยากรทางทะเล ที่ประชุมจึงได้รับรองปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะในทะเลในภูมิภาคอาเซียน

โดยมีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นเพื่อแก้ไขปัญหาขยะในทะเลอย่างจริงจัง โดยสนับสนุนนวัตกรรม แนวคิด รวมทั้งเสริมสร้างศักยภาพด้านการวิจัย การประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ พร้อมการสนับสนุนให้มีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ มากขึ้น

รวมไปถึงอาเซียนต้องเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น การเกิดภัยพิบัติ โดยผู้นำอาเซียนได้ร่วมกันเปิดตัว “คลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียน” ภายใต้โครงการจัดตั้งระบบโลจิสติกส์ฉุกเฉินสำหรับใช้ในกรณีเกิดภัยพิบัติในชาติสมาชิกอาเซียน ที่เรียกกันว่า “ศูนย์เดลซ่า” (DELSA) และดำเนินการยกระดับศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนเป็นองค์กรของอาเซียนอย่างเป็นทางการ ซึ่ง 2 แห่งตั้งอยู่ที่ประเทศไทย

ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความตระหนักรู้และอัตลักษณ์ของอาเซียนในระดับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในวาระการดำเนินงานที่สำคัญ ผู้นำอาเซียนได้รับรองแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน 2562 และเตรียมจะดำเนินการกิจกรรมตลอดทั้งปีนี้

รวมถึงการจัดตั้งเครือข่ายสมาคมอาเซียนในประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งเป็นข้อริเริ่มของไทย นอกจากนี้ อาเซียนได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งสมัชชารัฐสภาอาเซียน เยาวชน และภาคธุรกิจ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน พร้อมย้ำความสำคัญของประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางและทุกฝ่ายมีส่วนร่วม

นายกฯ ของไทย กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมเห็นพ้องกับไทยในการส่งเสริมบทบาทของอาเซียนในการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค โดยอาเซียนได้ใช้เวลาหารือและจัดทำเอกสารมุมมองของอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก (ASEAN Outlook on the Indo-Pacific) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการมีท่าทีร่วมกันของอาเซียนในเรื่องนี้ ตั้งแต่ที่ผมได้เสนอให้อาเซียน มีบทบาทที่สำคัญในการเชื่อมโยงมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกในการประชุมอีเอเอส (EAS) ที่ฟิลิปปินส์ เมื่อปลายปี 2560

ผมขอขอบคุณประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่ได้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนมุมมองของอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก ซึ่งอาเซียนได้ตกลงกันว่าจะตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักการที่เป็นที่ยอมรับ เช่น ความไว้เนื้อเชื่อใจ การเคารพซึ่งกันและกัน ผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนสนับสนุนแนวทางการดำเนินงานที่ตั้งอยู่บนกฎเกณฑ์

รวมทั้งหลักการที่บรรจุอยู่ในสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC) ชาติอาเซียนเห็นว่า ความร่วมมือในกรอบอินโด-แปซิฟิกจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นแกนกลางของอาเซียน ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย เกื้อกูลกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วในภูมิภาคและอนุภูมิภาค และต้องสร้างผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมแก่ประชาชนเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจระดับภูมิภาค และเห็นพ้องกับไทยที่จะผลักดันให้การเจรจาอาร์เซ็ป (RCEP) แล้วเสร็จในปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้อาเซียนสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้า (trade tension) ระหว่างคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียน

ทั้งนี้ ชาติสมาชิกอาเซียนร่วมยินดีสำหรับ “อาคารสำนักเลขาธิการอาเซียนหลังใหม่” ตั้งอยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยจะเปิดทำการอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้อาเซียนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายกฯ ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้สนับสนุนให้อาเซียนร่วมมือกันเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก หรือฟีฟ่าเวิล์ดคัพในปี 2034 ในโอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนอาเซียนทุกคนสนับสนุนสมาคมฟุตบอลในแต่ละประเทศสมาชิกเพื่อบรรลุฝันนี้ด้วยกัน

#สำนักงานบัญชี,#สำนักงานสอบบัญชี,#ทำบัญชี,#สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : คำแถลงการณ์สรุป #ประยุทธ์ #10 ชาติอาเซียน เห็นพ้อง RCEP ขจัดขยะในทะเล

view