สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

จาก ป๋าเปรม ถึง ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ แผนทำลายกระทบชิ่ง !!

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ผ่าประเด็นร้อน
       
       อย่าได้แปลกใจที่ต่อไปนี้จะได้เห็นเป้าหมายการเคลื่อนไหวของ ฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ที่เคยแอบแฝงซ่อนเร้นมานาน หลายอย่างก็จะเริ่มเปิดเผยให้เห็นตัวตนมากขึ้น
       
       ก่อนอื่นจะแยกออกมาเฉพาะกรณีมีขบวนการทำลาย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ รวมทั้งองคมนตรีอีกบางราย และล่าสุดกำลังรุกคืบไปยัง ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ นางสนองพระโอษฐ์และรองราชเลขาธิการในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
       
       สำหรับ พล.อ.เปรม ดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี และได้รับการโปรดเกล้าฯจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหากมีการแต่งตั้งและให้พ้นจากตำแหน่งก็ต้องเป็นไปตามพระราชอำนาจ ตามพระราชอัธยาศัย ดังนั้นก่อนหน้านี้ที่มีแรงกดดันจากบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงในสังกัดของ ทักษิณ ที่ได้เคลื่อนไหวกดดันในทุกวิถีทางทั้งปล่อยข่าวทำลาย ยกขบวนไปด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย เพื่อให้มีการลาออกหรือให้พ้นจากตำแหน่ง ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่บังควรและเป็นการก้าวล่วง
       
       หากจะว่าไปแล้วตามความเข้าใจแบบชาวบ้านนั้น ตำแหน่งประธานองคมนตรีก็เปรียบเหมือนประธานที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ มีบทบาทในการกลั่นกรองเรื่องสำคัญก่อนที่จะถึงพระเนตรและกัณฐ์ ประกอบกับที่ผ่านมาการดำรงตำแหน่งทั้งทางทหารจนกระทั่งนายกรัฐมนตรีมาอย่าง ต่อเนื่องยาวนานและได้ถวายความจงรักภักดีจนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย
       
       พล.อ.เปรม ถือว่าเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญที่ค้ำยันและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์มา ตลอดหลายสิบปี หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็เหมือนเป็น “ขาเก้าอี้” ดังนั้นถ้าจะไม่ให้ใครนั่งอยู่บนเก้าอี้ต่อไปได้ก็ต้องทำลายขาเก้าอี้เสีย ก่อน ซึ่งถือว่าเป็นแผนที่แยบยล และที่สำคัญยังสามารถอำพรางไพร่พลที่ยังมีความ “จงรักภักดี” แต่ถูกชักจูงมาด้วยข้อมูลที่คลาดเคลื่อนให้สามารถขับเคลื่อนมวลชนเพื่อเป้า หมายซ่อนเร้นต่อไปได้
       
       ที่ผ่านมาอย่าได้แปลกใจที่ พล.อ.เปรม จะถูกโจมตี ใส่ร้าย ถูกข่มขู่ต่างๆนานา ซึ่งเหตุผลไม่มีอะไรมากไปกว่าความแค้นส่วนตัวที่ถูกขัดขวางในเรื่องไม่ชอบ หลายเรื่อง โดยเฉพาะการขัดขวางในเรื่องสร้างเครือข่าย “ระบอบทักษิณ” ที่ต้องการรุกคืบเข้ามาครอบงำประเทศ ขณะเดียวกันความหมายที่แท้จริงของเครือข่ายระบอบทักษิณ ที่คนกลุ่มนี้ต้องการก็ย่อม “เหนือ” ไปกว่านั้นแน่นอน
       
       ดังนั้นจึงช่วยไม่ได้ที่ประธานองคมนตรีต้องตกเป็นเป้าหมายโจมตีสำคัญ และกำลังเพิ่มดีกรีหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
       
       ขณะเดียวกัน เมื่อรุมถล่ม พล.อ.เปรม ซึ่งถือว่าเป็นประธานที่ปรึกษาพระมหากษัตริย์จนน่วมแล้วก็ต้องเล็งไปที่ บุคคลสำคัญอื่นๆที่เหลือ ซึ่งในที่นี้ก็คือ ท่านผู้หญิง จรุงจิตต์ นั่นเอง
       
       อย่างไรก็ดีเพื่อให้เข้าใจที่มาที่ไปก็ต้องพิจารณากันทีละ ประเด็นไล่เรียงกันไป โดยก่อนอื่นต้องไม่ลืมว่า ท่านผู้หญิงเป็นนางสนองพระโอษฐ์ และรองราชเลขาธิการในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ คอยถวายงานรับใช้ใกล้ชิดมาตลอด
       
       หากยังจำกันได้ ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ เคยออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการจัดทำ “เสื้อสีฟ้า” ที่ดำเนินการโดย “วิระยา ชวกุล” เนื่องจากถูกร้องเรียนในเรื่องการ “บังคับขาย” จนสร้าง ความเดือดร้อนกับพนักงานและข้าราชการชั้นผู้น้อย และเกิดความ “เข้า ใจผิด” กันอยู่นาน จนความทราบฝ่าละลองธุลีพระบาท จึงมีรับสั่งให้ยุติการจำหน่ายในลักษณะดังกล่าวในทันที ขณะเดียวกันยังมีความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือเงินจากจำหน่ายเสื้อดังกล่าว จำนวนหลายร้อยล้านบาทก็ไม่มีการนำขึ้นทูลเกล้าฯแต่อย่างใด ซึ่ง วิระ ยา ก็เคยยอมรับความจริง
       
       ต่อมา วิระยา ที่มักทำให้สังคมทั่วไปเข้าใจว่าใกล้ชิดในรั้วในวังมานานก็ถูกเปิดโปงอีกว่า ไม่ได้เป็นนางสนองพระโอษฐ์ จากนั้น วิระยา คนเดียวกันนี้ก็ได้ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 18 มีนาคมการันตีความจงรักภักดีให้กับ ทักษิณ ชินวัตร หน้าตาเฉย จากนั้นวันที่ 25 มีนาคม ก็ได้มาเป็นผู้นำในการจุดเทียนชัยถวายพระพรในวาระที่พิลึกกึกกือ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในช่วงที่คนไทยหรือทางการจัดงานถวายพระพรแต่อย่างใด แต่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นแค่พิธีกรรมอำพรางเพื่อตบตาให้สังคมเห็นว่ายังมี ความจงรักภักดี หลังจากมีเสียงวิจารณ์ทั้งจากคนเสื้อแดงด้วยกันเองและสังคมทั่วไปมากขึ้น เรื่อยๆ
       
       ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ถูกแกนนำคนเสื้อแดงที่ไร้ต้นทุนทางสังคม อย่าง ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และ จตุพร พรหมพันธุ์ กล่าว ร้ายว่า ได้โทรศัพท์ไปกดดันให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่า จินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบด้านฝ่ายปฏิบัติการแก้ปัญหาในสถานการณ์ฉุกเฉิน สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงหลายครั้ง หากพิจารณาจากเป้าหมายและเจตนาในการกล่าวหาครั้งนี้ถือว่ามีเจตนาซ่อนเร้น หลายชั้น
       
       อย่างแรกน่าสังเกตก็คือด้วยอำนาจหน้าที่แล้ว ท่านผู้หญิง จรุงจิตต์ ถือว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่แกนนำคนเสื้อแดงรู้อยู่แล้วว่าบุคคลที่ถูกกล่าวหานั้นอยู่ในฐานะที่ไม่ สะดวกในการออกมาตอบโต้ชี้แจง และเจตนาก็เพื่อให้เกิดความคลุมเคลือ และหวังให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงและคิดไปเองว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือ “ใคร” เป็นเจตนาซ่อนเร้นที่อุวบาทว์อย่างยิ่ง
       
       ดังนั้น หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวต่างๆต่อเนื่องกันมาตั้งแต่การออกมาโหมโรงโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต่อเนื่องมาจนถึง ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ของ ทักษิณ และสั่งผ่านแกนนำคนเสื้อแดง หรือแม้กระทั่งการเหิมเกริมอย่างที่สุดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่ล่าสุดใช้คำพูด ข่มขู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจะขอเข้าเฝ้าฯให้ทรงลงมาคลี่คลายปัญหา ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นแผนที่วางเอาไว้ล่วงหน้า มีการเคลื่อนไหวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
       
       โดยเฉพาะการให้ร้าย พล.อ.เปรม และท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ที่เพิ่งเกิดขึ้นหากสังเกตให้ดีก็เป็นแผนกระทบชิ่งชนฟ้า มุ่งร้ายต่อสถาบัน ในความหมายก็คือ “โค่นขาเก้าอี้” เพื่อไม่ให้นั่งเก้าอี้ต่อไปได้ !!

view