สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ทัศนะ อานิก อัมระนันทน์.. ถ้ายังโกรธ อภิสิทธิ์ก็ไม่ต้องให้โอกาสเขา แต่คุณให้โอกาสประเทศไทยได้ไหม!

 

จากประชาชาติธุรกิจ

เสียงชื่นชม แนวทางปรองดองแห่งชาติของนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มากไม่ใช่น้อย แต่เสียง ด่านายกฯหนุ่มก็ดังไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเสียงจาก พวกเสื้อเหลือง หรือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมากระซวก ผู้นำหนุ่ม แบบไม่ยั้ง ล่าสุด อานิก อัมระนันทน์ อดีตที่ปรึกษา มาร์ค และผู้ดูแล อิมเมจของผู้นำ ออกมาแสดงทัศนะที่คนชอบมาร์คหรือไม่ชอบมาร์ค ...ควรต้องอ่าน
    
        อานิก ทำงานอยู่เบื้องหลังให้กับพรรคประชาธิปัตย์มา 3 ปี  โดยทำให้ที่ดูแลด้านภาพลักษณ์ให้กับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"  ไม่ว่าจะเป็น เว็ปไซต์ www.abhisit.org หรือ รวมถึง พ็อกเกตบุ๊ค ที่นำเสนออิมเมจของผู้นำหนุ่ม           แล้ววันดีคืนดี เธอก็ได้เป็น ส.ส. สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์  เพราะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร  ทิ้งเก้าอี้ ส.ส. ไปนั่งเป็น ผู้ว่า กทม.       จริงๆ แล้ว อานิก ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือ เป็นบุตรสาวของ ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ อดีตประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก และ แม่ชีคุณหญิงกนิษฐา วิเชียรเจริญ  และที่สำคัญ อานิก เป็นภริยาตามกฎหมายของ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)      อานิก มีชีวิตน่าสนใจหลากมิติ เธอจบ อ็อกฟอร์ด เป็นรุ่นพี่ นายกฯอภิสิทธิ์

     เคยนั่งเป็นผู้บริหารบริษัทน้ำมันระดับโลก สนใจศิลปะ วาดรูปได้ดี และสนใจธรรมะ
     ครั้งหนึ่ง  อานิก เล่าว่า   ตัดสินใจมาทำงานการเมืองเต็มตัวก็คือ เธอไม่ชอบ คนหน้าเหลี่ยม
     ล่าสุด อานิก ที่แปลว่า เธอผู้เป็นที่รัก  แสดงความเห็นทางการเมือง   เรื่อง  โรดแมป เพื่อใคร ?

     ....."ถ้าคุณยังโกรธนายกฯ อภิสิทธิ์ก็ไม่ต้องให้โอกาสเขา แต่คุณจะให้โอกาสประเทศไทยได้ไหม ? "


    แม้ส่วนตัวดิฉันเองไม่อยากให้ยุบสภาเร็ว และไม่อยากถอยแม้คืบเดียวกับพวกอันธพาลกฎหมู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าข้อเสนอของนายกอภิสิทธิ์เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับ ประเทศ

   หากแดงรับข้อเสนอนายกฯจริงๆ และหากทุกภาคส่วนของสังคมเข้ามีส่วนร่วมอย่างจริงจังกับกระบวนการปฏิรูป จะมีอะไรดีได้บ้าง ?

 •ประเทศของเราจะมีโอกาสสมานฉันท์ได้จริงๆ (รู้ว่ามันไม่ง่ายเลย แต่ก็ดีกว่าไม่พยายามเริ่มทำ) มีโอกาสสร้างสันติสุขได้อย่างยั่งยืน
•มีโอกาสพ้นจากวงจรอุบาทว์ของการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย ซึ่งบางคนอาจมองว่าเริ่มเกิดขึ้นก่อนพวกแดงด้วยซ้ำ
•มีโอกาสแก้ปัญหาสองมาตราฐานที่เกิดขึ้นจริงในการใช้อำนาจรัฐในระดับ ต่างๆ โดยอาศัยความกดดันของสังคมทุกๆด้านในกระบวนการนี้
•มีโอกาสที่คนรากหญ้ามีความรู้ความเข้าใจว่า ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ต้องดูแลเขาให้มีชีวิตที่มั่นคงได้ ซึ่งจะช่วยลดการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
•มีโอกาสทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็ง ลดการเมืองน้ำเน่าและการฉ้อราษฎร์บังหลวง ตัดวงจรการปฏิวัติรัฐประหาร

 นายกฯ บอกว่าจะทำโรดแมปอยู่ดี แต่ไม่สัญญาว่าจะเลือกตั้งเมื่อไร ถ้าแดงไม่ตอบรับในเวลาที่กำหนด
การกำหนดวันเลือกตั้ง 14  พ.ย.เป็นประโยชน์กับประเทศได้อย่างไร ??

 หากเสนอ 9  เดือนเหมือนเดิม หรือ 8 ,  7  เดือน จะไม่เป็นการยอมถอยเพียงพอ ฝ่ายตรงข้ามจะไม่สนใจรับ  ใช่ !  6   เดือนดูน่ากลัวสำหรับฝ่ายรัฐบาลและผู้สนับสนุน และอาจจะน่าเกลียดสำหรับคนที่ยึดมั่นถือมั่นว่า ต้องไม่ยอมถอยโดยเด็ดขาดกับกฏหมู่ไม่ว่าจะสูญเสียอะไรก็ตาม 6  เดือนจึงเป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะปฏิเสธยากสำหรับฝ่ายแดง  

    แต่พวกเขาก็คงสังเกต – ในขณะที่หลายคนอาจฟังไม่ทันอ่านไม่เจอ – ว่านายกฯได้สอดใส่เงื่อนไขว่าองค์ประกอบต่างๆของโรดแมป ต้องดำเนินไปอย่างราบรื่นเพียงพอทีจะให้มี  “ความปรองดอง ความปกติสุขกลับคืนมาสู่สังคมได้ และถ้าเป็นเช่นนั้นครับ  รัฐบาลพร้อมที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่”  หากฝ่ายแดงรับข้อเสนอนายกฯ   ดิฉันมองว่า

  1 . จะทำให้แดงสลายการชุมนุมเองโดยไม่ต้องฆ่าฟันกัน นอกจากจะเป็นความโล่งอกของคนไทยจำนวนไม่น้อย (น่าจะ60 % ตามเอแบคโพล) ที่ไม่อยากเห็นการเสียเลือดเนื้ออีก  ก็จะเป็นการเยียวยาภาพลักษณ์ประเทศไทยอย่างดียิ่ง ทั้งในมุมของนักท่องเที่ยวและนักลงทุน 
หลังเหตุการณ์ 10   เมษา แม้แต่ประเทศประชาธิปไตยต้นแบบอย่างสหรัฐฯก็ได้เรียกร้องให้เรามีการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง ตรงนี้จะมีส่วนสำคัญมากในการสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศไทย นานาประเทศจะได้จะได้เลิกห้ามคนของเขามาเที่ยวบ้านเราโดยเร็ว การที่เขามีทัศนคติที่ดีต่อรัฐไทย ย่อมจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศได้ฟื้นตัวได้เร็ววัน   

2 . จะไม่เกิดการสูญเสียอื่นๆที่ย่อมเป็นผลกระทบจากการสลายการชุมนุม เช่นการทำลายล้างสถานที่ในย่านธุรกิจ หรือแม้กระทั่งการจลาจลอื่นๆซึ่งยังคงเกิดขึ้นได้ในภูมิภาค

 3. จะทำให้แกนนำเข้ามอบตัวหรือ ถ้าไม่มอบก็สมควรตามจับดำเนินคดีต่างๆ นิติรัฐก็ยังเป็นนิติรัฐ แม้จะต้องรอต้องอดทนอดกลั้นกันเป็นแรมเดือน นายกฯได้พูดชัดว่าจะไม่นิรโทษคดีอาญา ซึ่งแปลว่า แกนนำ พวกหมิ่นสถาบันและผู้ก่อการร้ายจะไม่ลอยนวลเป็นเยี่ยงอย่าง
   แต่พวกเราก็ควรช่วยกันติดตามเป็นหูเป็นตาช่วยกันเสาะหาผู้กระทำผิดร้ายแรง เพื่อนำสู่การจับกุมดำเนินคดีต่อไป  ที่สำคัญกลไกของรัฐที่มีหน้าที่ในส่วนนี้ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ลุล่วง     

4 . การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น "เร็ว" ซึ่งต้องเป็นตามเงื่อนไขโรดแมป "จะช่วยนำไปสู่ความปรองดองอย่างแท้จริง" อันนี้เป็นคำพูดคุณอภิสิทธิ์ ซึ่งอาจความได้ 2  ทาง

 •ทางหนึ่งเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนกับ 3   ข้อข้างบน ใช่ ! มันเป็นการยอมถอยต่ออันธพาล แต่ลองนึกดูว่า ถ้าเป็นชีวิตจริงของคุณเองที่โดนข่มขู่คุกคามถึงชีวิตและครอบครัว แล้วไม่มีตำรวจไม่มีใครช่วยได้ หากคุณมีอุบายสักอย่างที่จะแก้ไขปัญหา มีหนทางให้มันหยุดการคุกคามได้แล้วยังอาจตามจับเข้าคุกทีหลัง แม้จะต้องเสียศักดิ์ศรีเสียหลักการบางอย่างในระยะสั้น แต่ไม่ต้องเสียชีวิตหรือแขนขาของคุณหรือคนที่คุณรัก คุณจะทำไหม? 
  การยืดหยุ่นในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งรวมถึงระยะเวลาการเลือกตั้ง เพื่อปกป้องชีวิตคนเป็นร้อยเป็นพันที่ไม่ใช่ผู้ร้าย เพื่อเปิดโอกาสสร้างสันติสุขที่ยั่งยืน  เพื่อลดความเสียหายอื่นๆที่อาจคาดไม่ถึง มันจะคุ้มกันไหม?
 หลักนิติรัฐจำเป็นต้องอยู่เหนือหลักมนุษยธรรมเสมอหรือ?
•อีกทางหนึ่ง ดิฉันตีความว่าเนื่องจากมีประชาชนจำนวนมาก (อาจเกือบถึงครึ่งประเทศถ้าดูจากคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทย) ปักใจเชื่อว่ามีทหารหรืออำมาตย์เบื้องสูงมาแทรกแซงการเมือง ทำให้ทักษิณถูกปฏิวัติ มีการทำรัฐธรรมนูญใหม่(แม้มีประชามติก็เถอะ) และต่อมาก็มีการพลิกขั้วการเมืองทำให้อภิสิทธิ์ได้มาเป็นนายกรัฐนมตรี การยอมเลือกตั้งใหม่นี้จึงเป็นการล้างกระดาน ล้างอคติของคนจำนวนมาก เป็นการขจัดข้ออ้างว่ามีความไม่ชอบธรรมที่ทำให้คนฉยโอกาสหาความชอบธรรมในการ ใช้กฎหมู่ในอนาคตได้อีก
โรดแมปจึงเป็นการปรองดองกับประชาชนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งที่มีความเห็น แปลกแยกด้วยความเชื่อดังกล่าว  ไม่ใช่การปรองดองกับแกนนำกฏหมู่ ผู้ก่อการร้าย หรือผู้กระทำผิดต่อสถาบัน เพราะคดีอาญาจะไม่มีการนิรโทษ  ความแปลกแยกเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับระบอบประชาธิปไตย ดูประเทศต้นแบบอย่างสหรัฐฯก็เคยต้องสะสางผ่านสงครามกลางเมืองมาแล้ว  บ้านเราถ้าไม่ ”ลงทุน” เสาะหาสันติวิธีมาลองแก้ไขอย่างจริงจัง ก็อาจหนีไม่พ้นสงครามกลางเมือง ซึ่งจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าเป็นบรรยากาศที่คนไทยได้ลิ้มชิมรสในหลายสัปดาห์ ที่ผานมา

  ที่นายกฯ ต้องยอมเลือกตั้งเร็วนี้ ไม่ใช่เอาตัวรอด แต่เป็นความพยายามที่จะพาประเทศไปให้รอด  ถ้าไม่ใช่ทำเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริงแล้ว ใครจะยอมสูญเสียอำนาจตัวเองเร็วกว่าสิทธิอันชอบธรรม ที่สามารถจะยึดยื้อต่อไปได้อีกมากกว่า 1  ปี  แล้วการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นเมื่อใด ก็ไม่ได้แปลว่าจะได้กลับมาเป็นนายกฯอีก หลายคนมองว่ายิ่งเลือกตั้งเร็วโอกาสกลับมาสู่อำนาจยิ่งน้อยด้วยซ้ำ


ถ้าฝ่ายตรงข้ามแดงกลัว พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับมาจากการเลือกตั้งครั้งนี้ หรือกลัวผู้ก่อการร้ายต่างๆจะได้อภัยโทษ ก็ต้องมาร่วมผนึกกำลังกันในการเลือกตั้ง ไม่ใช่ขัดขากันเอง   ใครที่มีจิตสาธารณะมีศักยภาพและมีความพร้อม ก็ต้องลงมาช่วยกันเป็นผู้สมัคร หรือมาสนับสนุนนักการเมืองน้ำดีให้ได้รับเลือกตั้งเยอะๆ
คุณอภิสิทธิ์ได้ลั่นวาจาไว้ในวันแรกที่โปรดเกล้าฯ ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ว่าเขาจะเลือกหรือจะชอบตนหรือไม่ โรดแม็ปนี้เป็นการทำตามสัญญาประชาคมที่ได้ให้ไว้ ไม่มีผู้นำที่ไหนจะทำให้ทุกคนถูกใจไปได้หมดหรอก   แต่ผู้นำที่มีความกล้าหาญ มีวิสัยทัศน์ต่อภาระหน้าที่ที่กว้างและไกล มีความเสียสละ จะเลือกทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม แม้จะต้องถูกด่าทอ หรือแม้จะต้องสูญเสียอำนาจ และอาจเสียฐานคะแนนเสียงอีกด้วย


  ถ้าคุณยังโกรธนายกฯ อภิสิทธิ์ก็ไม่ต้องให้โอกาสเขา แต่คุณจะให้โอกาสประเทศไทยได้ไหม ?

view