จากประชาชาติธุรกิจ

สัมภาษณ์ พิเศษ

นายก รัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มักปรากฏตัว พร้อม "วอลเปเปอร์" การเมืองเต็มแผง

อาจเป็นเพราะความโดดเด่นของนายกรัฐมนตรี จึงบดบังรัศมีของ "กุนซือ" หมดสิ้น

ทีมที่ปรึกษาทั้ง 5 คน ที่ประจำการอยู่ในทำเนียบรัฐบาล จึงแทบไม่ปรากฏนาม

1 ใน 5 ทีมที่ปรึกษา ที่ปรากฏตัว-ปรากฏงานล่าสุด เป็น 1 ในทีมทำแผน ปรองดองปฏิรูปประเทศ

คือชื่อ คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่วันนี้เป็นอิสระจากการเมือง

คุณหญิงบอกว่า งานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ต่อให้เอาเก้าอี้รัฐมนตรีมาแลกก็ไม่ยอม

- งานปฏิรูปประเทศ ได้ทำในจังหวะที่พรรคประชาธิปัตย์วิกฤตที่สุด

อาจจะ อย่างงั้น แต่นายกฯก็ให้นโยบายชัดว่า ไม่ใช่แปลว่าหมดรัฐบาลเราแล้วแปลว่าเรื่องนี้จบ ท่านถึงบอกให้ออกแบบว่าจะเดินยังไงโดยที่ไม่ติดกับรัฐบาล คือใครมาก็ต้องทำเพราะเป็นเรื่องของประเทศ นายกฯชัดเจนมากว่าไม่ใช่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์หรือรัฐบาลนี้ บอกว่าใครมาก็ต้องทำ เป็นการวางกรอบให้ประเทศ ทำให้ประเทศ

- ตอนนี้คุณหญิงเป็นอิสระจากพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยมองพรรค ที่ว่ากันว่าปีนี้เป็นปีที่พรรควิกฤตที่สุด

พี่พูดไม่ได้ว่าเป็นปี ที่วิกฤตที่สุดหรือเปล่า เพราะ 10 ปีที่ผ่านมา พี่ไม่รู้เลยว่าเขามีวิกฤตอะไรหรือเปล่า อาจจะมีแล้วเราไม่รู้ก็ได้ เพราะวิกฤต ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย จะวิกฤตหรือเปล่า พี่ตอบไม่ได้

- อย่างน้อย ปีนี้ก็มีคดียุบพรรคประชาธิปัตย์

อาจจะเรียกว่า เป็นอุบัติเหตุก็ได้ สิ่งที่เกิดขึ้น เท่าที่คุย ถามว่า กรณี 29 ล้านมันเป็นยังไง เขาบอกว่า ป้ายโฆษณา ขนาดต้องไม่เกินเท่านี้ แล้วทำเล็กไป 10 เซนต์ ถ้าจะยุบพรรคเพราะเท่านี้ก็ให้มันรู้ไป แต่พี่ก็ฟังเฉย ๆ นะ เพราะกระบวนพิจารณาอาจจะไม่ใช่อย่างงั้น หรือเขาบอกว่า เขาไม่ได้ยื่นบัญชีที่ใช้ คือใบเสร็จ ให้ กกต.กลาง แต่ละจังหวัด ก็ไม่ยื่นที่จังหวัด แล้วทำไมคุณไม่รวมบิลอันนั้นมา ถ้าฟังแบบนี้มันก็ไม่มีอะไรไง แต่พี่ไม่รู้ว่า กกต.คิดยังไง

- ช่วงนั้นเป็นรอยต่อของกรรมการบริหารพรรค

พี่ออกจากพรรคไปแล้ว เรื่องเกิดจากหัวหน้าพรรคชุดที่แล้ว แต่บังเอิญตอนนั้นนายกฯอภิสิทธิ์เขาก็เป็นกรรมการ อยู่ในส่วนบางเรื่องอยู่ แต่อย่างคุณสุเทพนี่ รู้สึกว่าไม่เกี่ยวเลย

- มีเป็นตะกอนความขัดแย้งจากกรรมการชุดทศวรรษใหม่ค้างมาถึงชุดผลัดใบหรือเปล่า

ไม่ มี ตอนนี้ทุกคนรวมหัวกันช่วย เห็นตอนนี้บอกว่าช่วยกันดูสำนวน ไม่มีว่า คุณทำ เพราะถ้าโดนจริง มันก็โดนด้วยกัน ก็ช่วยกันใหญ่ แม้แต่คุณประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ซึ่งออกจากพรรคไปแล้ว มาช่วยกันจ้าละหวั่น เพราะตอนนั้น เขาเป็นเลขาธิการพรรค ไม่ใช่ว่าออกไปแล้ว ไม่เกี่ยว

- ปัญหาเรื่องพรรค เรื่องรัฐบาล มีข่าวคุณสุเทพและคุณอภิสิทธิ์ มีเรื่องระหองระแหงกัน

ไม่เห็นว่าเขามีท่าทีว่าเขาไม่ถูกหรือไม่ อะไรกัน ไม่เคยเห็นเลย จะมีหรือเปล่าพี่ก็ตอบไม่ได้ หรือแม้แต่เห็น ก็ไม่แน่ว่าใช่หรือเปล่า แต่เท่าที่เห็น ก็ไม่มี คุณสุเทพ ที่แน่ ๆ เขาช่วยคุณอภิสิทธิ์

- ตอนนี้ทีมพรรคประชาธิปัตย์ รวมตัวเหนียวแน่นกันเป็นพิเศษ

พรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นอย่างงี้แหละ คือยามสงบก็ทะเลาะกันเอง แต่ว่าถ้ามีภัยมา โอ้โห รวมกันเป็นหนึ่งเดียวมาก ๆ พี่คิดว่าคงเป็นอย่างงั้น ที่รักประชาธิปัตย์มากเพราะอะไร เพราะชี้หน้าด่าหัวหน้าพรรคได้สบาย ๆ พอออกมาจากห้องประชุมก็จบ ไม่มีอะไร แล้วก็สมัยก่อนไม่มีใครคาบข่าวมาทำฟีเวอร์กับนักข่าวไง บางทีก็ด่ากันแรงมาก หัวหน้าพรรคก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะถือว่าพูดกันในที่ประชุมด้วยเหตุด้วยผล

แต่ เดี๋ยวนี้เหรอ ยังไม่ทันพูดเลย บางคนออกไปเล่าข่าวแล้ว เพราะการที่เอาเรื่องซึ่งไม่ควรเล่าคนนอก ไปเล่าแล้วมันทำร้ายพรรค มันไม่ถูกต้อง พรรคประชาธิปัตย์มีวัฒนธรรมคือพูดกันในพรรค แล้วจบ แต่ตอนหลัง ถามว่าทำไมไม่จบ เขาบอก ที่จริงมันจบ แต่มีคนมาเล่าข้างนอก มันเลยเหมือนไม่จบ พรรคประชาธิปัตย์อย่างนี้ ด่ากระทืบเท้าก็มี ทุบโต๊ะก็มี แล้วก็จบ

- บริบทความขัดแย้งในอดีตและปัจจุบัน มันไม่ต่าง แต่ว่ารุ่นคนในพรรคเปลี่ยนไป

การที่คนไม่เข้าใจวัฒนธรรมถ่องแท้ของ พรรคประชาธิปัตย์ว่ามันพูดกันในพรรคแล้วจบ พรรคประชาธิปัตย์อยู่ได้ เพราะทุกอย่างคนพูดกัน แล้วจบตรงนั้น อันนี้ก็ต้องโทษคนรุ่นเก่าเหมือนกันว่าทำไมคุณไม่อบรมคนรุ่นใหม่ว่า เฮ้ย...เสน่ห์พรรคประชาธิปัตย์อยู่ที่ว่า คุณพูดอะไรก็ได้ในพรรค คุณปลอดภัย ผู้ใหญ่ก็ไม่โกรธ

- ยุคคุณชวน ตอนตัดสินใจยุบสภา ตอนนั้นในพรรคสนับสนุนการตัดสินใจ คุณชวน แต่คราวนี้พอคุณอภิสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องกำหนดวันยุบสภาวันเลือกตั้ง ดูเหมือนว่าได้รับการสนับสนุนน้อย จากคนในพรรคในยามยาก

เท่าที่พี่ ฟังนายกฯก็คือว่า เขาคุยกับ คนโน้น คนนี้ แล้วเขาก็มาประชุมพรรคทุกสัปดาห์ เขาก็คิดว่าทุกคนรู้สึกว่าให้อำนาจหัวหน้าในการไปตัดสินใจ ท่านก็กลั่นกรองจากคนนอกด้วย แล้วก็นึกว่าอันนี้เป็นทางแก้ปัญหาให้บ้านเมือง

ความน้อยใจนี่ เข้าใจได้ อันนี้เราต้องยอมรับใช่ไหมว่า เออ ไม่ได้ปรึกษา จะยุบสภา จะเหมือนกับว่า เอ๊ะ ทำไมไม่มาถาม แต่ในขณะที่นายกฯเขาก็รู้สึกว่า เขาก็ ถาม ๆ แล้ว ว่าเวลาควรจะยังไง ถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่า คงจะไม่ใช่ความตั้งใจที่จะไม่ถามคนในพรรค

คนเรา นาทีแรก พอเรื่องกระทบตัวเองก็รีแอกต์ออกไปก่อน แต่เห็นไหมว่าพอผ่านไปสัปดาห์หนึ่งในพรรคก็สนับสนุน เพราะฟังนายกฯ

- มีการพูดกันว่า คุณสุเทพถูกคนในพรรคต่อว่ามาก เรื่องการทำงานกับพรรคร่วม พูดกันถึงขนาดว่า คุณสุเทพอาจจะย้ายพรรค

ชีวิตคุณสุเทพ ถ้ากรีดออกมาคงเป็น สีฟ้า (หัวเราะ) เท่าที่พี่รู้จักเขา คุณสุเทพไม่มีวันจะไปพรรคไหนได้เลย ไม่มีทางเลย พรรคอื่นเขากล้ารับคุณสุเทพเหรอ ไปอยู่ก็เป็นไส้ศึกพรรคประชาธิปัตย์ตายเลย ก็วิเคราะห์วิจารณ์ไปได้ แต่เท่าที่พี่รู้จัก เขาเข้ามาในสภาพร้อมพี่ปี 2522 ไม่เปลี่ยน

- คุณสุเทพกับคุณอภิสิทธิ์ มีอะไรมากกว่าที่คนอื่นจะเข้าใจได้

ใช่ นายกฯเป็นหัวหน้าพรรค ก็เป็นคนไปขอให้สุเทพเป็นเลขาธิการพรรค การจะขอให้ใครเป็นเลขาฯ ก็ต้องมั่นใจกันพอสมควรแหละ แต่วิธีการทำงานก็แน่นอนอาจจะมีอะไรขัดกับวิธีคิดบ้าง คนสองคน จะให้เหมือน มันเป็นไปไม่ได้ ฝาแฝดยังคิดไม่เหมือนกัน

คุณสุเทพเป็นคนดูแลพรรค เป็นคนรักพรรค พี่ถึงได้บอกว่าใครจะกล้ารับสุเทพ ตัวเขานี่ เนื้อตัวเป็นพรรคประชาธิปัตย์ สุเทพนี่ คนต้องยอมรับ ไม่ว่าจะถูกใจหรือไม่ถูกใจก็ตาม แต่จะหาใครทำงานให้พรรคมากเท่าคุณสุเทพ น่าจะน้อย คือเขาเป็นกำลังงานให้พรรคมาตลอด

- ปัญหาหนัก ๆ วิกฤตในคราวนี้ คุณสุเทพน่าจะเต็มที่โดยไม่คิดถอย

พี่ดูโดยนิสัย นอกจากเขาเปลี่ยนนิสัยนะ ถ้าโดยนิสัยก็จะเป็นอย่างที่ว่า คือเขาจะไม่ถอย เป็นคนสู้

- เวลาข่าวออกมาเหมือนในพรรคมี 2 กลุ่ม คือกลุ่มคุณชวน และคุณสุเทพ

ไม่คิดว่า ใครจะรักพรรคประชาธิปัตย์ไปกว่าคุณชวน ฉะนั้น คุณชวนไม่มีความตั้งใจที่จะทำให้พรรคเสียหาย หรือให้เห็นว่าแตกแยก แต่บางครั้งการที่เป็นกูรูทางการเมือง ก็จะมองอะไรแบบของท่าน ไม่คิดว่าคุณชวนตั้งใจทำร้ายพรรคหรือดิสเครดิตท่านนายกฯ ไม่ได้หมายความว่า ไม่เอาอภิสิทธิ์แล้ว

- ภาพทีม think thank ของนายกฯ ไม่ค่อยปรากฏตัว ภาพลักษณ์จึงมีแต่เพื่อน ไม่มีกุนซือ

อันนี้ต้องถามนายกฯ แต่ความรับรู้ท่านก็มีที่ปรึกษาหลายคน ด้วยความที่ท่านฉลาด ท่านก็ฟังแล้วมาประมวลเอง