สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กำลังใจ...ใต้เบื้อง ยุคลบาท เผ่าทอง ทองเจือ

จากประชาชาติธุรกิจ

ณฐกร ขุนทอง วรวีร์ บำรุงพงศ์...ภาพ   ในช่วงนี้หากใครได้ไปเดินชมความงามของดอกกล้วยไม้หลายสายพันธุ์ในงาน ′4th Siam Paragon Bangkok Royal Orchid Paradise 2010 มหัศจรรย์กล้วยไม้แห่งรักนิรันดร์′เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวัน ราชาภิเษกสมรสครบ 60 ปี และเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่พารากอน(5-12 สิงหาคม)  

นอกจากเราจะได้ชมพันธุ์กล้วยไม้สวย ๆ แล้วยังพิเศษมาก ๆ เพราะงานจัดภายใต้แนวคิด ′มหัศจรรย์กล้วยไม้แห่งรักนิรันดร์′ เพื่อสื่อถึงความรักที่ไม่ใช่เพียงความรักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทั้ง 2 พระองค์ทรงมีต่อกัน ทว่าเป็นความรักความห่วงใยที่ท่านทรงมีต่อพสกนิกรไทยมาตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ในงานจึงมีพระบรมฉายาลักษณ์ในพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสและพระราชกรณียกิจที่ หาชมได้ยากมาจัดแสดง    

โดยภาพบางส่วนมาจากหนังสือ ′คู่ฟ้า สองพระบารมี′ ของบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)   การชื่นชมดอกกล้วยไม้ กับพระบรมฉายาลักษณ์ที่หาชมได้ยากนี้ถือเป็นความอิ่มเอมอย่างที่สุด แต่ยิ่งสมบูรณ์มากขึ้น เมื่อ DLife ได้รับโอกาสพิเศษในการสนทนากับ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งมีโอกาสได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิดตั้งแต่สมัยเด็กจวบจน ปัจจุบัน   ′ถือเป็นมงคลสูงสุดแห่งชีวิตที่ได้มีโอกาสถวายงานทั้ง 2 พระองค์ ภาพความประทับใจและเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างตามเสด็จ ในขณะปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำมาโดยตลอด′  

...ทั้ง ๆ ที่ความรักของสองพระองค์เริ่มต้นเป็นความรักของชายหนุ่มหญิงสาว และกลายเป็นความรักครอบครัว มีลูกก็รักลูก มนุษย์ธรรมดาจะจบแค่นี้ แต่พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จฯ จะมากกว่าทุกคน คือทรงมีความรักประชาชนทั้งประเทศ มีลูก 60-70 ล้านคน ในความรักของพระเจ้าอยู่หัว คงไม่จำกัดอยู่แค่ในหลวงกับสมเด็จฯ กับพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าลูกยาเธอ แต่ว่าคงจะเป็นเรื่องของความรักประชาชน รักประเทศชาติ บ้านเมือง รักเผื่อแผ่มาถึงคนทุกคน ไม่เลือกความยากดีมีจน รักเผื่อแผ่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ตกทุกข์ได้ยาก  

′ผมไม่ใช่แค่เห็น แต่สัมผัสอยู่กับสิ่งที่สองพระองค์ทรงทำ เรารับรู้ บางครั้งเวลาพระองค์ท่านจะทำอะไรจะทรงบอกเหตุผล ให้เราเข้าใจว่าทรงคิดอะไร อย่างงานศิลปาชีพของสมเด็จฯ บางทีเสด็จฯต่างจังหวัดจะมีพ่อแม่เอาเด็กมาถวายให้ท่าน เพราะพวกเขาเลี้ยงไม่ไหว ท่านก็จะถามก่อนว่า ลูกคนนี้เป็นคนที่เท่าไหร่ของครอบครัว ถ้าเป็นคนโตไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายจะไม่ทรงรับ ท่านจะรับคนถัด ๆ ไป ท่านบอกว่า คนแรกของครอบครัว จะเป็นลูกที่มีแรงมีกำลังจะช่วยเหลือผ่อนคลายภาระครอบครัวได้ ถ้าเป็นพี่สาวจะผ่อนแรงช่วยเลี้ยงน้องได้ ถ้าเป็นผู้ชายก็จะช่วยแบ่งเบางานได้′  

...ท่านทรงคิดละเอียดมาก อย่างเวลามีผู้ประสบภัย ท่านจะคิดในทันที อย่างตอนเขมรแตก ได้มีการหนีเข้ามาในจังหวัดตาก กาชาดกราบบังคมทูลมาวันศุกร์  ตอนบ่าย เช้าวันเสาร์ท่านเสด็จเลย ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นประทับอยู่ไกลกังวล ตอนเย็นนั้นท่านสั่งสมเด็จ     พระเทพฯให้หาเต็นท์ ผ้าใบ เพราะฝนตกตลอดเวลา  หาเครื่องปั่นไฟ และปูพื้นให้พวกเขาด้วยเนื่องจาก    พื้นแฉะ หาเกลือไอโอดีน ของบางอย่างเรายังนึกไม่ถึง แต่พระองค์ทรงนึกถึงคือผ้าอนามัย  ความประทับใจต่อการถวายงานของอาจารย์เผ่าทองจึงเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่  

′เวลาถวายงานไม่อยากพูดว่า ครั้งไหนที่ประทับใจ เราถวายงานด้วยความประทับใจอยู่แล้ว เราอยู่ในฐานะอาสาสมัคร พระองค์ท่านอยู่ในฐานะที่จะเลือกใช้ใครก็ได้ มีคนเป็นล้าน ๆ อยากถวายงานให้ท่าน แต่ท่านเลือกเจาะจงมาเป็นเรา ก็ต้องถือว่าเป็นเกียรติยศ จึงพูดไม่ได้ว่ามีครั้งไหนที่ประทับใจ เพราะทุกครั้งที่ทรงใช้งาน ทรงเรียกเรามา ชื่นใจทุกครั้ง อย่างตอนจัดดอกไม้ที่พระที่นั่งจักรี ประทานเลี้ยงประธานาธิบดีของจีน ก็รับสั่งล่วงหน้านานเป็นปี รับสั่งให้คิดแบบไว้ คอยถามอยู่เรื่อย ๆ และให้โจทย์ว่าควรเป็นดอกไม้ไทย จัดแล้วแสดงออกถึงความเป็นไทย แต่ให้มีกลิ่นอายจีน ผมก็จะใช้ต้นไผ่ที่ท้องพระโรงหน้าสมัย   รัชกาลที่ 5 เป็นไผ่ทองสูง 5 เมตร ทั้งกอใส่ลงไปใน  4 กระถาง แล้วทำเครื่องแขวน ทำเป็นดอกไม้สดพัดจีน ก็ทรงโปรดและพอพระราชหฤทัย และยังรับสั่งว่า ดอกไม้ตรงที่ฉายพระรูปจะต้องพิเศษด้วย เพราะจะถูกอ้างถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนตลอดที่พูดถึงความสัมพันธ์ ไทย-จีน′   พระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจสำคัญต่อชีวิตของอาจารย์เผ่าทอง โดยเฉพาะแรงบันดาลใจด้านการทำห้องเสื้อ ′เผ่าทอง′ ที่ใช้ผ้าไหมไทยทั้งหมด  

...ผมจำได้ว่า ในช่วงไอเอ็มเอฟที่มีวิกฤตเศรษฐกิจคราวนั้น เวลาสมเด็จพระนางเจ้าฯเสด็จสกลนคร ท่านจะเสด็จทรงรับซื้อผ้า แต่ละปี 10 ล้าน 50 ล้าน ทรงซื้อผ้าจากราษฎร โดยมีคณะกรรมการตีราคาผ้าที่  ชาวบ้านนำมาถวายขาย ซึ่งหากตีราคาเมตรละ 300 บาท หรือเท่าไหร่ก็ตาม ท่านจะพระราชทานอีกเมตรละ  100 บาท เพื่อให้เป็นรางวัลกับเขา ถือว่าทรงพระเมตตามาก เท่ากับท่านซื้อมาตกเมตรละ400 บาท แต่เวลาเอามาขายจริง ๆ ขายแค่เมตรละ 150-200 บาท เพราะท่านบอกว่าที่ขายราคาถูก ตัวพระองค์ท่านขาดทุน ไม่ใช่เงินแผ่นดินนะ เป็นเงินส่วนพระองค์ ท่านบอกว่า ที่ท่านยอมขาดทุน เพราะท่านจะให้เป็นของขวัญกับประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ผลิตผ้า ซึ่งรับพระราชทานของขวัญเป็นส่วนลด ประชาชนจะได้ใส่ ผ้าไทยได้มากขึ้น ท่านบอกว่าต้องมีการนำร่อง เราซื้อผ้าไหมไทยมาชุดหนึ่งนี่ ใส่แล้วสวย จากนั้นเราจะมีแรงบันดาลใจไปหาซื้อมาใส่ใหม่เป็นผลดีกับคนทอผ้า เกษตรกรหม่อนไหม  

′สื้อผ้าเผ่าทองของผม ผมทำทั้งหมดเพราะเป็นแรงบันดาลใจจากพระองค์ท่านเช่นกัน ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เพราะห้องเสื้อที่เป็นผ้าไหม เกือบจะเหลือผมอยู่เจ้าเดียวแล้ว เพราะต้นทุนมันสูงมาก ผ้าไหมเมตรหนึ่ง 400-500 บาท เราทำวัตถุดิบขึ้นมา ผ้าไหม 1 พับคือ 50 เมตร เมตรละ 500 ก็ 25,000 บาท ในหนึ่งอุ้งมือเราใส่ใน 6 พับคือ 150,000 บาท เวลาสต๊อกผ้า ผมจะต้องใช้ 30-40 ล้านบาท เป็นภาระมาก ขณะที่คนอื่นตัดผ้าฝ้าย ผ้าใยสังเคราะห์ เมตรหนึ่ง 20-30 บาท แถมขายได้ราคาเท่าผมคือ 2,000-3,000 บาท ขณะที่ของผมผ้าไหมราคานี้คนยังว่าแพง !′  

...ทุกวันนี้ผมก็กัดฟัน ไม่รู้จะว่าอย่างไร         (ถอนหายใจ) เราขายตัวละ 3,000 บาท ใช้ผ้า 3 เมตร ซับในอีก  3 เมตร ค่ากระดุม ซิปอีก ถ้าไปตัดเสื้อตัวหนึ่งค่าตัดไม่ต่ำกว่า 1,500 บาท ของเราค่าผ้าค่าตัดเกินอยู่แล้ว ขายอยู่ 3,000 บาท ก็ต้องขาดทุนล่ะ ผมทำมา 15 ปีนี่เห็นเลย อย่างตอนนี้ยอดตกไป 80 เปอร์เซ็นต์ ภาวะอย่างนี้ยอมรับว่าเหนื่อยมาก แต่เราก็ต้องสู้ เราสู้อยู่แล้ว   ทุกวันนี้ อาจารย์เผ่าทองยังคงถวายงานรับใช้ด้วยการเป็นที่ปรึกษาด้านหม่อนไหมให้กับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินสายบรรยายเป็นอาจารย์พิเศษ บรรยายเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์, ในหลวงของเรา เป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนจิตรลดา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และยังเป็นที่ปรึกษาบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตอีก  

′มื่อเห็นความรักของสองพระองค์เป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว เป็นความรักที่เผื่อแผ่ ผมจึงไม่เคยคิดว่าจะต้องหยุดพัก คิดว่าจะทำงานจนหมดลมหายใจ ใครขอมาให้ช่วย เราก็เข้าไปช่วยเท่าที่ทำไหว !′

Tags : กำลังใจ ใต้เบื้องยุคลบาท เผ่าทอง ทองเจือ

view