สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

วิกฤตโยกย้าย ปัจจัยเสี่ยงรัฐบาล

จาก โพสต์ทูเดย์

ระบาดไปทั่วทุกหย่อมหญ้ากับ “วิกฤต” การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ซึ่งนับวันแผลใหม่ๆ จะค่อยๆ ผุดออกมาประจานรัฐบาล ที่มีข้อครหาเรื่องการซื้อขายตำแหน่งและเด็กเส้น เด็กฝาก มากที่สุดยุคหนึ่ง

โดย...ทีมข่าวการเมือง

 

ล่าสุดคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) มีมติเอกฉันท์เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายอำเภอประเภทอำนวยการระดับสูง ประเภทวิชาการและระดับเชี่ยวชาญจำนวน 41 ราย ตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 15 ม.ค. 2533

ด้วยเหตุผลสำคัญคือ ไม่ยึดหลักเกณฑ์ที่ฝ่ายปกครองกำหนด โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง “อาวุโส” ซึ่งจากข้อเท็จจริงพบว่าการคัดเลือกผู้ที่มาดำรงตำแหน่งว่าง 46 ตำแหน่ง มีผู้อาวุโสที่อยู่ในคิวจ่อเข้าสู่ตำแหน่ง 46 รายแรก ได้รับการแต่งตั้งเพียงแค่ 5 ราย

ขณะที่ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้มาดำรงตำแหน่งเป็นอันดับที่ 1 กลับมีลำดับอาวุโสอยู่ที่ 81 และผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้มาดำรงตำแหน่งอันดับที่ 2 และ 3 มีอาวุโสเป็นลำดับที่ 324และ 329 ตามลำดับ ถือเป็นการกระโดดข้ามหัวหลายร้อยคนซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ที่สำคัญงานนี้อาจกลายเป็นจุดเริ่มเต้นของโดมิโนให้กลับไปรื้อฟื้นการ แต่งตั้งโยกย้ายในหลายส่วนทุกสาระบบของวงการข้าราชการ ที่มีปัญหาคล้ายคลึงกันนี้

โดยเฉพาะสัญญาณเอาจริงจาก นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ที่ดูแล ก.พ.ค. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้ายกเลิกคำสั่งดังกล่าวพร้อมดูแลเรื่องการ เยียวยา

จังหวะไล่เลี่ยกันนี้ ยังพบการแต่งตั้ง “มงคล สุระสัจจะ” อธิบดีกรมการปกครองขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเข้าสู่ตำแหน่งนี้อย่างรวดเร็ว ด้วยความสัมพันธ์ระดับ “สายตรง” ของ เนวินชิดชอบ

ยิ่งดูเส้นทางก้าวกระโดดที่เป็น ผวจ.บุรีรัมย์ ปีเดียว ก็ขยับขึ้นมาเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน ปี 2552 ตามด้วยอธิบดีกรมการปกครอง ปี 2553 เพียงแค่ 4 เดือน ก่อนขึ้นชั้นเป็นปลัดกระทรวง

จน “ปู่จิ้น” ชวรัตน์ ชาญวีรกูล มท.1 ออกมาอธิบายปรากฏการณ์ครั้งนี้แบบติดตลกว่า “อาจเป็นเพราะเขามียาดี ยาดีก็บำรุงร่างกายให้โต”

ไม่น่าแปลกใจกับกระแสต่อต้านเส้นทางก้าวกระโดดครั้งนี้ เมื่อ สว.สายอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด ลูกหม้อมหาดไทย อาทิ ฐิระวัตรกุลละวณิชย์ กฤช อาทิตย์แก้ว สุพจน์ โพธิ์ทองคำ ดิเรก ถึงฝั่ง สุเมธ ศรีพงษ์ พีระ มานะทัศน์ ออกมาแถลงถึงความไม่เหมาะสมในการแต่งตั้ง

ทั้งเหตุผลเรื่องความอาวุโสกับการนำคนที่ได้ซี 10 มาไม่ถึง 2 ปี อาวุโสลำดับที่ 54 มาเป็นปลัดกระทรวง หรือมีสายสะพาย 2 เส้นแต่แซงหน้ารองปลัดคนอื่นๆ ที่มีสายสะพาย 4 เส้น อีกทั้งยังเหมือนกับเอาเณรมาเป็นเจ้าอาวาสปกครองพระ ไม่มีความสง่างาม

สอดรับกระแสข่าวก่อนหน้านี้เรื่องการวิ่งเต้นซื้อขายเก้าอี้กันอย่างเอิก เกริกถึงขั้นกำหนดอัตราราคาเก้าอี้กันแบบชัดเจน ตั้งแต่ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดไปจนถึงการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ

ทว่านอกจากสถานการณ์จะไม่ได้รับการคลี่คลายให้ดีขึ้น ตรงกันข้ามยังขยายตัวมากขึ้น แถมยังพบพิรุธการทำเรื่องของกระทรวงมหาดไทยมายัง ก.พ. เพื่อขอยกเว้นเกณฑ์ ก.พ. เรื่องการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดคล้ายจะเปิดทางให้กับการแต่งตั้งคล่อง ตัวไร้ข้อครหา

ชัดเจนว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรมใน กระทรวงมหาดไทย เนื่องจากอยู่ใต้การกำกับดูแลของพรรคภูมิใจไทย “เสาค้ำยัน” สำคัญของรัฐบาล

พร้อมเสียงกระตุ้นเตือนจาก “ศุภชัยใจสมุทร” โฆษกภูมิใจไทย ที่เตือนให้พึงระลึกถึงบุญคุณสมัยครั้งยอมพลิกขั้วมาจับมือตั้งรัฐบาล พร้อมบ่นว่า

“การแสดงออกกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลวันนี้อาจจะขาดการถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน”

ทว่านายกฯ ซึ่งต้องเลือกระหว่าง “เสถียรภาพ” กับ “ภาพลักษณ์” ยังยืนยันว่า แม้จะให้เจ้ากระทรวงเป็นผู้ดูแล แต่ใครที่มีปัญหาความไม่เป็นธรรม ทำไม่ถูกต้องตามระเบียบ ก็ต้องดำเนินการ พร้อมกำชับ “สุเทพ” คุ้มเข้มมหาดไทยหลังมีเสียงวิจารณ์กันหนาหู

ดังจะได้พิสูจน์ความชัดเจนกันอีกครั้ง ในการแต่งตั้งข้าราชการซี 10 ในส่วนของ อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ว่างลงอีก 225 ตำแหน่ง อีกไม่กี่วันนี้ ว่าจะดีขึ้นอย่างไรหรือไม่

ไม่ใช่แค่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยที่มีปัญหาเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ก็จัดเป็นอีกหน่วยงานที่ถูกวิจารณ์ถึงการแต่งตั้งโยกย้าย ข้ามหัว ซื้อขายตำแหน่ง

ยืนยันโดย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. ออกมาเปิดใจก่อนเกษียณว่า การแต่งตั้งครั้งที่ผ่านมาระดับรองผู้บังคับการสารวัตร มีคนมาฝากถึง 2,000 ราย

กลายเป็นปัญหาตามมา คือ “คนทำงานไม่ได้โต คนโตไม่ได้ทำงาน”

ตามมาด้วยคำพิพากษาศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ให้เป็นรอง ผบ.ตร. เนื่องจากมีอาวุโสเป็นลำดับ 2 ขณะที่ พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา สบ10 ซึ่งมีอาวุโสเป็นอันดับ 1 และไม่มีข้อบกพร่องในเรื่องการทำหน้าที่กลับไม่ได้รับการแต่งตั้ง

หนำซ้ำยังถูกตอกย้ำโดยศาลปกครองว่าการพิจารณาแต่งตั้งครั้งนี้ เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายและใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ

ทำให้ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ กำกับ สตช.ออกมายืนยันว่า ปีนี้ได้กำหนดกฎเกณฑ์กติกาค่อนข้างจะแข็งแรง สำหรับการแต่งตั้งรอบนี้ ตามที่นายกฯ ได้กำชับให้ดูแลอย่างเคร่งครัด

ทางฝั่งกองทัพเองก็ยังพบปัญหาเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่มีความเป็น ธรรม โดยเฉพาะการจัดวางฐานอำนาจรองรับการขึ้นมาสู่ตำแหน่ง ผบ.ทบ. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเรืองอำนาจของฝั่ง “บูรพาพยัคฆ์”

จนเป็นที่วิตกกันว่า อาจจะกลายเป็นคลื่นใต้น้ำในกองทัพ กับความไม่พอใจของสาย “วงศ์เทวัญ” ที่ถูกกระชับอำนาจ และอาจจะก่อตัวเป็นปัญหาในระยะยาวได้

สารพัดปัญหา การวิ่งเต้น ซื้อขาย “เก้าอี้” จึงถือเป็นอีก “ปัจจัยอันตราย” ของรัฐบาล โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลโยกย้ายครั้งนี้ ที่สำคัญจะได้เป็นโอกาสให้พิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ว่า กฎเหล็ก9 ข้อ ที่นายกฯ อภิสิทธิ์ เคยตีกรอบเอาไว้ ยังศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกหรือไม่...?

Tags : วิกฤตโยกย้าย ปัจจัยเสี่ยงรัฐบาล

view