สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เปิดจดหมายสมาคมขรก.ตบหน้านายกฯ บ่งฝีมหาดไทย

จาก โพสต์ทูเดย์

“ข้อเท็จจริงที่ปรากฎอยู่ในขณะนี้ มีการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงในบางกระทรวง  ที่ไม่เป็นธรรมตามระบบคุณธรรม  โดยฝ่ายการเมืองมักจะอ้างความเหมาะสมมาเป็นเหตุผลหลักในการแต่งตั้งโยกย้าย  ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไม่อาจรับฟังได้ “         

โดย ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว

การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชในกระทรวงมหาดไทยนับวันจะบานปลายมากขึ้น จากการโยกย้ายระดับอธิบดีกรม ปลัดกระทรวง และกำลังจะเข้าสู่ฤดูการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดล็อตใหญ่   ล้วนถูกจับตามองจากข้าราชการในกระทรวงรวมถึงอดีตข้าราชการกระทรวงคลองหลอด ที่เห็นถึงความไม่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม

บ้างมีการย้ายข้ามอาวุโส  บางรายไม่มีผลงานความสามารถเป็นที่ประจักษ์ แต่กลับขยับสู่ตำแหน่งสำคัญ  โดยไม่ได้คำนึงถึงระบบคุณธรรมแต่ยึดหลักระบบอุปถัมภ์ทางการเมืองเป็นหลัก

ฝีในกระทรวงกำลังปริแตกจากแรงกระเพื่อมของข้าราชการกระทรวงที่กล้าออกมา แสดงความคิดเห็นในวงกว้าง  มีการเข้าชื่อจากสมาคมข้าราชการบำนาญและปัจจุบันถวายฏีกาคัดค้านการแต่งตั้ง ปลัดกระทรวงมหาดไทย   มีการร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการ(ก.พ.ค.)  จนกระทรวงมหาดไทยถูกขึ้นสถิติเป็นแชมป์อุทธรณ์การโยกย้ายไม่เป็นธรรม  หรือแม้แต่สถิติการร้องเรียนคำสั่งลงโทษโดยมิชอบ ก็ติดอันดับสอง รองจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งล้วนเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ปกติแน่สำหรับกระทรวงแห่งนี้ 

แม้แต่สมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย  ได้ส่งสัญญาณไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  ด้วยการยื่นจดหมายขอให้ตรวจสอบความเป็นไปในกระทรวง เพราะหากปล่อยเช่นนี้ สถานการณ์กระทรวงก็จะเข้าสู่ภาวะล้มเหลวในการควบคุมการบังคับบัญชาใน อนาคต    ล่าสุดนายกฯได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมครม. และกำชับนายชวรัตน์  ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยไปแล้ว ให้ยึดหลังความถูกต้องเหมาะสม     แต่ก็ดูเหมือนบทบาทนายกฯไม่ต่างกับนายไปรษณีย์นำความมาบอกกล่าวเท่านั้น     เพราะสุดท้าย  สภาพของกระทรวงมหาดไทย ก็ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆตรงกันข้ามกลับเดินหน้าโยกย้ายอย่างผิดปกติ โดยไม่สนเสียงท้วงติงจากกลุ่มข้าราชการเกษียณและที่ดำรงตำแหน่งปัจจุบันต่อ ไป

…………….

เนื้อหาต่อไปนี้คือ  สาระสำคัญในจดหมายที่นายขจัดภัย บุรุษพัฒน์  ที่ปรึกษาสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย กระแทกถึงฝ่ายการเมือง     ความว่า สมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ถือเป็นนโยบายสำคัญมาโดยตลอดที่จะให้ระบบคุณธรรมดำรงไว้ในระบบราชการให้ ได้ ทั้งนี้เพราะตระหนักว่าข้าราชการเป็นกลไกสำคัญของรัฐในการนำนโยบายไปปฏิบัติ ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม  เพื่อนำความเจริญก้าวหน้า ความสงบเรียบร้อยและความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่ประชาชนและบ้านเมือง  ด้วยเหตุนี้ขวัญและกำลังใจในการทำงานของข้าราชการจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้อง เสริมสร้างและดำรงรักษาไว้

จากการตรวจสอบของสมาคมฯ ในหน่วยราชการต่างๆ และจากการร้องเรียนของข้าราชการ  ปรากฎว่ายังคงมีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม  ไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ  ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินการของฝ่ายการเมือง 

ตามระบบคุณธรรมนั้นการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทุกระดับ  จะต้องคำนึงถึงความรู้ ความสามารถ ความแป็นธรรม ความเสมอภาค ผลงาน  ประโยชน์ของทางราชการและความอาวุโส  แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฎอยู่ในขณะนี้ มีการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงในบางกระทรวง  ที่ไม่เป็นธรรมตามระบบคุณธรรม  โดยฝ่ายการเมืองมักจะอ้างความเหมาะสมมาเป็นเหตุผลหลักในการแต่งตั้งโยกย้าย  ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไม่อาจรับฟังได้

การดำเนินการที่ไม่ยึดหลักความถูกต้องชอบธรรม  มีการเบี่ยงเบนไปใช้ระบบอุปถัมภ์และความรู้สึกส่วนตัว เพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง หรือประโยชน์อื่นใด  ซึ่งเป็นการทุจริตในเชิงนโยบายในลักษณะหนึ่ง ทำให้ข้าราชการที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต   อุทิศตนให้กับงานในหน้าที่เกิดความรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับระบบราชการ และสร้างความเสื่อมเสียให้กับรัฐบาลอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

สมาคมฯ ใคร่ขอความกรุณา ฯพณฯ  นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และประธาน ก.พ. ได้โปรดดูแลให้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในขอบเขตอำนาจรัฐมนตรีเป็นไปตาม หลักคุณธรรม อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในระบบราชการอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม จดหมายฉบับนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นอีกเสียงสะท้อนที่ดังขึ้นช่วงหนึ่งแล้วก็เงียบหายไป หากไม่มีใครหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านพิทักษ์ระบบคุณธรรมออกโรงมาดำเนิน การเรื่องนี้จนเป็นที่หวังได้อย่างจริงจัง    

การต่อต้านคัดค้านระหว่างฝ่ายข้าราชการที่กำลังเป็นใหญ่ กับข้าราชการที่ถูกข้ามหัว    และศึกระหว่างข้าราชการกับฝ่ายการเมือง ภายในกระทรวงมหาดไทย  นับว่าเป็นภาวะน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

สภาพที่ไม่มีใครฟังใครเช่นนี้  คือสัญญาณความล้มเหลวของการบริหารราชการแผ่นดิน


เก้าอี้ปลัดมหาดไทยสะดุดเผือกร้อนในมือ มาร์ค

จาก โพสต์ทูเดย์

การแต่งตั้ง “มงคล สุระสัจจะ” ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย สะดุดขึ้นทันที

โดย...ทีมข่าวการเมือง

การแต่งตั้ง “มงคล สุระสัจจะ” ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย สะดุดขึ้นทันที เมื่อเลขาธิการสำนักพระราชวังทำหนังสือถึง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ให้ชี้แจงกรณีการแต่งตั้งมงคล เพราะมีประชาชนทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาคัดค้าน เรื่องที่เกิดขึ้นนับเป็นเรื่องใหญ่มากที่สุดเรื่องหนึ่งในการบริหารราชการ แผ่นดินที่ทำให้ “อภิสิทธิ์” ต้องคิดหนักและรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง 3 คน เพื่อให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำรายชื่อทั้งหมดเพื่อขอพระบรมราชการโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง โดยทั้ง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ “นนทิกร กาญจนะจิตรา” เลขาธิการสำนักงานข้าราชการพลเรือน ได้รับการโปรดเกล้าฯ เรียบร้อยแล้ว

ยกเว้นก็เพียง “มงคล” เท่านั้น เพราะถูกสมาคมข้าราชการบำนาญ นำโดย “โชดก วีรธรรม พูลสวัสดิ์” นายกสมาคม “พงศ์โพยม วาศภูติ” ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาคัดค้าน เพราะเห็นว่าการแต่งตั้ง “มงคล” มีการข้ามหัวข้าราชการที่มีอาวุโสกว่าถึง 54 คน

ก่อนหน้านี้ “พงศ์โพยม” เคยเตือน “อภิสิทธิ์” ว่า “ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้ตรวจสอบบุคคลที่จะเสนอให้มีพระบรมราช โองการแต่งตั้งให้ถูกต้อง ไม่ใช่เสนอแบบส่งเดช” โดยในทางการเมืองแล้ว “อภิสิทธิ์” คงลำบากใจไม่น้อยเพราะชื่อ “มงคล” ถูกเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตัวเองนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม จึงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้

ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุการณ์ ที่มีการเสนอบุคคลขึ้นทูลเกล้าฯ บุคคลเพื่อรับตำแหน่งต่างๆ โดยมีการคัดค้านของบางฝ่าย เช่น ในสมัยรัฐบาลทักษิณ กรณี “สุชน ชาลีเครือ” ประธานวุฒิสภาในขณะนั้น ส่งชื่อ “วิสุทธิ์ มนตริวัต” เป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทั้งที่ยังมีข้อขัดแย้งว่าคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.ในตอนนั้นพ้นจากตำแหน่งแล้วหรือไม่ โดยเวลาผ่านไปนานกว่า 100 วันก็ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ทำให้ “วิสุทธิ์” ขอถอนตัวในที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ “สุชน” เสนอรายชื่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดที่มี พล.ต.อ.ดรุณ โสตถิพันธุ์ พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด ศิวะ แสงมณี เป็นกรรมการ ทูลเกล้าฯถวาย แต่งตั้ง ซึ่งขณะนั้นมีการคัดค้านจากสังคมว่ากระบวนการสรรหา ป.ป.ช.ไม่ถูกต้อง ทำให้สำนักพระราชวังส่งเรื่องกลับมา รวมถึง การตีกลับร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏ เพราะมีข้อบัญญัติหลายอย่างขัดแย้งกันเอง

กระทั่ง มาในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้น โดยอาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะกระทรวงมหาดไทยในยุคนี้ภายใต้การควบคุมของพรรคภูมิใจไทย ที่มี “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” เป็นรัฐมนตรี ถูกปกคลุมด้วยอิทธิพลของพี่น้องคนโตบุรีรัมย์ ซึ่งมีการร้องเรียนเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม การซื้อขายตำแหน่ง รวมถึง การร้องเรียนเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัตรสมาร์ตการ์ด เรื่องโครงการเช่าคอมพิวเตอร์ 3,490 ล้านบาท ฯลฯ

ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาที่ “อภิสิทธิ์” รับรู้มาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถทำอะไรพรรคภูมิใจไทยได้ แม้ว่าอยากจะเข้ามาแก้ปัญหาใจจะขาด เพราะเกรงใจพรรคภูมิใจไทยที่ เนวิน ชิดชอบ เป็นแกนนำสำคัญในการตั้งรัฐบาล และผลักดันให้ “อภิสิทธิ์” เป็นนายกรัฐมนตรี จน สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้จัดการรัฐบาล ยอมรับว่า “ไม่มีเขา ก็ไม่มีเราในวันนี้” จนเป็นที่มาของการตอบแทนด้วยการให้พรรคภูมิใจไทยดูแลกระทรวงเกรดเอ ทั้ง มหาดไทย คมนาคม และ พาณิชย์ ที่มีงบประมาณหลายแสนล้านบาท

อย่างไรก็ ตาม เรื่องที่เกิดขึ้น “อภิสิทธิ์” ควรจะเข้าไปแก้ปัญหานี้ตั้งแต่ต้น ทั้งที่ว่าไปแล้วเหตุการณ์ชุมนุมเสื้อแดงที่ผ่านมาได้ทำให้ภาวะผู้นำของ นายกฯ เพิ่มมากขึ้น แต่ “อภิสิทธิ์” กลับไม่ใช้โอกาสนี้สะสางความไม่ชอบมาพากลในการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล จนทำให้วิกฤตการแต่งตั้งโยกย้ายระเบิดออกมาในที่สุด

โดยเฉพาะปัญหาใน กระทรวงมหาดไทยที่มีเรื่องร้องเรียนมานานและมีการสอบสวนอย่างเป็นรูปธรรม แต่นายกฯ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เช่น ตอนที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ของ ก.พ. ที่มีมติให้กระทรวงมหาดไทยยกเลิกการแต่งตั้งนายอำเภอ 41 คน เพราะเห็นว่าการสรรหาไม่มีความชอบธรรม แต่ปรากฏว่าขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่นายกฯ ถือว่าเป็นประธาน ก.พ.โดยตำแหน่ง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จนมีแนวโน้มว่า ก.พ.ค.จะเป็นเสือกระดาษ

เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความผิดหวังให้กับ ข้าราชการต่อตัว “อภิสิทธิ์” นายกฯ ที่ได้ชื่อเป็นผู้มีภาพลักษณ์ดีเป็นอย่างมาก เพราะไม่สามารถเป็นที่พึ่งของข้าราชการได้แม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ข้าราชการเหล่านี้ต้องหันไปพึ่งกระบวนการยุติธรรม และการทูลเกล้าฯถวายฎีกา เพราะไม่สามารถทนเห็นกระทรวงมหาดไทยถูกย่ำยีต่อไปได้ โดยเฉพาะการแต่งตั้งอธิบดี 3 กรม เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นคนของฝ่ายการเมืองแทบทั้งสิ้น อีกทั้งยังมีปัญหาการข้ามอาวุโส ซึ่งเป็นเรื่องที่สิงห์คลองหลอดรับไม่ได้

เพราะทั้ง “ขวัญชัย วงศ์นิติกร” ที่พ้นจากรองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) “วิเชียร ชวลิต” พ้นจากอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นอธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) “สุรชัย ขันอาสา” พ้นจาก ผวจ.สมุทรปราการ เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) ที่ได้รับการแต่งตั้งล็อตนี้ก็มีข้อกังขาเรื่องคุณสมบัติที่ไม่เหมาะไม่แพ้ กัน เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพียง 23 ปีเท่านั้น
ปัญหาที่ เกิดขึ้น นาทีนี้ต้องติดตามว่า “อภิสิทธิ์” จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร จะยอมกลุ่มเนวินต่อไปหรือไม่ หรือจะพิสูจน์ภาวะผู้นำของตัวเองอีกครั้ง ด้วยการเข้ามาสะสางเรื่องฉาวในกระทรวงมหาดไทย แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น นายกฯ จะอธิบายเรื่องนี้ต่อสังคมอย่างไร เพราะดุลพินิจของหัวหน้ารัฐบาลต้องสำคัญกว่าดุลพินิจของเจ้ากระทรวงอยู่แล้ว

แผล จากเรื่องฎีกาครั้งนี้นอกจากจะถูกพรรคเพื่อไทยนำไปขยายผลแล้ว จะยิ่งทำให้ข้าราชการกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับอัดกลับไปที่พรรคภูมิใจไทย แต่ก็จะเจ็บปวดไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำรัฐบาลด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเผือกร้อนที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขให้เร็วที่สุด

Tags : เปิดจดหมาย สมาคมขรก. ตบหน้า นายกฯ บ่งฝีมหาดไทย

view