สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

แก้หนี้รอบ 2 ปรุงร้อนๆก่อนเลือกตั้ง

จาก โพสต์ทูเดย์

“โครงการลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบรอบ 2” ถูก กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ยกขึ้นมาอีกรอบ นัยว่าเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แจกให้ชาวรากหญ้าที่มีรายได้ น้อย คนหาเช้ากินค่ำ ให้ชุ่มชื่นหัวใจกันอีกครั้ง

โดย...ทีมข่าวการเงิน

 

“โครงการลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบรอบ 2” ถูก กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ยกขึ้นมาอีกรอบ นัยว่าเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แจกให้ชาวรากหญ้าที่มีรายได้ น้อย คนหาเช้ากินค่ำ ให้ชุ่มชื่นหัวใจกันอีกครั้ง

หากเป็นไปตามกำหนด การเปิดลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบรอบ 2 จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.พ. ปีหน้า

ถือเป็นการมัดใจคนจนให้คิดถึงรัฐบาลกันข้ามปีเลยทีเดียว

เป็นการตอกลิ่มฝากฝังคนไทยในกลุ่มนี้ว่า โปรดอย่าลืมรัฐบาล หลังปีใหม่จะมีของดีมาฝาก

การแก้หนี้นอกระบบรอบ 2 ถือเป็นโครงการต่อยอดจากการแก้ไขในรอบแรก ที่เริ่มดีเดย์โครงการมาตั้งแต่ปลายปี 2552 ซึ่งในการดำเนินโครงการรอบแรก แม้ใครจะมองว่าไม่สำเร็จ

แต่ในพรรคประชาธิปัตย์แล้ว โครงการนี้เป็นที่ต้องการของชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง

และหากมองในมิติของตัวเลขแล้วต้องถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะมีคนมาลงทะเบียนได้ตามเป้า 1 ล้านราย

แต่ในแง่ของการช่วยประชาชนให้พ้นจากการเป็นหนี้นอกระบบ ยังบอกไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าประสบความสำเร็จ

เพราะยังมีลูกหนี้อีกจำนวนมากที่มาลงทะเบียนแล้ว ต้องถอนตัวออกไป

และมีลูกหนี้อีกจำนวนมากที่ขณะนี้ยังไม่สามารถเข้ามาเป็นลูกหนี้สถาบันการเงินของรัฐในระบบได้

ข้อมูลชั้นต้นของโครงการลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบครั้งแรกมีคนมาลงทะเบียน จำนวน 1.18 ล้านราย มูลหนี้รวม 1.23 แสนล้านบาท แต่เมื่อเริ่มกระบวนการคัดกรองครั้งแรก ปรากฏว่ามีลูกหนี้ถอนตัวจากโครงการไปถึง 4 แสนราย มูลหนี้รวม 3.9 หมื่นล้านบาท

สาเหตุสำคัญเพราะประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังมีความคิดที่คลาดเคลื่อนว่า “รัฐบาลจะแจกของฟรีใช้หนี้ให้ จึงมาลงทะเบียนทั้งที่ไม่ได้เป็นหนี้นอกระบบตามเงื่อนไข”

บางรายมีการกู้ยืมในหมู่พี่น้องเครือญาติกันเอง ไม่รวมกับพวกหัวใสสร้างตัวเลขการเป็นหนี้เท็จ หวังของฟรีจากรัฐบาล

สำหรับลูกหนี้ที่เหลืออีก 7 แสนราย มีธนาคารของรัฐเป็นเจ้าภาพใหญ่ 2 แห่ง คือ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รับหน้าที่โอนเข้ามาเป็นลูกหนี้นอกระบบมาอยู่ในระบบ

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาธนาคารรัฐทั้งสองแห่งพยายามรับโอนลูกหนี้นอกระบบมาอยู่ในระบบได้ถึง 5 แสนราย คิดเป็นมูลหนี้ถึง 4.1 หมื่นล้านบาท

มองในแง่ของมิติที่มุ่งเน้นการปลดภาระให้กับผู้เป็นหนี้นอกระบบ ต้องถือว่ารัฐบาลทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว

เพราะหากคิดว่าลูกหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้นอกระบบซึ่งจะต้องจ่ายดอกเบี้ย เดือนละ 1020% แต่เมื่อโอนหนี้เข้ามาในระบบแล้วต้องจ่ายดอกเบี้ยไม่ถึง 10% ต่อปี

ทำให้ลดภาระแก่บรรดาคนที่เป็นลูกหนี้เหล่านี้ได้เป็นหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

ในแง่นี้ต้องให้คะแนนรัฐบาล เพราะหากไม่มีโครงการนี้ออกมา ประชาชนจำนวนนี้ก็ยังไม่สามารถลืมตาอ้าปากขึ้นได้อย่างแน่นอน

และที่ต้องถือเป็นผลงานของรัฐบาลอีกเรื่องหนึ่งคือ หนี้นอกระบบที่โอนเข้ามาในระบบจนถึงวันนี้ยังไม่มีใครเป็นหนี้เสียแม้แต่รายเดียว

ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากกลยุทธ์ของการต่อยอดบัตรลดหนี้ วินัยดี มีวงเงิน ที่ผู้เข้าร่วมโครงแก้ไขหนี้นอกระบบจะได้รับทุกคน ซึ่งบัตรนี้นอกจากจะถือไปเป็นบัตรชำระหนี้ได้แล้ว ยังเป็นบัตรที่กู้วงเงินฉุกเฉิน หรือโอ/ดี ได้อีก หากลูกหนี้มีวินัยชำระหนี้ได้ครบตามกำหนดเวลาได้เกินครึ่งทาง ก็สามารถไปกู้เงินได้ในวงเงินไม่เกินที่ชำระหนี้มา

กลยุทธ์ดังกล่าวเป็นการทำให้ลูกหนี้เข้าถึงแหล่งสินเชื่อต้นทุนต่ำได้ และเป็นการตัดวงจรไม่ให้กลับไปเป็นหนี้นอกระบบอีกครั้ง

แม้ว่าบัตรลดหนี้ วินัยดี มีวงเงิน ยังเป็นเรื่องระยะยาว ปัจจุบันยังไม่มีการกู้เงินดังกล่าว เพราะยังไม่มีใครชำระหนี้มาเกินครึ่งทาง แต่สิ่งนี้ได้กลายเป็นแรงจูงใจของคนที่เป็นหนี้นอกระบบ

อีกทางหนึ่งเกิดขึ้นจากการที่ธนาคารรัฐทั้งสองแห่งกวดขันกันอย่างหนักในการพิจารณารับโอนหนี้

อย่างไรก็ตาม ยังมีลูกหนี้อีกกว่า 2 แสนราย ที่ยังเป็นปัญหาคาใจ ทำให้โครงการแก้ไขหนี้นอกระบบยังพูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำว่า ประสบความสำเร็จ

เพราะลูกหนี้จำนวนนี้ยังไม่สามารถเข้ามาเป็นลูกหนี้ในระบบได้ เพราะขาดคุณสมบัติอย่างสิ้นเชิง ทั้งไม่มีอาชีพ ไม่มีรายได้ และไม่มีคนค้ำประกันให้

ทำให้ยังเป็นโจทย์ใหญ่ที่กลายเป็นหนามยอกอกรัฐบาลอยู่ว่า จะผ่าทางตันช่วยลูกหนี้กลุ่มนี้ได้อย่างไร

แต่เพื่อให้โครงการแก้หนี้นอกระบบยังเป็นตัวขับเคลื่อนชูโรง ประชาสัมพันธ์นโยบายปลดภาระหนี้ให้ผู้ยากไร้ และแก้ปัญหาการเหลื่อมล้ำของรัฐบาล

ทำให้ขุนคลังต้องเข็นโครงการแก้หนี้นอกระบบภาคสองออกมา เพื่อให้มีกระแสต่อเนื่องไม่นิ่งเงียบหายไป

โครงการแก้หนี้นอกระบบรอบ 2 ชุดนี้ คาดว่าจะมีไฮไลต์ที่เป็นการเปิดกว้างให้กับลูกหนี้นอกระบบทุกราย แต่น่าจะมีการเพิ่มเพดานของคนที่เป็นหนี้นอกระบบให้มากกว่า 2 แสนบาทต่อราย จากที่ลงทะเบียนครั้งแรก เพื่อเป็นการเพิ่มฐานของคนจนที่รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือมากขึ้น

นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการลด แลก แจก แถม มากขึ้น เพื่อเป็นการจูงใจให้ลูกหนี้นอกระบบกล้าที่จะเดินเข้ามาสมัครเป็นลูกหนี้ในระบบมากขึ้น

ขณะที่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมว่า น่าจะเปิดให้บรรดาครูอีกร่วม 5 แสนคน เข้าร่วมโครงการได้

เพราะตัวเลขของคนเข้ามาเป็นหนี้ในระบบมากขึ้นเท่าใด ผลงานของรัฐบาลก็ยิ่งสำเร็จมากเท่านั้น

เพราะมิติในทางการเมืองนั้นได้ใจทั้งการสร้างภาพช่วยคนจน ยังช่วงชิงการนำทางการเมือง และเป็นการขยายสินเชื่อให้กับธนาคารของรัฐได้อีกทาง

ที่สำคัญ การดำเนินการแก้หนี้นอกระบบรอบ 2 คาดว่าจะมีความกระฉับกระเฉงรวดเร็วมากขึ้น ทั้งจากระบบการทำงานที่เข้าที่เข้าทางแล้ว ระยะเวลาการดำเนินการยังต้องสอดคล้องกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นใหม่ใน ช่วงปีหน้า

หากเป็นไปตามนั้น ทุกอย่างก็จะประจวบเหมาะ ประชาชนพ้นหนี้ รัฐบาลชนะใจคนรากหญ้า

ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใหม่ขึ้นมา โอกาสที่รัฐบาล มาร์คอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะหวนกลับมาเป็นรัฐบาลอีกสมัยหนึ่ง เพื่อทำโครงการแก้ไขหนี้รอบ 3 ก็เป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินเอื้อม

นอกจากนี้ ยังเป็นการพิสูจน์ว่า โครงการรัฐสวัสดิการที่ประชาธิปัตย์พยายามวาดให้คนเห็นว่าเป็นของที่ไม่ได้ ให้ฟรีก็มัดใจชาวรากหญ้าได้ ไม่แพ้โครงการประชานิยมที่แจกแหลกจนประเทศถังแตก เสียวินัยการเงินการคลังเหมือนที่ทำมาในอดีต

ประชาชนชาวรากหญ้าที่เสพติดการเป็นหนี้จนไร้ทางออก โปรดรอลุ้น ไม่นานโครงการนี้จะเปิดฉายทุกจังหวัดทั่วไทย ก่อนฤดูกาลเลือกตั้งจะบังเกิดขึ้นแน่...

Tags : แก้หนี้รอบ 2 ปรุงร้อนๆ ก่อนเลือกตั้ง

view