สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

พท.โหมประชานิยมปูทาง ทักษิณ กลับบ้าน

จาก โพสต์ทูเดย์

7ภารกิจเร่งด่วนที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ประกาศเป็นโรดแมปเดินหน้าทำทันทีหลังรับตำแหน่ง นับเป็นความพยายาม

โหมสร้างความเชื่อมั่นกับว่าที่รัฐบาลใหม่ พร้อมกลบกระแสข่าวที่ยังวนเวียนอยู่กับการวิ่งเต้นต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ถึงขั้นเริ่มบานปลายนำไปสู่ความขัดแย้ง

แน่นอนว่า ลำพังชัยชนะอันถล่มทลายของ “เพื่อไทย” จนนำมาสู่ 300 เสียง จาก 6 พรรคการเมือง ไม่อาจเพียงพอจะค้ำยันเก้าอี้นายกฯ หญิง ให้อยู่รอดปลอดภัยไปจนครบวาระ 4 ปีได้ หากปัญหาปากท้องยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างที่โหมโฆษณา

โดยเฉพาะเมื่อภาพเวลานี้ “เพื่อไทย” กำลังยุ่งวุ่นวาย จากกลุ่มก๊วนต่างๆ ออกมาทวงโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี จนฝุ่นตลบ พร้อมตีกัน “เสื้อแดง” แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่แตกแยกกันเองจนระส่ำหนัก

การเดินหน้าแก้ไข “จุดอ่อน” จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจรอช้าได้ !!!

ที่ผ่านมาชุดนโยบายโดนใจรากหญ้าที่เพื่อไทยหยิบยกมาหาเสียง กลายเป็นเป้าให้ถูกโจมตีมาตลอด ทั้งฝั่ง “ประชาธิปัตย์” ที่ไล่เรียงถล่มรายนโยบาย ทั้งในแง่รายละเอียดความเป็นไปได้ งบประมาณในการนำมาใช้ ไปจนถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นตามมา

 

ไปจนถึงเสียงตอบรับจากภาคธุรกิจที่ยัง “กังขา” ในหลายนโยบาย ทั้งการขึ้นเงินเดือนข้าราชการจบปริญญาตรีเป็น 1.5 หมื่นบาท หรือขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อนายจ้างและกระทบภาวะเงินเฟ้อในประเทศอย่างรุนแรง

ยิ่งท่าทีที่กลับไปกลับมาจากทีมเศรษฐกิจของเพื่อไทยเอง ไปจนถึงคำอธิบายจาก “ยิ่งลักษณ์” ที่ยังคลุมเครือด้วยคำตอบว่ายังไม่มีรายละเอียด พร้อมตัดตอนว่าเรื่องนโยบายทั้งหมดจะต้องนำไปหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่อยากจะลงไปในรายละเอียดในแต่ละเรื่อง เกรงว่าจะส่งผลกระทบกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

เหล่านี้ทำให้ที่ประชุมทีมเศรษฐกิจ ณ ชั้น 8 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีทั้ง โอฬาร ไชยประวัติ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สุชาติ ธาดาธำรงเวช พิชัย นริพทะพันธ์ และ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ถูกกำชับให้เร่งขับเคลื่อนนโยบายออกมาให้เร็วที่สุด

1.การสร้างสามัคคีความปรองดองของคนในชาติ โดยให้ คณิต ณ นคร ในประธาน คณะกรรมการอิสระตรวจสอบ และค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ทำงานอย่างอิสระ และนำไปสู่การปรองดองให้เร็วที่สุด

2.เตรียมจัดงานเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญ พระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษาให้ยิ่งใหญ่ เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศร่วมกันถวายพระพร เป็นพระกำลังใจให้พระองค์ เพื่อแสดงความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทยที่มีต่อสถาบัน

3.พลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการลดค่าครองชีพ และเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน พร้อมกับการลงทุนภาครัฐ เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น

4.ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับต่างประเทศและประเทศเพื่อนบ้านทั้งเวทีทวิภาคีและพหุภาคี

5.เร่งพัฒนาขวัญและกำลังใจข้าราชการเพื่อเป็นกำลังใจในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน

6.เร่งแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วน ที่สร้างปัญหากับระบบเศรษฐกิจและระบบราชการอยู่ในปัจจุบัน โดยจะเร่งตรวจสอบทุกอย่างด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม

7.เตรียมผลักดันทุกนโยบายที่เสนอไว้ตามที่ได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยจะเร่งรัดภายในเวลาที่กำหนด

สอดรับกับผลสำรวจล่าสุดของเอแบคโพล ที่พบว่า นโยบายเรื่องปราบยาเสพติด และปรองดองเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลใหม่ทำมากที่สุด ก่อนจะมาถึงเรื่องปัญหาปากท้อง

โดยเฉพาะการลดราคาน้ำมันเบนซิน 67 บาทต่อลิตร และลดดีเซลลง 2 บาทต่อลิตร ที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากกับคนใช้รถใช้ถนน แม้ต่อมา หลังเจอกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงผลกระทบด้านต่างๆ ทำให้ท่าที “ยิ่งลักษณ์” ออกมาชี้แจงว่าเป็นเพียงแค่การงดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ เป็นเวลาในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่การยกเลิกกองทุนฯ อย่างที่ประกาศตอนแรก

ไล่ย้อนดูแต่ละนโยบายที่ใช้หาเสียงของเพื่อไทย การปัดฝุ่นฟื้นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคกลับมาใช้ใหม่ ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน จำนำข้าวเปลือกขาว 1.5 หมื่นบาทต่อเกวียน ข้าวหอมมะลิ 2 หมื่นบาทต่อเกวียน ขึ้นเงินเดือนผู้ที่จบปริญญาตรีเริ่มขั้นต่ำ 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน หักหนี้สำหรับผู้มีหนี้ไม่เกิน 5 แสนบาท ไม่น้อยกว่า 3 ปี

เพิ่มกองทุนหมู่บ้านเพิ่มเงินตำบลละหนึ่งล้านบาท และทำเขื่อนกั้นน้ำทะเลไม่ให้ท่วมกรุงเทพฯ ทำรถไฟฟ้าให้ครบทั้ง 10 สาย คิดค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ทำรถไฟความเร็วสูงไปนครราชสีมา ระยอง จันทบุรี แจกคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้เด็กนักเรียน ออกบัตรเครดิตการ์ดให้เกษตรกร ฯลฯ

ซึ่งหากชุดนโยบายเหล่านี้สามารถผลักดันจนนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง ย่อมทำให้รัฐบาลครองใจคนรากหญ้าได้อย่างไม่ยากเย็น

การเดินหน้าทำนโยบายโดนใจรากหญ้าให้เป็นรูปธรรมตั้งแต่หลังเดินหน้าแถลง นโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎรจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญ ของพรรคเพื่อไทย เพื่อไม่ให้ทุกอย่างวนอยู่แต่ในประเด็นการเมืองทั้งเรื่องต่อรองเก้าอี้ รัฐมนตรีที่เปราะบางต่อการแตกแยก

การดึง “จุดแข็ง” ของเพื่อไทย ที่ชูนโยบายแก้ปัญหาปากท้อง ลดรายจ่าย สร้างรายได้ มาเร่งทำให้เห็นเป็นรูปธรรมจับต้องได้เวลานี้ จึงเป็นการวางรากฐานคะแนนนิยมให้ “เพื่อไทย” สามารถบริหารประเทศต่อไปได้อย่างราบรื่น รวมไปถึงขั้นต่อไปที่จะขยับไปจับเรื่องร้อนทั้งหลาย

ไม่ว่าจะเป็น การเดินหน้าการ “ล้างความผิด” ให้กับคดีทางการเมืองต่างๆ ที่มองว่าไม่เป็นธรรม “การแก้รัฐธรรมนูญ” หรือแม้แต่การพา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน

เมื่อเรื่องร้อนเหล่านี้ล้วนแต่ “ล่อแหลม” ที่จะถูกต่อต้าน ทั้งประชาธิปัตย์ ที่ประกาศค้านหัวชนฝา หรือ “เสื้อเหลือง” ที่พร้อมจะกลับมาค้านเรื่องเหล่านี้

ดังนั้น การสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับของมวลชนคนรากหญ้า เพื่อหวังให้คนกลุ่มนี้เป็นฐานหนุนให้เพื่อไทย ได้เดินหน้าทำเรื่องเหล่านี้ฝ่าเสียงค้าน เสียงต้านจากกลุ่มต่างๆ ในสังคมได้สะดวกขึ้น

ตรงกันข้ามหากชุดนโยบายเหล่านี้ไม่ถูกผลักดันออกมาเป็นรูปเป็นร่าง นอกจากจะไม่มีแรงสนับสนุนขับเคลื่อนประเด็นร้อนต่างๆ แล้ว เสถียรภาพที่ค้ำยันด้วยเสียงมวลชน อาจจะต้องสั่นคลอนไปตามกาลเวลาหากมัวแต่จะไปมุ่งหน้าขับเคลื่อนเรื่องการ เมือง

ยิ่งในวันที่ความขัดแย้งภายในจากลุ่มก๊วนต่างๆ ในพรรค ความขัดแย้งในกลุ่มเสื้อแดง ยังไม่สามารถประสานรอยร้าวได้ลงตัว

การเร่งสร้างผลงานซื้อใจรากหญ้าในเวลานี้ จึงเป็นงานท้าทายของรัฐบาลเพื่อไทย แข่งกับช่วงเวลาฮันนีมูนที่กำลังจะจบลงในไม่ช้า

Tags : พท. โหมประชานิยม ปูทาง ทักษิณ กลับบ้าน

view