สรรพากรออกตัวแรง!ไม่เก็บภาษี'ทักษิณ'
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
อธิบดีกรมสรรพากรออกตัวแรง! บอก"ทักษิณ"เป็นเจ้าของหุ้น"ชินคอร์ป" ตัวจริงเสียงจริง ขายหุ้นให้"เทมาเส็ก"ในตลาดไม่ต้องเสียภาษี
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การที่กรมสรรพากรไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลภาษีกลาง เพื่อเรียกเก็บภาษีจำนวนกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท จากนายพานทองแท้ ชินวัตร และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร เนื่องจากวันที่ 29 ธ.ค.2553 ศาลภาษีกลางได้มีคำพิพากษาว่า บุคคลทั้งสองไม่ใช่เจ้าของหุ้นตัวจริง เนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาไว้แล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร คือผู้ที่เป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริง ดังนั้น การที่กรมสรรพากรจะเก็บภาษีหุ้นจากนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา จะถือเป็นการเรียกเก็บภาษีผิดตัว
ข้อเท็จจริงคือ เจ้าของหุ้นบริษัทชินคอร์ปอปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ตัวจริงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ได้ขายหุ้นให้แก่บริษัทแอมเพิล ริช จำกัด จากนั้นบริษัทนี้ได้ขายหุ้นต่อให้กับนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ จากนั้นบุคคลทั้ง 2 ก็ขายหุ้นต่อให้กับกลุ่มเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
กรณีดังกล่าว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาแล้วว่าการโอนหุ้นจากพ่อไปยังบริษัทแอมเพิลริช และจากบริษัทแอมเพิลริช โอนต่อไปยังลูก และจากลูกขายให้เทมาเส็ก เป็นเพียงนิติกรรมอำพรางและไม่ได้เกิดการซื้อขายจริง ขณะที่ศาลภาษีอากรก็ตัดสินเช่นเดียวกับศาลฎีกา
นายสาธิต กล่าวว่า กรมสรรพากรไม่สามารถไปดำเนินการประเมินภาษีและเรียกเก็บภาษีจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ได้ เนื่องจาก เมื่อการโอนหุ้นที่ผ่านมา ถือเป็นนิติกรรมอำพราง ไม่มีตัวกลาง และไม่เกิดการซื้อขายหุ้นขึ้นจริง โดยเจ้าของหุ้นตัวจริงเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน มาตลอด ดังนั้น จึงถือว่าเจ้าของหุ้นตัวจริงขายหุ้นให้กับกลุ่มเทมาเส็กในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ไม่มีภาระต้องเสียภาษี
“กรณีนี้ถือว่าไม่มีธุรกรรมซื้อขาย ดังนั้นการที่พ่อขายหุ้นชินคอร์ปในตลาดให้เทมาเส็กในตลาดจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น กรมสรรพากร ไม่สามารถไปประเมินและเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณได้ เพราะที่ผ่านมาบุคคลดังกล่าวถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ตัดสินให้ยึดทรัพย์ไปแล้ว 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งตอนนั้นเราก็ยึดมาหมดแล้ว ดังนั้น จะไปยึดอีกก็คงไม่ได้ และจะยึดซ้ำซ้อนได้อย่างไร”นายสาธิต กล่าว
ทั้งนี้ที่ผ่านมากรมสรรพากรประเมินและเรียกเก็บภาษีตามเอกสารซึ่งระบุว่าเป็นชื่อของ นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ซึ่งได้มีการซื้อขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ และหลีกเลี่ยงภาษี แต่เมื่อมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ว่าการกระทำดังกล่าวทั้งหมดถือเป็นนิติกรรมอำพราง การดำเนินการของกรมสรรพากรถือว่ายุติ
อย่างไรก็ตามกรมสรรพากรยืนยันว่าการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ถือว่ามีความโปร่งใส และมีการดำเนินการมาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว อีกทั้งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังก็รับทราบทุกขั้นตอนอย่างละเอียด
“เคสนี้กรมฯ ยืนยันได้ถึงความโปร่งใสของการทำงาน ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน และที่สำคัญมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวก่อนที่จะมีการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่เสียด้วยซ้ำ จึงไม่อยากให้ดึงประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง"นายสาธิต กล่าว