สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

วิจัยทุจริตประพฤติมิชอบ กระทรวงเกษตร

บทความดีมีประโยชน์ต่อคนไทยขออนุญาตนำมาเผยแพร่ครับ เนื่องจากสังคมไทยเนื้อหางานวิจัยดีๆ ได้รับการปิดประกาศ เลยไม่ทราบทั่วกันเนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปิดประกาศไม่ให้รู้

สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดที่ 1
ชื่อรายงานการวิจัย รายงานวิจัยการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานราชการของไทย : กรณีศึกษากระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ชื่อนักวิจัย วิชัย รูปขำดี, สังคม คุณคณากรสกุล
หน่วยงานวิจัย คณะพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
แหล่งทุนวิจัย สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดที่ 1
สถานภาพ โครงการที่ทำเสร็จแล้ว เมื่อ พ.ศ. 2548
บทคัดย่อ
หรือบทสรุปผู้บริหาร
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ
 (1) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ปัญหาสาเหตุของการทุจริตและประพฤติมิชอบในขั้นตอนต่างๆ ของการทำงานในทุกกิจกรรม ที่ ข้าราชการกรมส่งเสริมการเกษตรรับผิดชอบ
(2)เพื่อค้นหาและสร้างแบบจำลองของพฤติกรรม ที่นำไปสู่การทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการในสังกัดกรมส่งเสริมการ เกษตร
 (3) เพื่อเสนอแนวทางและวิธีการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการ  ในสังกัดกรมส่งเสริมการ เกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง  ขอบเขตในการศึกษาคือกระทรวง เกษตรและสหกรณ์
ในช่วงระหว่าง  ปี พ.ศ. 2538-2547 โดยใช้รูปแบบการศึกษาผสมกันระหว่าง
 (1) วิธีวิจัยเชิงปริมาณ โดย การใช้แบบสอบถามกับข้าราชการ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 13 หน่วยงานระดับกรมมีผู้ให้ข้อมูล 1,458 ราย และใช้แบบสอบถามกับประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะเกษตรกร 1,370 รายรวมแล้วมีผู้ตอบแบบสอบถาม 2,828 ราย ควบคู่กับ
   (2) วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการจัดสัมมนา 4 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้และภาคกลาง มีผู้เข้าร่วมสัมมนา 250 คน พร้อมกันนี้ยังทำการสัมภาษณ์เจาะลึกอีก 28 ราย
การศึกษานี้มีข้อค้นพบว่า หน่วยงานใน สังกัดกระทรวงเกษตร และสหกรณ์มีความซื่อสัตย์สุจริตแตกต่างกัน และหน่วยงานที่ทุจริตมักเป็นหน่วยงานเดิม ซึ่งมีข้อมูล เชิงประจักษ์จากการพิจารณาตัดสินของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และการมีข่าว ปรากฏตามสื่อมวลชนต่าง ๆ ซึ่ง 10 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีข่าวการทุจริตจำนวนมาก เช่น การปลอมปนปุ๋ย การกำหนดสเปก เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง การจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส เมื่อประมวลเชิงรูปแบบแล้วพบว่า มี 13 รูปแบบหลักคือ
    (1)     การกำหนดนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง
    (2)     การทุจริตในลักษณะของการซื้อขายตำแหน่ง
    (3)     การทุจริตโดยการปฏิบัติหน้าที่อย่างบกพร่อง
    (4)    การจัดซื้อจัดจ้างในลักษณะของการฮั้ว
    (5)    ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการชั้นสูงรู้ว่ามีการฮั้วแต่ไม่ยกเลิก
    (6)    ความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันเสนอราคา
    (7)    การทุจริตในขั้นตอนการปฏิบัติตามโครงการ
    (8)    การทุจริตด้านการตรวจรับงาน
    (9)    การเบียดบังงบประมาณหลวง
    (10)  การเบียดบังงบประมาณสนับสนุนเกษตรกร
    (11)  การทุจริตค่าชดเชยความเดือดร้อนของเกษตรกร
    (12)  การปลอมปนปัจจัยการผลิตและ
    (13)  การเบียดบังโอกาส
  
การทุจริตในภาคเกษตรนำสู่ผลกระทบสำคัญ 5 ประการ คือ
    (1)  เกษตรกรขาดสิทธิที่จะได้รับผลประโยชน์เต็มสิทธิ
    (2)  เกษตรกรเสียโอกาสในด้านอาชีพ
    (3) ประชาชนทั่วไปต้องแบกรับภาษีเกินจำเป็น
    (4) รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณเกินจำเป็น   และที่สำคัญที่สุดคือ
    (5) การสร้างวัฒนธรรมทุจริตให้เป็นเรื่องปกติ
              การทุจริตดังกล่าวสามารถประมวลเป็นตัวแบบการทุจริต (Corruption Model) ประกอบด้วยตัวแปรหลัก 3 ตัวคือ สำนึกฝ่ายต่ำ (มากหรือน้อย) โอกาส (มากหรือน้อย) และ ผลประโยชน์ (มากหรือน้อย) นำไปสู่การทุจริต (มากหรือน้อย) ทั้งนี้ถ้าตัวแปรหลักมีมาก แนวโน้มการเกิดการทุจริตก็มากตาม ดังสมการ
 
                    “การทุจริตมาก = สำนึกฝ่ายต่ำมาก + โอกาสมาก + ผลประโยชน์มาก”   
 
                    และเมื่อทำการเปรียบเทียบกับงบประมาณโดยรวม สามารถสร้างสมการความสัมพันธ์ระหว่างวงเงินงบประมาณรวมกับวงเงินของการทุจริตได้ดังนี้
 
 
ขนาดของงบประมาณโครงการ
=งบบริหาร งบจัดการ ค่าวัสดุอุปกรณ์และ ขนาดของวงเงินทุจริต [สำนึกฝ่ายต่ำ (ความโลภ + ค่านิยมที่ผิด - จรรยาบรรณ) + โอกาส (อำนาจหน้าที่ +ระดับของดุลยพินิจ + ช่องว่างของกฎระเบียบ + ความรอบรู้ในระเบียบราชการ + ความแยบยล) + ผลประโยชน์ (การลงทุนเพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง + ผลตอบแทน - ความเสี่ยงในการถูกจับ)]
 
    การศึกษานี้มีข้อเสนอแนวทาง แยกเป็น 4 ระดับดังนี้
 
 1) ข้อเสนอเชิงนโยบาย มีข้อเสนอหลักคือ
    (1) การแก้ไขกฎหมายให้ทุกหน่วยงานมีการติดตามประเมินผลธรรมาภิบาล
    (2) การจัดให้มีหลักสูตรและการเรียนการสอน ด้านการเสริมสร้างจริยธรรมแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
    (3) การออกกฎระเบียบเรื่องการรับของขวัญสินน้ำใจ
    (4) การผลักดันให้ออกกฎระเบียบเพื่อรองรับการให้รางวัลนำจับหรือชี้เบาะแสการทุจริต
   (5)การผลักดันให้ใช้กฎหมายการคุ้มครองพยานผู้ชี้เบาะแสการทุจริตและผู้ต่อสู้กับการทุจริตในวงการราชการ
    (6) การลงโทษทางวินัยต้องดำเนินการอย่างจริงจัง
 
  2)ข้อเสนอแนวทางเชิงการบริหารงานบุคคล มีข้อเสนอหลักคือ
(1)การป้องกันการแทรกแซงของนักการเมืองโดยการสร้างระบบกันชนกล่าวคือกำหนดให้รัฐมนตรีต้องสั่งการผ่านปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง หรือ อธิบดี อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น
(2)การรับสมัครการบรรจุข้าราชการใหม่ ไม่ควรเป็นหน้าที่ของกรมโดยตรง
(3)การแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงไม่ควรขึ้นอยู่อำนาจของรัฐมนตรควรมีการถ่วงดุลโดยการกำหนดระเบียบของสำนักงาน ก.พ.  ที่ชัดเจน
(4) ผู้บริหารระดับสูงต้องแสดงวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย ที่มีความชัดเจนและไม่เปลี่ยนแปลงง่ายจนเกินไป
(5) การกำหนดวาระของการดำรงตำแหน่งของข้าราชการระดับสูงไม่ควรยาวนานเกินไป
(6) ควรสร้างระบบการประชุมร่วมกันเป็นประจำและสม่ำเสมอ
(7) การป้องกันการซื้อขายตำแหน่งในวงการราชการโดยจัดหลักเกณฑ์ในการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งที่ชัดเจน โปร่งใส
(8) การลงโทษทางวินัยต้องมีคณะกรรมการที่ให้ความเป็นธรรม และ
(9) การจัดให้มีการประกวดผลการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และมีประสิทธิภาพ
3) ข้อเสนอแนวทางเชิงการจัดการโครงการ มีข้อเสนอสำคัญคือ
(1) การจัดซื้อจัดจ้างและหรือการประมูลงาน ควรเป็นระบบที่โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
(2) ในโครงการพัฒนาระดับพื้นที่ควรกำหนดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการในชุมชน เพื่อร่วมดำเนินการตรวจสอบด้วย
(3) การตรวจรับงานในโครงการจัดจ้างสร้างถาวรวัตถุ ควรมีกรรมการตรวจรับจากภายนอก
(4) เปิดพื้นที่สาธารณะในการรับเรื่องร้องเรียนโดยตรง
(5)การจัดให้สื่อต่างๆ เช่น วิทยุชุมชน หอกระจายข่าวในหมู่บ้าน หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เคเบิ้ลทีวี สามารถเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารการคอร์รัปชันในด้านเกษตรกรรมได้ โดยได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายและผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย
4) ข้อเสนอแนวทางเชิงการมีส่วนร่วมของประชาชน มีข้อเสนอสำคัญคือ
 (1) ภาคประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการตรวจสอบโครงการของภาครัฐ
 (2) ภาคประชาชนต้องสามารถใช้ประโยชน์จากพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารราชการได้อย่างแท้จริงในการติดตามโครงการ สาธารณะ
 (3) ภาคประชาชนต้องกล้าชี้มูลความผิดผู้ที่กระทำผิด
 (4) การส่งเสริมความกล้าหาญทางจริยธรรมในการเปิดเผยเปิดโปงกลโกงและวิธีการฉ้อราษฎร์บังหลวงควบคู่กับการปกป้อง พยาน และ
 (5)การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ความเชื่อ จากการเคารพนับถือบุคคลที่มีทรัพย์สิน หรือมีอำนาจมาเป็นการเคารพนับถือบุคคลที่ คุณงามความดี
 
 
view