จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เฉลา กาญจนา

ยังไม่ทันแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของเรา เริ่มมีอาการไม่อยู่กับร่องกับรอย

 ยังจัดอันดับความสำคัญการบริหารประเทศไม่ได้ เหมือนเมื่อครั้งหาเสียง ที่เคยบอกหนักแน่น ว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน ทั้งราคาสินค้าที่ราคาแพง ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ปริญญาตรีจบใหม่ 15,000 บาทต่อเดือน

  แต่วันนี้ เอาเข้าจริงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ดูเหมือนให้ความสำคัญกับ "พี่ชาย" มากกว่าพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยกว่า 15 ล้านเสียง 

 เห็นชัดเจน กรณีขอให้ญี่ปุ่นออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าประเทศเป็นกรณีพิเศษ เรื่องนี้สำคัญยิ่ง แม้ สุรพงษ์ โต วิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ และนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะออกมาปฏิเสธ ว่าไม่เคยบอกให้รัฐบาลญี่ปุ่นเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ

 แต่ทำไม? ยูคิโอะ เอดาโนะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น ออกมาแถลงชัดเจนว่า ญี่ปุ่นได้ออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านสถานกงสุลญี่ปุ่นในดูไบ เมื่อวันอาทิตย์ หลังจากที่ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ตามคำร้องขอของรัฐบาลไทย

 บอกชัดเจนด้วยว่า ฝ่ายไทยให้เหตุผลว่า "การไปเยือนของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการช่วยเหลือเหยื่อผู้ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ ซ้ำร้ายรัฐบาลยังบอกญี่ปุ่นไปว่า มีนโยบายที่จะไม่ห้ามอดีตนายกฯ ทักษิณ เดินทางเข้าไทย"

  ตรงนี้น่าจะเป็นหลักฐานที่บ่งบอกได้ว่า ใครพูดจริง ใครพูดไม่จริง แต่ในเชิงการทูตบอกได้คำเดียวว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์อ่อนหัด ไม่ควรออกมาแสดงความคิดเห็นแบบคนไม่รู้ไม่ทราบตั้งแต่แรก

  และนี่คือความไม่ชัดเจน ที่นับวันนายกฯ จะตอบคำถามแบบสับสน พันตัวเองเข้าไปทุกที เช่นเดียวกับการคืนพาสปอร์ตแดงของ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องนี้ก็เป็นเหตุทำให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ลุกลี้ลุกลนตอบคำถามมากเกินไป

 "ไม่มีนโยบายทั้งหมดต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ดูแลรายละเอียด จะให้ความยุติธรรมกับทุกคน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบและขั้นตอน เรื่องนี้ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว" 

 เอาเถอะ...จะตอบอย่างไรก็ตาม แต่ความเป็นจริง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดที่ออกมา จะปฏิเสธ ว่าเป็นหน้าที่กระทรวงใดก็ตาม แต่หนีความรับผิดชอบไม่ได้ ในเมื่อนายกฯ บอกว่าคณะรัฐมนตรีทั้ง 35 คน ได้แต่งตั้งขึ้นมาเอง

 นับจากนี้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คงจะเหนื่อยไปอีกนาน กับเรื่องของพี่ชายล้วนๆ แต่อยากให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชน มากกว่าที่จะมุ่งเน้นไปที่พี่ชายตัวเอง อย่างที่เห็นๆ อยู่ ไม่เช่นนั้นอาจถูกสังคมนินทาได้ว่า ทำเพื่อพี่ชายมากกว่าพี่น้องประชาชน

  วันนี้บ้านเมืองยังต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาอีกมากมาย โดยเฉพาะเศรษฐกิจ ที่ประเทศไทยเองยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเป็นอย่างไร เพราะประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐ และยุโรป ต่างมีปัญหาเศรษฐกิจ ฉะนั้นรัฐบาลควรใส่ใจเรื่องนี้มากกว่าใส่ใจบริวารอย่างที่เป็นอยู่

  ตรงกันข้าม วันนี้เราจะเห็นว่า มีข่าวพี่ชายนายกฯ โลดแล่นอยู่ในต่างประเทศ เดี๋ยวไปโน่นมานี่ เสมือนเป็นนายกฯ อินเตอร์ ส่วนน้องสาวเสมือนนายกฯ โลคอลเข้าไปทุกที 

 ที่สำคัญยิ่ง วันนี้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต้องแยกแยะสถานะให้ออกว่าพี่ชายเป็นอย่างไร

 นับจากนี้ไป นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะต้องประคองตัวเอง ในการให้ความเห็นต่อสาธารณะให้มากกว่านี้ บางอย่างไม่ควรพูด ก็ไม่ต้องด่วนออกความเห็น หรือผลักภาระให้หน่วยงานใด ต้องสงบใจและกายมากกว่านี้ อย่าลุกลี้ลุกลน ถึงขั้นต้องไปออกทีวีชี้แจงอย่างที่เกิดขึ้น

 การเข้ามาบริหารประเทศต่างจากการบริหารธุรกิจโดยสิ้นเชิง เพราะธุรกิจนั้นต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ผลสำเร็จคือกำไร แต่การบริหารบ้านเมือง ต้องรอบรู้ทุกด้าน โดยเฉพาะข้อกฎหมาย กฎระเบียบของแต่ละกระทรวง และผลสำเร็จคือคืนการกำไรให้ประชาชน