โจเซฟ สติกลิตซ์กับวิกฤติเศรษฐกิจปัจจุบัน
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โดย : ดร.ไสว บุญมา
ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาคอลัมน์นี้พูดถึงความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ชั้นรางวัลโนเบลพอล ครุกแมน เกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐ
ผ่านคอลัมน์ของเขาในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ วันนี้จะพูดถึงความเห็นของ โจเซฟ สติกลิตซ์ นักเศรษฐศาสตร์ชั้นรางวัลโนเบลอีกคนหนึ่ง ซึ่งเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ เมื่อวันที่ 9 และวันที่ 19 สิงหาคม
คงจำกันได้ว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ดร. สติกลิตซ์ เขียนหนังสือหลายเล่มรวมทั้งหนังสือเกี่ยวกับกระบวนโลกาภิวัตน์ที่ประเทศกำลังพัฒนามักเสียเปรียบชื่อ Globalization and Its Discontents และ Making Globalization Work และเกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เริ่มเมื่อปี 2551 ชื่อ Freefall : America, Free Markets, and the Sinking of the World Economy ซึ่งคอลัมน์นี้นำมาวิพากษ์ทันทีหลังหนังสือออกวางขาย (ในฉบับประจำวันศุกร์ที่ 7 พ.ค. 2553) ดร. สติกลิตซ์ มักมองประเด็นปัญหากว้างกว่าอาจารย์เศรษฐศาสตร์โดยทั่วไปเพราะมิเพียงแต่ทำวิจัยและสอนหนังสือเท่านั้น หากยังเคยดำรงตำแหน่งสำคัญทั้งกับรัฐบาลอเมริกันและกับธนาคารโลกอีกด้วย
ในบทความเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ดร. สติกลิตซ์ พูดถึง 2 ประเด็นหลัก คือ เขาเห็นพ้องกับนักวิพากษ์และนักเศรษฐศาสตร์ที่มองว่าเศรษฐกิจโลกมีโอกาสที่จะถดถอยซ้ำสองสูงมาก แต่เขาไม่เห็นด้วยกับผู้วิพากษ์และนักเศรษฐศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมองว่าโลกขาดเครื่องมือที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากภาวะซบเซาในปัจจุบัน เขามองว่าปัญหาใหญ่มิใช่อยู่ที่วิชาเศรษฐศาสตร์ขาดเครื่องมือสำหรับแก้วิกฤติ หากอยู่ที่ฝ่ายการเมือง
เขายอมรับว่าในขณะนี้สหรัฐไม่สามารถใช้นโยบายการเงินได้ ทั้งนี้ เพราะหลังจากลดดอกเบี้ยลงมาจนเกือบถึงศูนย์และทุ่มเงินเข้าไปในระบบสองครั้งเป็นจำนวนนับล้านล้านดอลลาร์ปัญหาก็ยังคงเดิม ยิ่งกว่านั้น การจะทุ่มเงินเข้าไปในระบบเป็นครั้งที่สามตามที่เรียกสั้นๆ ว่า QE3 จะมีผลเสียหายในด้านการกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและฟองสบู่ในประเทศกำลังพัฒนามากกว่าจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในสหรัฐ เขามองว่าเครื่องมือสำหรับแก้ปัญหาอยู่ที่มาตรการด้านการคลังโดยเฉพาะรัฐบาลควรเร่งลงทุนในโครงการที่มีผลตอบแทนสูง แม้เขาจะมิได้บ่งบอกออกมาว่าเป็นการลงทุนจำพวกไหน แต่ผู้ที่ได้ติดตามอ่านงานของเขาจะเดาได้ว่าเขาหมายถึงโครงการด้านปัจจัยพื้นฐานจำพวกสะพาน ถนนและการขนส่งต่างๆ การลงทุนจำพวกนั้นจะนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจซึ่งจะมีปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อไปถึงการเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นพร้อมๆ กับการลดภาระหนี้สินของรัฐบาลไปในตัวด้วย
สำหรับข้อโต้แย้งที่ว่ารัฐบาลมีหนี้สินมากอยู่แล้วจึงไม่ควรที่จะยืมเงินมาใช้จ่ายในการลงทุนดังกล่าว เขามองว่าสหรัฐสามารถกู้ยืมได้และไม่มีความเสี่ยงในด้านการชำระหนี้ ทั้งนี้ เพราะรัฐบาลสามารถพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นได้ ปัญหาจึงอยู่ที่บรรยากาศทางการเมือง ทางด้านยุโรป โดยทั่วไปยุโรปมีภาระหนี้สินต่ำกว่าสหรัฐเสียอีก ฉะนั้น การใช้นโยบายการคลังดังกล่าวย่อมทำได้ แต่ตอนนี้สหภาพยุโรปไม่มีกรอบทางการเมืองที่จะเอื้อให้ทำเช่นนั้น
เป็นที่น่าสังเกตว่าในตอนพูดถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ดร. สติกลิตซ์ เห็นว่าการที่เศรษฐกิจจะผลิตสินค้าและบริการเท่าเดิมมิใช่สิ่งเลวร้ายหากภาวะการว่างงานไม่ร้ายแรง เรื่องนี้คงใช้ได้ในประเทศที่ประชากรกำลังลดลงหรือคงที่ดังเช่นหลายประเทศในยุโรปและญี่ปุ่น ความเห็นเช่นนี้มองได้ว่าค่อนข้างแปลก แต่สำหรับผู้ที่ติดตามอ่านงานของเขาคงเข้าใจเนื่องจากเขาเขียนไว้ทั้งในบทความเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมและในหนังสือเรื่อง Freefall เกี่ยวกับความจำเป็นที่จะต้องมีกระบวนทัศน์ใหม่ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม เขาบอกว่า การค้นหากระบวนทัศน์ใหม่ทางเศรษฐกิจกำลังดำเนินไปแบบเต็มลูกสูบในกรอบงานของ "สถาบันเพื่อการคิดเศรษฐกิจใหม่" (Institute for New Economic Thinking) ซึ่งสนับสนุนนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมาก จากหลากหลายภูมิหลังให้มานั่งในห้องเดียวกันเพื่อกลั่นแนวคิดออกมา
อาจจะยังไม่เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า สถาบันนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 โดยเงินของจอร์จ โซรอส จำนวน 50 ล้านดอลลาร์ เพื่อแสวงหาคำตอบให้แก่วิกฤติเศรษฐกิจโลกโดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยกันคิด ดร. สติกลิตซ์ เป็นหนึ่งในคณะนักเศรษฐศาสตร์ชั้นรางวัลโนเบล 4 คนซึ่งรับเชิญเข้ารวมงาน เป็นที่น่าสังเกตว่าในบรรดานักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำนั้นมีเคน โรกอฟฟ์ รวมอยู่ด้วย ในปัจจุบัน ดร. โรกอฟฟ์ สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในระหว่างที่เป็นหัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ดร. โรกอฟฟ์ ต่อสู้ทางด้านแนวคิดกับ ดร. สติกลิตซ์ ชนิดจะไม่เหยียบเงาและเผาผีกัน การร่วมมือกันค้นหาแนวคิดใหม่จึงน่าจะได้ข้อเสนอที่มีเนื้อหาครอบคลุมหลายด้าน ดร. สติกลิตซ์ บอกว่าตอนนี้พวกเขาใกล้จะมีผลงานออกมาแล้ว กระบวนทัศน์ใหม่จะเป็นอย่างไรอีกไม่นานคอลัมน์นี้ คงจะมีโอกาสนำมาเสนอ