จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
โดย : หนุ่มลูกทุ่ง |
||||
งานนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงกึ๋นของรัฐบาลที่บ้อท่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับศปภ.ที่มักจะออกมาให้ข่าวทำประชาชนสับสนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสุดท้ายแล้วประชาชนตาดำๆอย่างเราๆท่านๆคงต้องพึ่งตัวเองเป็นดีที่สุด ต้องมีสติ ตื่นตัว แต่ไม่ตื่นตระหนก เพราะวันนี้แม้จะอยู่ในกรุงเทพฯก็มีความเสี่ยงต่อน้ำท่วมไม่แพ้กัน |
||||
แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์น้ำท่วมในอดีตดูจะแตกต่างจากเหตุน้ำในวันนี้ อย่างสิ้นเชิง เพราะในอดีตกรุงเทพฯยังเป็นเมืองที่มากมายไปด้วยแม่น้ำลำคลอง วิถีชีวิตของผู้คนผูกพันกับสายน้ำทั้งการเกษตร การสัญจร มีการใช้เรือเป็นหลักในการสัญจรไปมาและติดต่อค้าขาย |
||||
สำหรับเหตุน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯนั้น จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่า ได้เกิดขึ้นในทุกรัชกาล โดยมีการบันทึกเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯครั้งแรกในสมัยพระปฐมบรมราชจักรี วงศ์ ได้แก่ |
||||
สมัยรัชกาลที่ 2 : วันที่ 28 ต.ค. 2362 ส่งผลให้เกิดปัญหาข้าวยากหมากแพง สมัยรัชกาลที่ 3 : วันที่ 4 พ.ย. 2374 น้ำท่วมกรุงเทพทั่วพระนคร และมากกว่าปี 2328 สมัยรัชกาลที่ 4 : เกิดน้ำท่วมใหญ่ 2 ครั้ง วันที่ 25 พ.ย. 2402 และ วันที่ 1 พ.ย. 2410 สมัยรัชกาลที่ 5 : วันที่ 13 พ.ย. 2422 น้ำท่วมสูงถึงขอบประตูพิมานไชยศรี(ประตูทิศเหนือ พระบรมมหาราชวัง) สมัยรัชกาลที่ 6 : พ.ศ. 2460 น้ำท่วมไปถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ถึงขั้นมีการแข่งเรือได้ สมัยรัชกาลที่ 8 : เกิดน้ำท่วมนานถึง 2 เดือน ปริมาณน้ำมากกว่าเมื่อปี 2460 เกือบเท่าตัว และในปี 2485 ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน น้ำท่วมบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า สูงถึง 1.50 ม. และท่วมนานถึง 3 เดือน รวมถึงพื้นที่สำคัญๆอีกหลายแห่งเช่น สถานีรถไฟหัวลำโพง ถ.เยาวราช อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภูเขาทอง ถ.ราชดำเนิน อนุสาวรย์ชัยสมรภูมิ พระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นต้น นับเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่อย่างเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อมากักเก็บน้ำ |
||||
ในพ.ศ.2518 : พายุดีเปรสชั่นได้พาดผ่านตอนบนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีปริมาณน้ำสูงทางภาคกลางตอนบน จนเป็นเหตุให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมกรุงเทพฯ พ.ศ.2521 : พายุลูกใหญ่ 2 ลูก คือ "เบส" และ "คิท" ได้พาดผ่านพื้นที่ตอนบนลุ่มน้ำปริมาณสูง รวมไปถึงปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสักไหลบ่าเข้าท่วมเป็นจำนวนมาก ทำให้ด้านตะวันออกของกรุงเทพฯถูกน้ำท่วมไปโดยปริยาย |
||||
พ.ศ.2526 : พายุหลายลูกพัดผ่านเข้าภาคเหนือ และภาคกลางในช่วงก.ย. - ต.ค. ทำให้น้ำท่วมในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมากอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งวัดปริมาณฝนตลอดทั้งปีได้ 2,119 มม. จากค่าฝนเกณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 1,200 มม. ส่งผลให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯและปริมณฑล น้ำท่วมเป็นเวลานานที่สุดถึง 4 เดือน |
||||
พ.ศ.2533 : เดือนตุลาคม พายุโซนร้อน "อีรา" และ "โลล่า" ได้พัดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ทำให้ฝนตกหนักที่กรุงเทพฯถึง 617 มม. ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังสูงประมาณ 30-60 ซม. ในหลายพื้นที่ ทั้งบริเวณเขตมีนบุรี, หนองจอก, บางเขน, ดอนเมือง, บางกะปิ, พระโขนง, ลาดกระบัง, ลาดพร้าว, บึงกุ่ม และปริมณฑล โดยน้ำท่วมขังเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน |
||||
พ.ศ.2538 : เกิดน้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง โดยพายุหลายลูกได้พัดผ่านทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพายุโอลิส ที่ถล่มกระหน่ำทำให้เกิดในตกหนักอย่างต่อเนื่องหลายวัน วัดปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อวันที่เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ได้สูงถึง 2.27 ม. เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (เท่าน้ำท่วมปี 2485) ทำให้คันกั้นน้ำริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาถูกน้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่อย่าง หนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งธนบุรีระดับความสูงถึง 1 ม. รวมระยะเวลาน้ำท่วมประมาณ 2 เดือน การคมนาคมเป็นไปอย่างยากลำบากต้องอาศัยเรือในการเดินทาง เพราะเกือบจะทั่วทุกพื้นที่กลายเป็นคลองไปหมด อีกทั้งยังมีน้ำเหนือหลากเข้าท่วมพื้นที่จังหวัดโดยรอบอีกด้วย |
||||
พ.ศ.2549 : เกิดอุทกภัยใน 47 จังหวัด ทั่วประเทศ ส่งผลให้หลายพื้นที่มีสภาพน้ำท่วมขัง ประกอบกับมีการผันน้ำเข้าเก็บกักเอาไว้ในพื้นที่ว่างเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำ ท่วมโดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรในหลายจังหวัดภาคกลาง แต่เมื่อจังหวัดนั้นๆไม่สามารถรับนํ้าได้ไหว นํ้าจึงไหลเข้าท่วมขังที่กรุงเทพฯ เกือบ 1 ม. นานกว่าสัปดาห์ และในพ.ศ.2554 นี้ ถึงแม้ว่าน้ำจะยังไม่ทะลักเข้าท่วมกรุงเทพฯ แต่มีความเป็นไปได้สูงว่ากรุงเทพฯจะประสบปัญหาน้ำท่วม และอาจรุนแรงเทียบเท่าปี 2538 เลยก็ว่าได้ เพราะพื้นที่โดยรอบกรุงเวลานี้ได้จมอยู่ใต้น้ำกันหมดแล้ว เราๆชาวกรุงก็ต้องลุ้นกับอย่างอกสั่นขวัญแขวนกันว่ารัฐบาลชุดนี้จะจัดการกับ วิกฤตอุทกภัยนี้อย่างไร อย่าดีแต่แถลงข่าวสร้างความสับสนให้ประชาชน จนประชาชนชาวไซเบอร์ต้องออกมาบอกว่า “รัฐบาลอย่าตกใจ ขอให้มีสติ ประชาชนจะดูแลท่านเอง!!” |
||||
ข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัย(18 ต.ค. 54) มีผู้เสียชีวิต 315 ราย สูญหาย 3 คน กระทบ 62 จังหวัด 621 อําเภอ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 2,742,310 ครัวเรือน 8,795,516 คน สภาวะระดับน้ำในแม่น้ำเจ้า พระยาบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ โดยกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ในวันนี้ (19 ต.ค. 54) น้ำขึ้น 2 ครั้ง ในเวลา 13.02 น. คาดว่าจะสูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 2.03 ม. และในเวลา 20.19 น. คาดว่าจะสูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 1.96 ม. และจากปริมาณการระบายน้ำในปัจจุบัน คาดว่าในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงในวันที่ 27-30 ต.ค. 54 จะสูงกว่าระดับทะเลปานกลางประมาณ 2.30-2.35 ม. ซึ่งระดับน้ำยังคงต่ำกว่าสันเขื่อนกันน้ำกรุงเทพมหานคร ซึ่งสูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 2.50 ม. HotLine สายด่วนน้ำท่วม สำนักนายกรัฐมนตรี โทร.1111 สายด่วน ปภ. (กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย) โทร.1784 บริการแพทย์ฉุกเฉิน และนำส่งโรงพยาบาล ฟรี โทร.1669 ศูนย์ความปลอดภัย กรมทางหลวงชนบท โทร.1146 ตำรวจทางหลวง สอบถามเส้นทางน้ำท่วม ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โทร.1193 การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร.1690 สายด่วน กฟภ. โทร.1129 ท่าอากาศยานไทย โทร.0-2535-1111 ศูนย์ประสานและติดตามสถานการณ์น้ำ โทร.0-2243-6956 หมายเหตุ : ภาพน้ำท่วมในอดีตจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ |
สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี