สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

นายกฯ อ้างพระราชดำรัสจัดวันพ่อประหยัด ลดมหรสพ นำงบช่วยน้ำท่วม

นายกฯ อ้างพระราชดำรัสจัดวันพ่อประหยัด ลดมหรสพ นำงบช่วยน้ำท่วม

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

โฆษกรัฐ เผย นายกฯ ยกพระราชดำรัสแจก ครม.อ้างน้อมนำจัดงาน 5 ธันวาแบบประหยัด เจียดงบไปช่วยน้ำท่วมแทน สั่งทุกกระทรวงลดให้หมด แต่หันมาทำโครงการรวมพลังคนไทยถวายพระพรชัยทั้งเดือนแทน ด้าน “ดีเจแดง” ยันรัฐเร่งทำน้ำแห้งก่อนสิ้นปี สั่ง รมว.มท., ทส., วิทย์ สูบน้ำออก รายงาน ครม.ทุกสัปดาห์ เลิกมหรสพ ไม่จ้างออแกไนซ์ พร้อมสั่งดูเยียวยาผู้ประสบภัย และช่วยชาวบ้านติดทะเล

        วันนี้ (6 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.45 น.นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เริ่มการประชุม ครม.ด้วยพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ โดยได้มอบเอกสารเป็นพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ให้แก่ ครม.ทั้งนี้ นายกฯ ระบุว่า ครม.จะน้อมนำกระแสพระราชดำรัส และขอจัดงานเฉลิมฉลองที่สนามหลวงอย่างประหยัด เน้นการจัดงานมหรสพที่ไม่ใช้งบประมาณมาก ซึ่งจะนำงบประมาณไปใช้แก้ปัญหาอุทกภัย ฉะนั้น ขอให้แต่ละกระทรวงลดงบประมาณเกี่ยวกับการจัดงานมหรสพลงไป ทั้งนี้ เนื่องจากเดือนนี้เป็นงานเฉลิมฉลองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เดิมทีรัฐบาลจะทำโครงการ “5 ธ.ค.รวมพลังคนไทยถวายพระพรชัยมงคล” ในวันที่ 1-4 ธ.ค.ดังนั้น นายกฯ จึงกำหนดให้ทำทั้งเดือน โดยใช้หลักการและหลักคิดเดียวกันที่เป็นเชิงลักษณะความสามัคคีปรองดอง คือ การทำงานด้านสาธารณประโยชน์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ฉะนั้น ทุกกระทรวงจะต้องเป็นแกนกลางในเรื่องนี้
       
       ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเช่นกันว่า นายกรัฐมนตรี ได้ยกกระแสพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยประชาชน ที่ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากขณะนี้พบว่ายังมีหลายชุมชนที่ยังมีน้ำท่วมขัง จึงอยากให้นำพระราชดำรัสไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน โดยรัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาพื้นที่ที่มีน้ำขัง โดยจะเร่งระบายให้แห้งทันในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เพื่อประชาชนกลับเข้าไปได้ในวันที่ 1 ม.ค.55 ซึ่งขณะนี้พบว่าข้อมูลล่าสุด กรุงเทพมหานคร จ.ปทุมธานี และ จ.นนทบุรี ยังมีพื้นที่น้ำท่วมขังอยู่ 80-100 หมู่บ้าน ทั้งนี้ เพื่อให้คนไทยได้กลับเข้าบ้านได้ทันช่วงปีใหม่ โดยเรื่องนี้จะเน้นการแก้ไขให้เกิดการทำงานอย่างบูรณาการ ซึ่งนายกฯ มอบหมายให้ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เข้าไปช่วยเร่งระดมเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ทั้งหมดที่มีน้ำท่วมขัง โดยต้องทำงานร่วมกับทางกระทรวงมหาดไทย และหลังจากนี้ นายยงยุทธ นายปรีชา และ นายปลอดประสพ ต้องรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาทุกสัปดาห์ในที่ประชุม ครม.
       
       นอกจากนี้ นายกฯ ยังเน้นย้ำว่า โครงการต่างๆ ในการช่วยเหลือประชาชน ต่อจากนี้ไปจะต้องไม่มีเรื่องของงานมหรสพ แต่จะเน้นในเรื่องของเม็ดเงินให้ถึงมือประชาชนมากที่สุด เพื่อให้เกิดการหมุนเวียน และเกิดการใช้จ่ายภาคประชาชน โดยไม่เน้นการประชาสัมพันธ์ หรือที่ต้องมีการว่าจ้างบริษัทออแกไนซ์ ไม่เน้นงานรื่นเริง และจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใดๆ ในการแก้ปัญหา ขอให้มาอยู่ในโครงการ 5 ธ.ค.รวมหัวใจถวายพระพรในหลวงในทุกพื้นที่
       
       ขณะเดียวกัน นายกฯยังให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูในรายละเอียดคู่มือเยียวยา เพราะพบว่ายังมีข้อตกหล่น หรือยังมีช่องว่างอยู่ว่ายังมีข้อตกหล่นอะไรอยู่บ้าง เช่น กรณีของรถยนต์ ที่มีประกันชั้น 1 จะจ่ายอย่างไร หรือรถยนต์ที่ไม่ได้ทำประกันชั้น 1 จะมีการเยียวยาอย่างไร มอเตอร์ไซค์ที่ไม่ได้อยู่ในการประกันน้ำท่วม ช่วยเหลือเขาได้อย่างไร บ้านที่ไม่ได้ทำการประกันภัยไว้ รัฐบาลต้องเข้าไปช่วยเหลืออย่างไร ซึ่ง นายยงยุทธ จะเข้าไปดูว่าในคู่มือเยียวยามีข้อตกหล่นอะไรบ้างที่จะช่วยเหลือประชาชน ซึ่งกรณีของรถยนต์มอบให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมประสานไปยังต่างประเทศดูใน เรื่องของอะไรที่ต้องนำเข้า และมอบให้ทางศูนย์เซ็นเตอร์ของกระทรวงศึกษาฯดำเนินการซ่อม โดยฝ่ายปฏิบัติการเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย พร้อมกันนี้ นายกฯได้เน้นยำว่า ทุกโครงการต้องเข้าถึงทุกพื้นที่และเข้าถึงประชาชนมากที่ สุด โดยต้องรายงานในที่ประชุม ครม.ทุกสัปดาห์เช่นเดียวกัน
       
       นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาเรื่องตัวเลขปริมาณน้ำที่อยู่บริเวณท้ายน้ำก่อนลงสู่ทะเล เช่น จ.สมุทสาคร สมุทรสงคราม และ สมุทรปราการ ที่ระบุว่า มีน้ำอยู่อยู่ กว่า 2 หมื่นล้าน ลบ.ม. ขณะที่ นายปลอดประสพ ระบว่าปริมาณน้ำมีจำนวนไม่ถึง 2 หมื่นล้าน ลบ.ม. และเท่าที่ตรวจสอบปริมาณน้ำอยู่ในปริมาณที่ 1.7 หมื่นล้าน ลบ.ม. ซึ่งหมายความว่า ส่วนที่เหลืออยู่ 3 พันล้าน ลบ.ม.น่าจะเป็นน้ำค้างทุ่ง ซึ่งอาจยังมาไม่หมด โดยจะสอดรับกับน้ำที่ท่วมขังอยู่ที่บางหมู่บ้านเวลานี้ ซึ่งปัญหาน้ำเวลานี้ คือ น้ำที่อยู่บริเวณตอนท้ายก่อนระบายลงสู่ทะเลนั้น นายกฯได้มอบหมายให้ นายปลอดประสพ ดำเนินการแก้ไข โดย นายปลอดประสพ แจ้งว่า จะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวในวันพุธ ที่ 7 ธ.ค.นี้ โดยก่อนหน้านี้ ได้ดำเนินการไปล่วงหน้าบ้างแล้ว โดยประชุมร่วมระหว่าง กรมประมง กรมเจ้าท่า และ กรมทรัพยากรทางทะเล เพื่อทำงานร่วมกัน รวมถึงประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการ ทั้ง 3 จังหวัด
       
       นอกจากนี้ นายกฯ ระบุว่า โครงการเหล่านี้ถือว่าเป็นความคิดนอกกรอบ ขอให้นำรายงานเข้าที่ประชุม ครม.ด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น และประชาชนที่อยู่บริเวณตอนท้ายต้องดูแลด้วย เช่นประมงท้องถิ่น ยังพบว่ามีปัญหา ไม่สามารถทำประมงได้ เราต้องดูแลคนเหล่านี้ด้วย


นายกฯสั่งลดจัดงานรื่นเริงนำมาฟื้นฟูหลังน้ำลด


ซ้อมโขน..เตรียมโชว์งานสโมสรสันนิบาต

การซ้อมแสดงโขน สำหรับการจัดงานสโมสรสันนิบาต เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา18.15น. ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ อมรฉัตร คู่สมรส ได้เดินทางมาซักซ้อมพิธีการซ้อมใหญ่การแสดงเฉลิมพระเกียรติงานสโมสรสันนิบาตที่รัฐบาลจัดขึ้นเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ทั้งนี้เพื่อให้การจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

สำหรับการจัดงานสโมสรสันนิบาตเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม  2554  รัฐบาลกำหนดจัดงานดังกล่าวขึ้นในวันพุธที่ 7 ธันวาคม พุทธศักราช 2554  ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 18.00 น.

โดยปีนี้รัฐบาลได้จัดกิจกรรมเพื่อถวายความจงรักภักดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วยการบรรเลงและขับร้อง เพลงภัทรมหาราชา การแสดงโขน ชุด เฉลิมราชย์พระบารมี (ทศพิธราชธรรม) โดยสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ การแสดงเมดเลย์เพลงพระราชนิพนธ์แสงเดือน และแผ่นดินของเรา โดยวงวีทรีโอ และออร์เคสตรา การบรรเลงเพลง ครองแผ่นดินโดยธรรม โดยวงดุริยางค์เหล่าทัพและตำรวจ และการแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติจำนวน 85 ชุด โดยแต่ละพลุมีชื่อที่แตกต่างกัน อาทิ วาระมหามงคล เจ็ดรอบพระชนม์พรรษา นวมินทรมหาราชเจ้า ผองเผ่าไทยภักดี และเทิดพระกรณียกิจ เป็นต้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ควบคุมการแสดงโดยกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก


นายกฯพร้อมสามีซ้อมใหญ่งานสันนิบาต

จาก โพสต์ทูเดย์

นายกฯพร้อมสามีร่วมซ้อมใหญ่งานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติก่อนงานจริงวันที่ 7 ธ.ค.

เมื่อเวลา 18.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนายกฯ และพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมซ้อมใหญ่เสมือนจริงในการร่วมงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งรัฐบาลเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในวันที่ 7 ธ.ค. ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ทั้งนี้ รูปแบบการจัดงานจะมีการถวายพระกระยาหารค่ำและการจัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิม พระเกียรติ มีการแสดงของวงดุริยางค์ 4 เหล่า บรรเลงบทเพลงครองแผ่นดินโดยธรรม และการแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 85ชุด โดยสนับสนุนจากรัฐบาลจีนผ่านทางเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำ ประเทศไทย

อย่างไรก็ดี รัฐบาลจะทูลเกล้าฯถวายของที่ระลึก 3 รายการ ได้แก่ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์จำลอง หนังสือที่ระลึกประมวลภาพพระราชดำรัสและเงินสมทบทุนมูลนิธิราช ประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งนี้ ทางฝ่ายสถานที่ของทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมความพร้อมของสถานที่ เวที แสง สี เสียง รวมถึงประดับไฟไว้อย่างสวยงาม

นอกจากนี้ ภายหลังซ้อมเสร็จ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวถึงความผิดพลาดกรณีนำภาพประกอบการเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันถวายพระ ชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่กลับนำพระบรมฉายาลักษณ์รัชการที่ 8 มาลงในเฟซบุ๊กแทน ซึ่งตนได้อธิบายเรื่องต่างๆทั้งหมดลงไปในเฟซบุ๊กหมดแล้ว ซึ่งขณะนี้ตะวันก็ตกดิน ตนจำอะไรไม่ได้


อะไรคือเบื้องหลัง ตัดการแสดงเฉลิมพระเกียรติ ?

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ในวันมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ 7 รอบ หรือ 84 พรรษา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ถือเป็นวันที่มีความสำคัญของประเทศไทย ได้มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจและพระราชกุศลมากมาย ที่เปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก

       
        ในทุกๆปี การถวายพระพรชัยมงคลจะเกิดขึ้นทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ปีนี้ ไม่ว่าประชาชนจะประสบควาทุกข์ยากเข็ญเพียงไร ต่างก็เดินทางหรือเข้าร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติอย่างเนืองแน่น เพราะจิตใจของประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ในประเทศนี้ต่างมีความจงรักภักดี เคารพเทิดทูนบูชาและผูกพันต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้อย่างหา ที่สุดไม่ได้
       
        กำหนดการเดิมในการเทิดพระเกียรติในปีนี้คือการจัดกิจกรรมการแสดง ที่มีชื่อว่า “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราช” ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง ฝั่งพระบรมมหาราชวัง และการจัดฉายภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ “84 ปี แห่งความรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์” ซึ่งเป็นการฉายภาพเคลื่อนไหวผ่านแนวกำแพงพระบรมมหาราชวัง ด้านถนนหน้าพระลาน (ช่วงต้นถนนศาลหลักเมืองถึงประตูวิเศษไชยศรี) ซึ่งเดิมทีนั้นได้มีกำหนดการที่จะจัดการแสดงระหว่างวันที่ 3 – 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ปรากฏว่ากิจกรรมดังกล่าวถูกยกเลิกการแสดงอย่างกะทันหันในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21.30 น.
       
        ทั้งนี้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดพิธีถวายพระพร ชัยมงคล งานมหรสพสมโภชและนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ได้ออกมายอมรับว่าได้ยกเลิกกิจกรรมดังกล่าวเอง ด้วยเหตุผลว่า
       
        “เพื่อความเหมาะสม เนื่องด้วยประชาชนจำนวนมากยังคงเดือดร้อนจากภาวะน้ำท่วม จึงไม่เหมาะหากมีงานรื่นเริง จึงต้องดูตามความเหมาะสม ต้องประหยัดไม่มากหรือน้อยจนเกินไป หรือที่เรียกว่าทางสายกลางนั่นเอง”
       
       ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในกิจกรรมของมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรี นครินทราบรมราชชนนี หรือหน่วยแพทย์ พอ.สว.และหน่วยแพทย์พระราชทานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ที่ออกให้บริการตรวจรักษาแก่ราษฎรในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี โอกาสนี้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้ทรงมีพระดำรัสความตอนหนึ่งว่า:
       
       “ขอให้ชาว พอ.สว. ร่วมมือกันทำงานเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระองค์ทรงงานเพื่อปวงชนชาวไทย มานานกว่า 60 ปี ขณะนี้ทรง ประชวร ถึงแม้พระอาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ทรงชรามากแล้ว จะออกพื้นที่ไปช่วยราษฎร์เหมือนเก่าก็ไม่ได้ แต่ยังทรงห่วงใยประชาชนอยู่ตลอด ทรงเรียกกรมชลประทาน มาหารือพร้อมให้คำแนะนำอยู่เสมอๆ
       
       ทั้งนี้พระองค์ทรงมีรับสั่งถึงการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ว่าให้จัดแบบเรียบง่าย เพราะประชาชนกำลังเดือดร้อนอยู่”

       
        แต่ถึงแม้จะมีหลักฐานว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงมีรับสั่งให้จัดการ เฉลิมพระเกียรติแบบเรียบง่าย เพราะประชาชนกำลังเดือดร้อนอยู่ก็จริง แต่ในวันที่ประชาชนทั้งประเทศได้ทราบพระกระแสรับสั่งนั้นคือ “วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554”
       
       ดังนั้นทุกฝ่ายย่อมมีการเตรียมการและการบริหารจัดการจัดงานให้ “เรียบง่ายและสมพระเกียรติ” ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ไม่ใช่มาเปลี่ยนแปลงกะทันหันในคืนวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2554 จริงหรือไม่!!!?
       
        ทั้งนี้เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554 นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ในฐานะประธานการจัดงานเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้ ยังได้แถลงข่าวก่อนการจัดงานโดยกล่าวว่าได้ตระหนักตามพระราชประสงค์แล้ว โดยได้สัมภาษณ์ว่า:
       
        “รัฐบาลได้ร่วมกับกรุงเทพมหานครและมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช เตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติภายใต้แนวคิดเย็นศิระเพราะพระบริบาล ซึ่งเน้นการรวมพลังคนไทยทั้งประเทศ เพื่อแสดงความจงรักภักดีความสามัคคีปรองดองอย่างสมพระเกียรติ และถูกต้องตามราชประเพณี อีกทั้งให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่เป็นไปตามพระราช ประสงค์ด้วย”
       
        ในวันแถลงข่าวดังกล่าว นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ไม่มีแม้แต่คำเดียวว่างานนี้มีกิจกรรมใดจัดเพื่อความ “รื่นเริง” หรือ “จัดงานยิ่งใหญ่อลังการ” แต่ประการใด นอกจากคำที่แสดงให้เห็นถึงการตระหนักว่างานดังกล่าว คือ
       
       เพื่อ “รวมพลังคนไทยทั้งประเทศ”
       
       เพื่อ “ถูกต้องตามราชประเพณี”
       
       เพื่อ “แสดงความจงรักภักดี ความสามัคคีปรองดอง อย่างสมพระเกียรติ”
       
       การจัดงานอยู่ภายใต้เงื่อนไข “ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่เป็นไปตามพระราชประสงค์”
       
       แสดงว่ากิจกรรมที่เตรียมการจัดขึ้นแล้วจัดแถลงข่าว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ย่อมมีความตระหนักและไตร่ตรองถึงความเหมาะสมแล้ว โดยได้กำหนดให้มีทั้งหมด 9 กิจกรรมคือ
       
       1. กิจกรรมการถวายพระพรชัยมงคล
       
       2. กิจกรรมลงนามถวายพระพร ณ ร่มโพธิ์ร่มไทรของแผ่นดิน
       
       3. กิจกรรมนิทรรศการ “เย็นศิระเพราะพระบริบาล”
       
       4. กิจกรรมอธิษฐานบูชาพระทันตธาตุสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
       
       5. กิจกรรมการแสดงเฉลิมพระเกียรติ
       
       6. กิจกรรมการแสดงพิเศษจากชีวิตจริง “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” โดยกิจกรรมนี้จัดเฉพาะวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554
       
       7. กิจกรรมถนนเย็นศิระเพราะพระบริบาล
       
       8. กิจกรรมภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ 84 ปีแห่งความยิ่งใหญ่เรืองรองของกรุงรัตนโกสินทร์
       
       9. การแสดงแสงสีและสื่อผสม “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราชา”

       
       ดังนั้นกิจกรรมลำดับที่ 8 ซึ่งภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ 84 ปีแห่งความยิ่งใหญ่เรืองรองของกรุงรัตนโกสินทร์ และกิจกรรมลำดับที่ 9 การแสดงแสงสีและสื่อผสม “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราชา” ถือเป็นกิจกรรมเด่นในระดับไฮไลต์ของงานจึงกำหนดไว้ตั้งแต่แรกให้ประชาชน เพื่อ“รวมพลังคนไทยทั้งประเทศ” “แสดงความจงรักภักดี ความสามัคคีปรองดอง อย่างสมพระเกียรติ” ตั้งแต่วันที่ 3 ถึง 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554 รวมทั้งสิ้น 7 วัน
       
        สิ่งที่เป็นการยืนยันว่าคณะกรรมการจัดงาน ได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบว่ากิจกรรมครั้งนี้จัดเพื่อรวมพลังคนไทยทั้งชาติ เพื่อแสดงความจงรักภักดี ความสามัคคีปรองดอง และเป็นไปตามความเรียบง่ายและเป็นไปตามพระราชประสงค์ ก็คือ คำสัมภาษณ์ของนายรัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษสำนักพระราชวัง กล่าวในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ความตอนหนึ่งว่า:
       
        “ปีนี้เราประสบปัญหาน้ำท่วมและมีงานพระศพ จากเดิมที่เคยจัด 11 วัน ก็เหลือ 7 วัน แต่ความยิ่งใหญ่สมพระเกียรติไม่ได้ด้อยกว่า”

       
       ดังนั้นการตัดลดกิจกรรมลำดับที่ 8 ซึ่งภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ 84 ปีแห่งความยิ่งใหญ่เรืองรองของกรุงรัตนโกสินทร์ และกิจกรรมลำดับที่ 9 การแสดงแสงสีและสื่อผสม “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราชา” โดยให้จบลงในคืนวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554 โดยอ้าง 2 สาเหตุคือ 1. เพื่อความเหมาะสมและควรลด “งานรื่นเริง”เพราะประชาชนกำลังเดือดร้อนเรื่องน้ำท่วม และ 2. เพื่อเป็นการประหยัดไม่มากไปและไม่น้อยไปยึดทางสายกลาง ดูแล้วมีเรื่องที่น่าประหลาดอยู่พอสมควร เพราะมันมีความขัดแย้งกับสิ่งที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐให้สัมภาษณ์เองเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554 อย่างสิ้นเชิง
       
        กิจกรรมการแสดงภาพยนตร์พาโนรามา และแสงสีและสื่อผสม นั้นพบว่าคืนวันแรกมีคนเข้ามาชมประมาณ 4-5 พันคน มาวันที่ 4 ธันวาคมซึ่งจัดการแสดงเป็นวันที่ 2 คนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็น 6-7 พันคน โดยสิ่งที่น่าเสียดายใน 2 กิจกรรมนี้คือ การแสดงใน 1 ชั่วโมงครึ่งที่เป็นการใช้ศิลปะและการแสดงเพื่อถ่ายทอดพระราชประวัติและพระ ราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยยังมีบทที่ถูกพัฒนาให้มีความทันสมัย โดยประยุกต์เนื้อหาเข้ากับสถานการณ์น้ำท่วมด้วย
       
       ซึ่งกิจกรรมที่ถูกตัดลดไปนี้ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นกิจกรรม “บันเทิง” ตามที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ กล่าวอ้าง หากแต่เป็นกิจกรรมแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติอย่างสมพระเกียรติ ตามสิ่งที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ได้เคยแถลงข่าวเอาไว้เองเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2554 และงานรื่นเริงนั้นควรจะเหมาะกับการจัดคอนเสิร์ทเสียมากกว่า
       
       เพราะถ้านายยงยุทธ วิชัยดิษฐ และคณะกรรมการจัดงานตัดสินใจและมีความคิดเช่นนี้จริง หากตัดสินใจลดกิจกรรมลงตั้งแต่วันแรก หรือในวันแถลงข่าว ประชาชนทั่วไปก็คงไม่เสียความรู้สึกอะไรมากเท่านี้ แต่การลดกิจกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากกำหนดล่วงหน้าแล้ว และแถลงข่าวจนลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างไปแล้ว ตรงนี้ต่างหากที่เสมือนว่ารัฐบาลตั้งใจจะลดกิจกรรมให้เป็นที่ประจักษ์ในทาง สาธารณะเพราะต้องการส่งสัญญาณบางประการ ใช่หรือไม่?
       
       เพราะประการหนึ่งเป็นส่งสัญญาณที่ผิดกล่าวหาว่า “งานเทิดพระเกียรติ เป็นงานบันเทิง?”
       
       เพราะประการหนึ่งเป็นการส่งสัญญาณผิดว่า “กิจกรรมสื่อผสม แสง เสียง เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉพาะ 2 กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่ไม่ประหยัด?”
       
       และอีกประการหนึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณทางสาธารณะว่า “รัฐบาลจะตัดลดงานเทิดพระเกียรติที่เตรียมไว้แล้วก็ได้ ใครจะทำไม?”

       
       หรือต้องการส่งสัญญาณชะลอกระแสพสกนิกรและประชาชนจำนวนมากล้นที่ให้ความสนใจกิจกรรมการแสดงเทิดพระเกียรติในทุกๆปี ใช่หรือไม่?
       
       เพราะการส่งสัญญาณแบบนี้ มันช่างบังเอิญประจวบเหมาะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความถวายพระพรแต่กลับใส่รูปภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาล ที่ 8 แทน โดยอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของทีมงาน และกำลังขอพระราชทานอภัยโทษอยู่ในขณะนี้
       
       มันเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะกับที่ประชาชนต่างรู้สึกได้อย่าง ชัดเจนว่าขบวนการจัดตั้งเพื่อดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ขยายตัวเพิ่ม ขึ้นและรุนแรงมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในสมัยรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะในเว็บไซต์ เฟสบุ๊ค ยูทูป และทวิตเตอร์ ฯลฯ
       
       เพราะถ้าสมมุติรัฐบาลไม่ได้มีเจตนาส่งสัญญาณเช่นนั้น ก็ต้องแปลว่านายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ก็ต้องตัดสินใจผิดพลาดอย่างร้ายแรงถึงไม่ได้คิดอย่างนี้ตั้งแต่ตอนต้นจึงมา ลดกิจกรรมในภายหลัง
       
       ซึ่งงานสำคัญอย่างนี้ไม่ว่าจะเจตนาส่งสัญญาณที่ผิดๆ ต่อสังคมหรือจะเป็นเพราะตัดสินใจผิดพลาด สิ่งที่ควรกระทำก็คือต้องแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่มี เงื่อนไข
       
       และถ้านายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ไม่รับผิดชอบ รัฐบาลชุดนี้ก็ต้องรับผิดชอบแทนหากยังอุ้มชูสนับสนุนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ก็ต้องถือว่าสมรู้ร่วมคิดรู้เห็นเป็นใจด้วย
       
       การที่รัฐบาลได้กล่าวอ้างว่าผู้แทนสำนักพระราชวังก็เห็นด้วยกับการลด กิจกรรมทั้ง 2 ดังกล่าว ทั้งๆที่ สำนักพระราชวังนั้นเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายก รัฐมนตรีและต้องทำตามนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว ต่างจากสำนักราชเลขาธิการที่ทำงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทโดยตรง ดังนั้นการที่คนในรัฐบาลกล่าวอ้างลอยๆแล้วอ้างว่าผู้แทนสำนักพระราชวังเห็น ด้วยในการตัดลดกิจกรรมในภายหลังให้สังคมเกิดความไข้วเขวนั้น จึงย่อมฟังไม่ขึ้น และสมมุติเป็นเช่นนั้นจริงผู้แทนของสำนักพระราชวังก็ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะผู้แทนของสำนักพระราชวังได้ให้สัมภาษณ์ไปปรากฏเป็นหลักฐานในการร่วม ตัดสินใจด้วยการไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วเช่นกัน
       
       เว้นเสียแต่ว่าเป็นพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีรับสั่งแนะนำให้ลด 2 กิจกรรมนี้ รัฐบาลก็ควรจะแถลงออกมาให้เกิดความชัดเจน ไม่ใช่อ้างว่ารัฐบาลตัดสินใจ เพื่อความเหมาะสมบ้าง ไม่ควรจัดงานรื่นเริงช่วงประชาชนทุกข์ยากบ้าง หรือไม่ ประหยัดบ้าง จริงหรือไม่?
       
       การอ้างว่าเพื่อประหยัด ด้วยการการยุติกิจกรรม 2 รายการนั้น ความจริงแล้วไม่ได้เป็นภาระหรือมีผลต่องบประมาณอะไรมากมายเลย เพราะอันที่จริงงบประมาณที่ไม่รู้จักประหยัดและสูญเสียมากที่สุดก็คือการ ทุจริตคอร์รัปชั่นของนักการเมืองต่างหาก โดยเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ก็มีการทุจริตทั้งเรื่องอาหาร, เต้นท์เทวดา, ส.ส.รับงบประมาณอย่างผิดกฎหมาย, ซื้อเรือในราคาแพงๆ, ทุจริตถุงยังชีพ, ฯลฯ ใช่หรือไม่?

       
       ยังไม่นับการเตรียมงบประมาณถลุงอีกหลายแสนล้านบาทด้วยจิตใจที่ไม่ สุจริต และการทำโครงการประชานิยมอีกมหาศาล สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะทำให้ประเทศไทยต้องฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นมากกว่า 2 กิจกรรมนี้หลายล้านเท่าตัว
       
       และความจริงที่ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนักการเมืองทุกฝ่ายต่างโกงชาติกินเมืองไม่เห็นแก่ประชาชน ประชาชนย่อมหวังสิ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจในการทำคุณความดีและประโยชน์ให้ กับส่วนรวมคือ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์
       
       และกิจกรรมการเทิดพระเกียรติถือเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญที่สานความ สามัคคีปรองดองของคนไทยทั้งชาติ ที่สามารถแสดงความรักและเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่แบ่งแยกเชื่อ ชาติ ศาสนา ความฝักใฝ่ทางการเมือง ถือเป็นความประเสริฐที่สุดของคนในชาติที่เรามีศูนย์รวมจิตใจเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าประเทศชาติจะประสบภาวะวิกฤติหรือแตกแยกเพียงใดก็ตาม
       
        แค่จะยืนยันอีกครั้งหนึ่งให้พวกที่คิดร้ายต่อสถาบันพระมหา กษัตริย์ได้รับรู้ว่า ไม่ว่าพวกคุณจะทำอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนชาวไทยแสดงความรู้สึกกันมากในเรื่องการตัด 2 กิจกรรม เป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “ประชาชนชาวไทยยังรักและจะรักพระเจ้าอยู่หัวตลอดไป”!!!!


สุดชั่ว มือมืดวางบึ้ม! ถ.ราชดำเนิน หมายป่วนงานเฉลิมพระเกียรติ

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

คนร้ายวางระเบิดบนเกาะกลางถนนราชดำเนิน ตั้งเวลาบึ้ม 16.45 น. แต่หน่วยเก็บกู้ได้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงยิงตัดวงจรสำเร็จแล้ว ด้านตร.คาดคนร้ายหวังป่วนงานเฉลิืมพระเกียรติเท่านั้น เตรียมดึงภาพจากกล้องวงจรปิดตามล่าตัวคนร้ายต่อไป

         วันนี้ (6 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุมือป่วนลอบวางวัตถุต้องสงสัยบนเกาะกลางถนนราชดำเนินกลาง แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ ห่างจากหน้ากองสลากกินแบ่งรัฐบาลประมาณ 200 เมตร จึงมีการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พร้อมด้วยชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด และเดินทางไปตรวจสอบพร้อม
       
       เจ้าหน้าที่เปิดเผยหลังการตรวจสอบพบเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าสีดำ เปิดวางอยู่ที่เกาะกลางถนนราชดำเนินกลาง ซึ่งภายในพบอุปกรณ์ต่อทำเป็นระเบิด ประกอบด้วย ท่อนเหล็ก นาฬิกา แบตเตอรี่ขนาด 2 เอ จำนวน 4 ก้อน สวิตช์อาร์ม 1 ตัว หลอดไฟทดลอง 1 หลอด สายไฟ เศษบอดี้นาฬิกาสีเขียว บูสเตอร์ใช้ในการจุดทำด้วยดินเผา ดินเผาและเศษเหล็กจำนวนมาก โดยคนร้ายได้ตั้งเวลาระเบิดไว้ที่ 16.45 น.อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงยิงตัดวงจรระเบิดจนสำเร็จ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำไปตรวจสอบอีกครั้งว่า เป็นระเบิดชนิดใด
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายถนัด เชยบาล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลานจอดรถราชดำเนินพลาซ่า ได้กล่าวว่า ตนมาเข้างานเมื่อช่วงเช้าตั้งแต่ 06.00 น.และได้เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าดังกล่าวเมื่อช่วง 09.00 น.เปิดอ้าอยู่ที่เกาะกลางถนน แต่ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้เดินไปดู ก็พบว่ามีท่อนเหล็กและสายไฟพันโยงอยู่คล้ายวัตถุระเบิด จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ
       
       ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้กลุ่มเก็บกู้ระเบิดเข้ามาตรวจสอบชนิดของระเบิดแล้ว พร้อมกับเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทั้งหมด เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด ประจักษ์พยานแวดล้อม โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ คาดว่า คนร้ายแค่หวังจะก่อเหตุเพื่อสร้างความปั่นป่วนเท่านั้น เนื่องจากในบริเวณดังกล่าวมีการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว และมีประชาชนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก


“ปู” อ้ำอึ้ง ฟันทีมงานโพสต์ภาพผิด อ้างแจงทางเฟซบุ๊กหมดแล้ว

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

“ยิ่งลักษณ์” ควงสามี ตรวจซ้อมใหญ่การแสดงเฉลิมพระเกียรติงานสโมสรสันนิบาต ปัดตอบ ลงโทษทีมงานโพสต์พระบรมฉายาลักษณ์ผิดพลาด อ้างชี้แจงในหน้าเฟซบุ๊กหมดแล้ว

       
       เมื่อเวลา 18.15 น.วันที่ 6 ธ.ค.ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ อมรฉัตร คู่สมรส ได้เดินทางมาตรวจการซ้อมใหญ่พิธีการแสดงเฉลิมพระเกียรติงานสโมสรสันนิบาต ที่รัฐบาลจัดขึ้น เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 เพื่อให้การจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ
       
       ทั้งนี้ รัฐบาลกำหนดจัดงานดังกล่าวขึ้นในวันพุธที่ 7 ธันวาคม พุทธศักราช 2554 บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 18.00 น.โดยปีนี้ทางรัฐบาลได้จัดกิจกรรมเพื่อแสดงความจงรักภักดีพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ประกอบด้วย การบรรเลงและขับร้อง เพลงภัทรมหาราชา การแสดงโขน ชุด เฉลิมราชย์พระบารมี (ทศพิธราชธรรม) โดยสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ การแสดงเมดเลย์เพลงพระราชนิพนธ์แสงเดือนและแผ่นดินของเรา โดยวงวีทรีโอ และออร์เคสตรา การบรรเลงเพลงครองแผ่นดินโดยธรรม โดยวงดุริยางค์เหล่าทัพและตำรวจ และการแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติจำนวน 85 ชุด โดยแต่ละพลุมีชื่อที่แตกต่างกัน อาทิ วาระมหามงคล เจ็ดรอบพระชนมพรรษา นวมินทรมหาราชเจ้า ผองเผ่าไทยภักดี และเทิดพระกรณียกิจ เป็นต้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ควบคุมการแสดงโดยกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก
       
       ภายหลังจากนายกฯ ตรวจการซักซ้อมการแสดง ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงกรณีการโพสต์พระบรมฉายาลักษณ์ ในเฟซบุ๊กส่วนตัวที่มีข้อผิดพลาด จนส่งผลกระทบถึงตัวนายกฯ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวปฏิเสธที่จะพูดถึงการดำเนินการกับทีมงานโดยยืนยันว่า ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กไปเยอะแล้ว ไม่อยากจะพูดอะไร
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมอยากรู้จากปากนายกฯ ว่า ได้ลงโทษหรือดำเนินการอะไรไปบ้างแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กไปเยอะแล้ว เมื่อถามย้ำว่าได้ลงโทษทีมงานอย่างไรบ้าง นายกฯ เงียบไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด


สั่งงด”พาโนรามา” รบ.อ้างไม่เหมาะสม

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

       ASTVผู้จัดการรายวัน-แนะ"ยิ่งลักษณ์"งดใช้เฟซบุ๊ค-ทวิตเตอร์ หลังพลาดหลายครั้ง ซัดเสื่อมเสียต่อสถานะผู้นำประเทศ จี้ขอโทษประชาชน ขณะที่ปธ.กมธ.ปกป้องสถาบันฯรับลูกเตรียมสอบหากมีการหารือ ขณะที่งานเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ท้องสนามหลวงวุ่น ! พบการแสดงแสงสีเสียง-พาโนรามา ถูกสั่งระงับกะทันหัน “ยงยุทธ” อ้างน้ำท่วมไม่เหมาะจัดรื่นเริง เลิกโชว์ฉายภาพกำแพงวัดพระแก้ว
       
       นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความผิดพลาดบนเฟซบุ๊ก ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการเชิญชวนประชาชนร่วมถวายพระพร ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่กลับใช้พระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 8 ว่า ไม่คาดคิดว่าเรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นบนเฟซบุ๊ก ของคนระดับนายกฯ
       
       แม้ว่าเรื่องนี้จะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของนายกฯ ในฐานะเจ้าของหรือทีมงานก็ตาม ตัวนายกฯ และทีมงานก็ควรมีวุฒิภาวะ และความรอบคอบ รอบรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแม้ว่านายกฯ และทีมงานจะยอมรับ แต่เป็นเรื่องที่กระทบไปยังความรู้สึกของประชาชน และความเชื่อถือของประชาชน ที่มีต่อตัวนายกฯ ด้วย การที่นายกฯ จะมีหนังสือกราบบังคมทูล เพื่อขอพระราช
       ทานอภัยโทษในข้อผิดพลาด ก็เป็นเรื่องดี แต่ก็ควรที่จะขอโทษต่อความรู้สึกของประชาชนคนไทยด้วย
       "มีหลายครั้งที่ความผิดพลาดเกิดขึ้นเกี่ยวกับเฟซบุ๊ก หรือ ทวิตเตอร์ ของตัวนายกฯ ถ้าหากว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น นายกฯ ก็ควรที่จะงดใช้เฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ ชั่วคราวไปจนกว่าจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ผมไม่อยากให้ความผิดพลาดของนายกฯ เกิดขั้นซ้ำซาก ต่อสาธารณชน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารในทางตรงหรือทางอ้อม หรือสื่อสารผ่านสื่อใดๆ ทั้งสิ้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่เสียหายในฐานะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่เป็นความเสียหาย และขาดความน่าเชื่อถือต่อสถานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศด้วย" นายเทพไท กล่าว
       
       **ส.ว.จี้"ยิ่งลักษณ์"ขอโทษประชาชน
       
       นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา กล่าวว่า ต่อไปรัฐบาลต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะกิจกรรมเทิดพระเกียรติต่างๆ ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเกิด และแม้รัฐบาลจะขอพระราชทานอภัยโทษไปแล้ว แต่ต่อไปต้องระวัง และถือว่ายังไม่พอ นายกฯ ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษกับประชาชนด้วย ที่จริงเรื่องผิดพลาดแบบนี้เป็นเรื่องน่าละอาย และที่ นายบัณฑูร สุภัควณิช เลขาธิการนายกฯ ออกมาอ้างว่า นายกฯไม่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นการดำเนินการของออแกนไนเซอร์ที่ว่าจ้างมาดูแลเฟซบุ๊กนั้น ไม่น่าอ้างขนาดนี้ ถือเป็นการซัดทอดให้ออแกไนเซอร์ ทั้งที่ในการพิจารณาจ้าง คนที่ว่าจ้างก็ต้องเลือกออแกไนเซอร์ที่มีประสบการณ์ และความรู้ด้วย ไม่ใช่พอผิดพลาดแล้วโบ้ยคนอื่น จึงเป็นคำแก้ตัวที่ไม่สมเหตุสมผล กับเหตุที่เกิดขึ้น
       
       "เรื่องนี้ต้องรับผิดชอบกันด้วย เพราะพลาดกันตลอด ตัวนายกฯ เองมีเรื่องพลาดทุกสัปดาห์ และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะปล่อยผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อมาเกิดในช่วงวโรกาสสำคัญ รัฐบาลคงต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบ หรือออแกไนเซอร์ดังกล่าวต้องออกมาชี้แจงว่า ไปเอาภาพมาจากไหน เหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าออแกไนเซอร์ชี้แจงไม่ได้ รัฐบาลต้องเป็นคนชี้แจง เพราะประชาชนยังเกิดข้อสงสัย และกังขากันมาก และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอีกในอนาคต ทั้งนี้ ในส่วนของ ส.ว. ยังไม่ได้หารือกัน เพราะเป็นช่วงวันหยุด คาดว่าในวันที่ 6 ธ.ค. ซึ่งเปิดทำการแล้ว จะได้พูดคุยกัน" นางตรึงใจ กล่าว
       
       ***เฟซบุ๊ก"ปู"ลงแต่ภาพกิจกรรมของตัวเอง
       
       ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งประกาศงดให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมือง 2 วัน นับตั้งแต่วันที่ 4-5 ธ.ค. ก็ยังไม่มีการโพสต์ข้อความใหม่ ผ่านเฟซบุ๊ก โดยทีมงานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ โพสต์ภาพภารกิจสุดท้ายของนายกฯ ขณะลงพื้นที่ จ.อยุธยา เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. พร้อมข้อความประชาสัมพันธ์ว่า นายกรัฐมนตรี ร่วมเปิดโครงการ "คืนที่นาให้เกษตรกร" บ้านปากจั่น อ.นครหลวง จ. อยุธยา โดยมีแฟนคลับของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ 2 ราย เข้ามาแสดงความชื่นชม แต่อีกรายหนึ่ง ใช้ชื่อว่า SO Thick Man Overcome the stupid! PM. V've ever be
       
       นอกจากนี้ ในภาพกิจกรรมการลงพื้นที่ ที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ทำหน้าที่เป็นสารถี ถีบรถสามล้อให้น.ส.ยิ่งลักษณ์นั่ง มีคนเข้าไปคลิกไลท์ 46 คน แต่ก็มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นทวงถามเรื่องเงินเยียวยา ผ่านเฟซบุ๊กของนายกรัฐมนตรี ด้วย โดยผู้ที่ใช้ชื่อ อัคนี แสนบริสุทธ์ มีข้อความดังนี้
       
       "ท่านครับ ช่วยเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือห้าพันบาท และค่าซ่อมแซมบ้าน ที่คลองหลวง ปทุมธานี ด่วนด้วยครับ"
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มีแฟนคลับของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าไปใช้หน้าเพจของนายกรัฐมนตรี ในการถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแม้แต่รายเดียว แม้กระทั่งทีมงานเฟซบุ๊ก ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ได้มีการโพสต์ข้อความถวายพระพร แต่อย่างใด มีแต่การลงภาพกิจกรรม ที่นายกฯ เดินทางไปปฏิบัติภารกิจเท่านั้น และหลังจากที่เฟซบุ๊ก นายกรัฐมนตรี กระทำการนำพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 8 มาประกอบในข้อความเชิญชวนให้คนไทยร่วมถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันที่ 5 ธ.ค. จนมีการลบออกจากหน้าเพจ พร้อมกับมีการโพสต์ข้อความอธิบายในภายหลังว่า
       
       "ด้วยทางทีมงานของเฟซบุ๊กนี้ ได้ดำเนินการผิดพลาด ในการขึ้นพระบรมฉายาลักษณ์ และได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้แก้ไข และจะได้มีหนังสือกราบเรียน
       ท่านราชเลขาธิการ เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษในข้อผิดพลาดดังกล่าว"
       อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังมิได้แสดงความเห็นใดๆในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ เพื่ออธิบาย หรือรับผิดชอบ ต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเฟซบุ๊ก ของตัวเอง แม้ว่าจะมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปแสดงความเห็น เรียกร้องให้นายกฯ รับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็ตาม
       
       **ตะลึง! รบ.สั่งเลิกแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม
       
       ในขณะที่ปัญหาความผิดพลาด บนหน้าเฟซบุ๊กของนายกรัฐมนตรี ยังไม่สิ้นเสียงวิจารณ์ รัฐบาลก็ดำเนินการในสิ่งที่สร้างความเคลือบแคลงใจ ต่อประชาชนครั้งใหม่ จนเกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก ในโซเชียลมีเดีย ไม่แพ้กรณีการลงพระบรมฉายาลักษณ์ผิดรัชกาล คือ การลดกิจกรรม ในส่วนการแสดง แสง สี เสียง และสื่อผสม "วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษา มหาราช" ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง ฝั่งพระบรมมหาราชวัง และการจัดฉายภาพยนตร์พาโนรามา สื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ " 84 ปี แห่งความรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์" ตลอดแนวกำแพงพระบรมมหาราชวัง ด้านถนนหน้าพระลาน ช่วงต้นถนนศาลหลักเมือง ถึงประตูวิเศษไชยศรี โดยมีการตัดกิจกรรมในส่วนนี้ลง จากเดิมมีกำหนดถึงวันที่ 9 ธ.ค. มาเป็นวันที่ 4 ธ.ค. เป็นวันสุดท้าย ซึ่งถือเป็นการยกเลิกแบบกระทันหัน
       
       นายวชิรกรณ์ อาจคุ้มวงษ์ หรือ โบ๋ ซึ่งเป็นทีมงานและนักแสดงในการแสดงแสง สี เสียง และสื่อผสม "วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษา มหาราช" ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ @ BeauVajirakorn เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 5 ธ.ค. ว่า กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 งานยังมีอยู่ แต่การแสดงที่ถือเป็นไฮไลท์ของงาน ซึ่งจริงๆ ต้องแสดงจนถึงวันที่ 9 ธ.ค. ยกเลิกตั้งแต่วันนี้ ( 5 ธ.ค.) เป็นต้นไป โดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่การแสดงได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก แต่วันนี้นักแสดง และทีมงานรับทราบว่า มีคำสั่งให้ยกเลิก และไม่มีเหตุผลชี้แจงด้วย หลายฝ่ายก็งงกันไป
       
       "จริงๆ วันที่ 5 ธ.ค. การแสดงจะเริ่มที่ 4 ทุ่มโดยประมาณ หลังพิธีจุดเทียนชัยฯ ครับ และไม่ได้เป็นข่าวลือแต่อย่างใด เพราะผมเป็นหนึ่งในทีมงาน และนักแสดงของการแสดงชุดนี้ครับ ตอนนี้ทางทีมงานเก็บของออกมากันหมดแล้วครับ มีอีกหลายคนที่สนใจ แต่ไม่ได้มาดูครับ ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ไม่มีใครอยากให้อะไรแบบนี้เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่ายังมีส่วนอื่นๆ ที่สนามหลวงนะครับ แต่ขออย่าพูดอะไรกันไปเกินเลย จนอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด อันไหนที่ไม่ทราบ ก็อย่าไปทึกทักเอาเองนะครับ สรุปง่ายๆว่า ชุดการแสดงไม่มีแล้วก็พอครับ"
       
       ข้อความจากทวิตเตอร์ดังกล่าว ได้ถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสียงตำหนิรัฐบาลอย่างรุนแรงว่า เป็นอีกหนึ่งการกระทำที่ไม่เหมาะสม เหมือนมีเจตนาที่จะลบหลู่พระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และไม่ต้องการให้ประชาชนได้ซาบซึ้งในพระราชกรณียกิจตลอดพระชนมชีพของพระองค์ ทั้งๆที่ เป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องรณรงค์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยเสมอมา
       
       ตัวอย่างของประชาชนในโซเชียลมีเดีย ที่แสดงความเห็นเรื่องนี้ เช่น Tee Chanvud "รัฐบาลอาจจะกีดกันไม่ให้คนไทยแสดงความรักต่อพระองค์ท่านได้ แต่ 'ไม่' สามารถห้ามคนไทยรักและเคารพพระองค์ท่านได้หรอกครับ " BeBe Kunasinpongsa เพราะอะไร ควรชี้แจงด้วย อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำชี้แจงใดๆ จากรัฐบาล
       
       ทั้งนี้ การแสดงดังกล่าว มีสองบริษัทดูแลมาตั้งแต่แรก คือ บริษัท ซี.เอ็ม.ออกาไนซ์เซอร์ จำกัด และบริษัท คอมอาร์ตโปรดักชั่น จำกัด โดยจัดการแสดงคนละชุดกัน
       
       ***ปธ.กม.ปกป้องสถาบันฯเตรียมสอบ
       
       พญ.พรพันธุ์ บุญยรัตพันธุ์ ส.ว.วรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบัน พระมหากษัตริย์ วุฒิสภา กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า หากพูดในแง่ของคนธรรมดา ก็อาจมีความผิดพลาดขึ้นได้ แต่คิดว่าการมาทำงานในระดับชาติควรระมัดระวังมากกว่านี้ และหากเป็นความผิดพลาดของทีมงานหรือออแกไนเซอร์ ก็ควรจะปลดผู้ที่เกี่ยวข้องออกทั้งหมด ถือเป็นความบกพร่องของทีมงานไม่สามารถให้อภัยได้
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของ กมธ.ปกป้องสถาบันฯจะมีการดำเนินการสอบสวนในกรณีนี้ด้วยหรือไม่ พญ.พรพันธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังได้กำหนด แต่คาดว่าในการประชุมครั้งต่อไปอาจจะมี กมธ.บางคนนำประเด็นขึ้นมาหารือ ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่ามีความเห็นอย่างไร ส่วนตัวมองว่ากรที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้มีหนังสือกราบเรียนราชเลขาธิการ เพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษในข้อผิดพลาดดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามตนตั้งข้อสังเกตว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ชี้แจงกรณีน้ต่อสาธารณชน อาจเป็นเพราะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ขอให้นายกฯและทีมงานระมัดระวังให้มากกว่านี้ในอนาคต
       
       “เห็นว่านายกฯควรจะเลิกใช้เฟสบุ๊คหรือสื่อออนไลน์ดีกว่า เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าอ่อนด้อยอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ทำงานในระดับชาติ ปล่อยเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งนี้ไม่อยากมองว่าเป็นเจตนา เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงก็ไม่รู้ว่าคิดได้อย่างไร” พญ.พรพันธุ์ ระบุ
       
       ***“ยงยุทธ” อ้างน้ำท่วมไม่เหมาะจัดรื่นเริง
       
       นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีการยกเลิกการจัดการแสดงแสง-สี-เสียง พาโนรามา ที่จัดแสดงอยู่ที่ริมกำแพงพระบรมมหาราชวังว่า ยอมรับว่ามีการยกเลิกจริง ทั้งนี้เพราะความเหมาะสม เนื่องด้วยประชาชนจำนวนมากยังคงเดือดร้อนจากภาวะน้ำท่วม จึงไม่เหมาะหากมีงานรื่นเริง จึงต้องดูตามความเหมาะสม ต้องประหยัดไม่มากหรือน้อยจนเกินไป หรือที่เรียกว่าทางสายกลางนั่นเอง
       
       ด้าน นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายยงยุทธในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคลงานมหรสพสมโภช และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ในชื่องาน “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” ระหว่างวันที่ 3-9 ธันวาคมได้แจ้งว่า จะขอลดวันแสดงกิจกรรมกิจกรรมภาพยนต์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ ชุด 84 ปี โดยจะจัดในคืนที่ 5 ธ.ค.เป็นวันสุดท้าย ขณะที่ กิจกรรมการแสดงแสงเสียงและสื่อผสม “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราชา” ได้จัดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.เป็นวันสุดท้ายแล้ว
       
       สำหรับการแสดง แสง สี เสียง และสื่อผสม เรื่องวัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษา มหาราช และการฉายภาพพาโนรามาที่กำแพงพระบรมมหาราชวัง ถูกสั่งระงับอย่างกระทันหันเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า การสั่งระงับดังกล่าวเป็นความจริง โดยเป็นเรื่องของผู้ใหญ่แนะนำมาว่าในขณะนี้ประเทศไทยยังมีปัญหาน้ำท่วม แต่ การจัดงานดังกล่าวต้องใช้งบประมาณจำนวนมากหลายสิบล้านบาท จึงควรนำงบประมาณไปช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมจะดีกว่า ดังนั้นเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึงตัวแทนสำนักพระราชวัง ได้ร่วมหารือกันในเรื่องนี้ และได้ตัดสินใจเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่าควรลดจำนวนวันการแสดง แสง สี เสียง และสื่อผสม เรื่องวัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษา มหาราช ซึ่งได้จบไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่การฉายภาพพาโนรามาที่กำแพงพระบรมมหาราชวัง จะมีในวันนี้(5 ธ.ค.) เป็นวันสุดท้าย รวมถึงยังมีการแสดงบทเพลงเฉลิมพระเกียรติ “น้อมใจภักดิ์ รักพ่อ” โดยบรรดาศิลปินนักร้องชื่อดัง และกิจกรรมการแสดงพิเศษจากชีวิตจริง “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” ยังมีอยู่ในวันนี้ตามกำหนดเดิม
       
       นางฐิติมา กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมการแสดงที่จะมีไปถึงวันที่ 9 ธ.ค.นี้ คือ กิจกรรมการแสดง “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้


สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี

Tags : นายก อ้างพระราชดำรัส จัดวันพ่อประหยัด ลดมหรสพ ช่วยน้ำท่วม

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

view