สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

คำทำนาย โรเบิร์ต มันเดล 5 ปี เงินหยวนผงาด

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

โรเบิร์ต มันเดล เจ้าของรางวัลโนเบลปี 2542 ระบุเงินหยวนของจีนสามารถเพิ่มบทบาทเป็นสกุลเงินสำคัญแลกเปลี่ยนได้ของภูมิภาคอาเซียนและโลกอีก4-5ปี
โรเบิร์ต มันเดล นักวิชาการชื่อดังจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ปี 2542 กล่าวในหัวข้อเรื่อง "สู่ความเป็นสกุลเงินเดียวของโลก จากทองคำ ไปสู่ดอลลาร์ ยูโร หยวน" ที่สหประชาชาติ วันที่ 7 ธ.ค.2554 ว่า การรวมกลุ่มของประชาคมเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Asean Economic Community : AEC) หรือ เออีซีในปี 2558 นั้น การรวมเงินสกุลเดียวของอาเซียนนั่นคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะมองไม่เห็นภาพความเป็นไปได้เกิดสกุลเงินหากมองในแง่การเมือง


 เขากล่าวว่าในแง่ทางการเมือง อาเซียนมีข้อตกลงแนบแน่นในการร่วมมือกับจีนและญี่ปุ่นในเรื่องสกุลเงินอยู่แล้ว ทั้งค่าเงินจีนหรือญี่ปุ่นอาจเป็นสกุลเงินสำคัญของภูมิภาค แต่อาจนำรวมเป็นตะกร้าเงินของภูมิภาค และย้ำด้วยว่าไม่คิดว่าเรื่องเงินสกุลเดียวเป็นเรื่องที่คิดถึงหรือพูดถึงได้


 "เอเชียยังไม่สามารถมีเงินสกุลเดียวได้ เพราะยังไม่สามารถรวมตัวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบในหลายเรื่องอย่างที่อียูมีหรือสามารถทำได้ โดยเฉพาะการเมืองยังมีความแตกต่าง ผมคิดว่าก้าวแรกหรือสิ่งที่เอเชียสามารถทำได้เกี่ยวกับสกุลเงินในภูมิภาค คือ ทำให้เอเชียมีสกุลเงินสำคัญสามารถแลกเปลี่ยนได้ และหยวนเป็นสกุลเงินสำคัญของภูมิภาคช่วยผลักดันเรื่องนี้ได้ ขอให้ดูไอเอ็มเอฟมีประเทศสมาชิกตั้งมากมายกว่า 40 ประเทศ เขายังสามารถสร้างระบบสกุลเงินหลักอย่างเอสดีอาร์ได้" นายมันเดลกล่าว


 ทั้งนี้ นายมันเดลตอกย้ำความคิดของเขาที่ว่า ในอีก 4-5 ปีข้างหน้าจีนสามารถเดินหน้าเคลื่อนไหวมากขึ้นกับแนวคิดในการทำให้ค่าเงินหยวนเป็นสกุลเงินสำคัญที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก และสามารถเป็นสกุลเงินสำคัญช่วยสร้างตะกร้าอาเซียนได้

 "ในอนาคตจีนสามารถทำให้หยวนเป็นสกุลเงินสำคัญสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ในตลาดโลก และถ้าจีนหากต้องการยกระดับเซี่ยงไฮ้ให้เป็นศูนย์กลางการเงินสำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่สามารถเชื่อมโยงหรือเทียบชั้นกับตลาดลอนดอนและนิวยอร์กได้ จีนต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการผูกติดค่าเงินให้ดีขึ้น การผูกติดค่าเงินผมมองว่าเป็นแนวคิดไม่ดี" นายมันเดลกล่าว

 นายมันเดลอธิบายด้วยว่า คำแนะนำของเขาให้ประเทศจีนเคลื่อนไหวมากขึ้น เพื่อทำสกุลเงินของตัวเองให้เป็นสกุลเงินสามารถแลกเปลี่ยนกันได้นั้น ต้องปรับมาใช้นโยบายลอยตัวค่าเงินเพื่อสร้างความต้องการเงินหยวนให้มากขึ้น และในระบบการเงินของจีนเองก็ต้องมีการพัฒนาครั้งใหญ่

 เขาย้ำว่าจีนสามารถผงาดขึ้นมาเป็นสกุลแข็งแกร่งมากได้และเป็นสกุลเงินสำคัญช่วยสร้างเขตเศรษฐกิจสกุลเงินสำคัญขึ้นมาได้ในอนาคต ช่วยผลักดันให้ค่าเงินเอเชียยังเป็นที่ต้องการสร้างดีมานด์ระดับโลกได้

 ทั้งนี้ ในกลางปีนี้ นายมันเดลเคยกล่าวถึงสกุลเงินหยวนว่า ได้กลายเป็นสกุลเงินใหญ่สุดอันดับ 3 ของโลกแทนที่สกุลเงินเยนของญี่ปุ่นแล้ว และบทบาทของเงินหยวนนับแต่เกิดวิกฤติการเงินโลกเป็นสิ่งที่มิอาจมองข้ามได้ พร้อมแนะนำว่าเงินยูโร ดอลลาร์ และเงินหยวนควรเป็นรากฐานใหม่ให้กับระบบสกุลเงินระหว่างประเทศ

 เจ้าของโนเบลเศรษฐศาสตร์ปี 2542 ยังกล่าวถึงข้อสงสัยที่ว่ายุโรปจะล่มสลายหรือแตกแยกเพราะวิกฤติหนี้สาธารณะอย่างที่เผชิญอยู่หรือไม่ว่า โดยส่วนตัวแล้วเขาไม่คิดว่าสหภาพยุโรป (อียู) จะแพแตก และมีโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นเพียง 10% หรือมากสุดแค่ 15% แต่จากมุมมองของเขาที่ว่ากลุ่มอียูจะไม่แตกจากกันนั้น อยู่บนพื้นฐานหรือเงื่อนไขที่ว่ากลุ่มสมาชิกอียูต้องมีข้อตกลงร่วมกันในการปิดช่องโหว่เกี่ยวกับการขาดดุลการคลังให้ได้

 "ประเทศสมาชิกรายใดไม่ปฏิบัติหรือทำตามข้อตกลงไม่ได้ ก็ต้องจัดการลงโทษ ส่วนธนาคารกลางยุโรปเองต้องดูแลเรื่องงบประมาณของสมาชิกแต่ละประเทศให้ดี อีกทั้งประเทศสมาชิกทุกประเทศต้องทำตามแผนกองทุนสร้างเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอสเอฟเอส) อย่างเคร่งครัด พร้อมกับให้อำนาจกับธนาคารกลางยุโรปออกมาตรการแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการออกยูโรบอนด์" นายมันเดลแนะนำ

 นายมันเดลยังเสนอแนะเรื่องบทบาทของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ว่า อยากให้ไอเอ็มเอฟสามารถปรับองค์กรให้กลายเป็นธนาคารกลางของโลก (World Central Bank) ซึ่งสิ่งที่จะเป็นไปได้นั้น ต้องได้รับการสนับสนุนจากชาติสำคัญ อย่างอเมริกา จีน ยุโรป และอังกฤษ โดยการเป็นธนาคารกลางโลกให้ได้ในอนาคต ก็เพื่อสามารถเป็นแหล่งทุนสุดท้ายสำคัญของโลก

 "กับข้อสงสัยที่ว่าธนาคารกลางโลกจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น ขอให้นึกย้อนไปถึงการเกิดของธนาคารกลางยุโรป หรือการมีรวมตัวทางการเงิน และการรวมตัวด้านการคลัง ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แน่นอนว่า ต้องรวมอำนาจทางการเมืองจากหลายชาติไว้ด้วยกัน ขอให้ทำไอเดียให้เกิดขึ้นในทางปฏิบัติ การเคลื่อนไหวดำเนินการให้ได้อย่างรวดเร็ว จะเป็นโอกาสให้โลกก้าวไปข้างหน้า และผมเชื่อว่าวิกฤติที่เกิดขึ้นล้วนเป็นโอกาสไม่ใช่แค่เพียงอียูเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสของสถาบันกับองค์กรระดับโลก เช่น ไอเอ็มเอฟ รวมทั้งภูมิภาคสำคัญอย่างเอเชีย ให้พัฒนาปรับตัวก้าวไปข้างหน้าได้ด้วย" นายมันเดลกล่าว

 นอกจากนี้ นายมันเดลยังกล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐ (คิวอี) ตั้งแต่คิวอี 1 ซึ่งนำมาใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ล่าช้านานถึง 6 เดือนกว่านำมาใช้ผ่อนคลายวิกฤติ จากนั้นในเดือนพฤศจิกายน 2553 ก็ใช้คิวอี 3 ซึ่งคิวอีทั้งสองครั้งล้วนเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินมหาศาลเข้าระบบการเงินโลก โดยเขาคิดว่าแทนที่จะพิมพ์มากมายเข้าระบบ สหรัฐควรปล่อยค่าเงินดอลลาร์อ่อนจะดีกว่า และไม่ควรจะทำอะไรให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกสูงขึ้น


สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี

Tags : คำทำนาย โรเบิร์ต มันเดล เงินหยวนผงาด

view