คณะวารสารฯมธ.สั่งห้ามใช้พื้นที่เคลื่อนไหวกรณีม.112
จาก โพสต์ทูเดย์
ผู้บริหารคณะวารสารฯธรรมศาสตร์ห้ามใช้พื้นที่เคลื่อนไหว แจงคณะไม่มีส่วนสนับสนุนหรือคัดค้านกรณีมาตรา 112
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ผู้บริหารคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ได้เผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ www.jc.tu.ac.th เรื่อง จุดยืนในการใช้พื้นที่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการแสดงออกทางความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายมาตรา 112
ทั้งนี้แถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการนำเสนอความเห็นทางวิชาการของกลุ่ม นิติราษฎร์เพื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ให้สังคมทั่วไปได้แสดงความคิดเห็น พบว่าจากข้อเสนอดังกล่าวได้มีกลุ่มประชาชนในแวดวงต่างๆ ที่มีความเห็นสนับสนุนและคัดค้านข้อเสนอทางวิชาการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
ในการนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันกับสาธารณชน ผู้บริหารคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอชี้แจงถึงจุดยืนในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
ประการที่หนึ่ง เรื่องการใช้พื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นเรื่องกฎหมายมาตรา 112 ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผู้บริหารคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะปฏิบัติตามมติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวัน ที่ 30 มกราคม 2555 ในการไม่อนุญาตให้บุคคล/กลุ่มบุคคลต่างๆ ใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยเพื่อเคลื่อนไหวในกรณีที่อาจก่อให้เกิดความขัด แย้งอย่างรุนแรงภายในมหาวิทยาลัย จนอาจดูแลความปลอดภัยของบุคคลและทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยไม่ได้ เนื่องจากมหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ราชการ อีกทั้งการอนุญาตต่อไปอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่าเป็นการดำเนินการ ของมหาวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยเห็นด้วยกับการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น
ประการที่สอง จุดยืนเรื่องการแสดงออกทางความคิดเห็นคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสถาบันการศึกษาทางด้านวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมเสรีภาพในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงวิชาการ ตราบใดที่ความคิดเห็นนั้นๆเป็นการแลกเปลี่ยนในเชิงสร้างสรรค์ ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่ใช้ความรุนแรง อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และไม่ขัดต่อหลักการของสังคมประชาธิปไตย
ผู้บริหารคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ขอแสดงจุดยืนทั้ง 2 ประการข้างต้น และขอทำความเข้าใจว่า คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนและคัดค้านการแสดงความคิดเห็นในเรื่อง ดังกล่าวที่ปรากฏในสื่อต่างๆ
ทั้งนี้คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนในฐานะที่เป็นสถาบันการศึกษาด้าน วารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มุ่งให้เกิดสังคมที่มีความเข้าใจ ใช้ตรรกะและเหตุผลในการแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การสื่อสารที่สมานฉันท์ ในระยะยาว
อนึ่งเมื่อวันที่ 31 ม.ค.กลุ่มศิษย์เก่าและปัจจุบันของคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในนาม วารสารฯ ต้านนิติราษฎร์ ได้ประกาศนัดรวมตัวกันชุมนุมเพื่อต่อต้านไม่ให้กลุ่มนิติราษฎร์หน้าคณะ วารสารฯ ม.ธรรมศาสตร์ วิทยาเขตท่าพระจันทร์ ในวันที่ 2 ก.พ. นี้ เวลา 14.00 น.
มธ.ประกาศย้ำห้ามใช้พื้นที่มหาลัย เคลื่อนไหว ม.112 ปัดจำกัดเสรีภาพบุคคล แค่ป้องกันขัดแย้ง
จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
มธ.ออกประกาศ ไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่มหาวิทยาลัย จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวชี้นำมวลชน เกี่ยวกับ ม.112 แจงไม่ใช่การจำกัดเสรีภาพของอาจารย์ จนท.และ นศ.เพียงแต่ไม่สนับสนุนการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เสี่ยงต่อการ ขยายความขัดแย้งของ ปชช.และอาจสร้างความเสียหายต่อมหาวิทยาลัยและกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของ บ้านเมือง
วันนี้ (1 ก.พ.) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกประกาศ เรื่อง การไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยเพื่อจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวชี้นำมวล ชน ในเรื่องที่เกี่ยวกับการเสนอให้มีการแก้ไขบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยมีเนื้อหาดังนี้
ตามที่ได้มีคณะบุคคลขออนุญาตใช้ห้องประชุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัด
กิจกรรมทางการเมืองเคลื่อนไหวมวลชนหลายครั้งต่อเนื่องกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้สาธารณชนเห็นชอบ และร่วมกันเข้าชื่อเสนอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยและหน่วยงานที่รับผิดชอบได้อนุมัติให้ใช้สถานที่มาโดยตลอดทำให้ ในปัจจุบันได้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายต่างๆ ทั้งในภาครัฐและในหมู่ประชาชนทั่วไปว่า การจัดกิจกรรมของคณะบุคคลในลักษณะดังกล่าวเป็นการเปิดช่องให้มีการแสดงความ คิดเห็นที่เป็นการล่วงละเมิดให้ร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จนทำให้เกิดข้อขัดแย้งอย่างรุนแรงในระหว่างกลุ่มบุคคลที่มีความคิดเห็นแตก ต่างกัน ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนเพิ่มมากขึ้น เรื่อยๆ ดังที่ปรากฏชัดเจนในรายงานข่าวของสื่อต่างๆ อยู่ในขณะนี้
ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ก.บ.ม.) ในการประชุม
ครั้งที่ 2/2555 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2555 ได้พิจารณาสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงดังกล่าวแล้ว มีความเห็นร่วมกันว่า การอนุญาตให้มีการใช้สถานที่ของมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสถานที่ราชการ เพื่อจัดกิจกรรมทางการเมืองเคลื่อนไหวชี้นำมวลชนในประเด็นที่ทำให้มีการ วิพากษ์วิจารณ์บทบาทและพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ไปในทางที่เสีย หายนั้น อาจทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิดว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นส่วนราชการเป็นผู้ดำเนินการจัดให้มีการ เคลื่อนไหว เช่นนั้นขึ้น หรือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เห็นด้วยกับการดำเนินการดังกล่าว และโดยที่การจัดกิจกรรมที่มีเนื้อหากระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพเทิดทูนของประชาชน อาจนำมาซึ่งความขัดแย้งในระหว่างกลุ่มบุคคลที่แสดงตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน จนถึงขั้นมีการใช้ความรุนแรงภายในบริเวณมหาวิทยาลัย จนมหาวิทยาลัยไม่อาจดูแลความปลอดภัยของบุคคลและทรัพย์สินของ
มหาวิทยาลัยได้ ที่ประชุม ก.บ.ม.จึงมีมติเอกฉันท์ให้ทุกหน่วยงานในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถือปฏิบัติว่า จะไม่อนุญาตให้คณะบุคคลใดใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยเพื่อจัดกิจกรรมเคลื่อน ไหวชี้นำมวลชนในเรื่องที่เกี่ยวกับการเสนอให้มีการแก้ไขบทบัญญัติในประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 112 เช่นที่ผ่านมาอีก
อนึ่ง มหาวิทยาลัยขอยืนยันว่า มติ ก.บ.ม.ข้างต้น ไม่ใช่การจำกัดเสรีภาพของอาจารย์
เจ้าหน้าที่ หรือนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือบุคคลใด ในอันที่จะใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หรือใช้เสรีภาพในทางวิชาการ อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของแต่ละบุคคล มหาวิทยาลัยมิได้ห้ามการใช้เสรีภาพทั้งสองประการของบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นการคิด การเขียน เพื่อแสดงออกซึ่งความคิดเห็นต่อสาธารณะผ่านสื่อ หรือผ่านวิธีการอื่นใด อันเป็นสิ่งที่แต่ละบุคคลจะกระทำได้ภายใต้ความรับผิดชอบตามกฎหมายในการใช้ เสรีภาพของตนเอง มติดังกล่าวจึงเป็นเพียงการไม่สนับสนุนการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เสี่ยงต่อการขยายความขัดแย้งในหมู่ประชาชนและนำมาซึ่งความเสียหายต่อมหา วิทยาลัยและกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของชาติบ้านเมืองโดยเฉพาะในส่วนที่ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เท่านั้น
ส่วนการดำเนินการใช้สิทธิและเสรีภาพในประเด็นอื่นๆ ไม่เว้นแม้จะเป็นประเด็นทางการเมืองมหาวิทยาลัยก็ยังคงสนับสนุนให้ดำเนินการ ได้ อันสอดคล้องกับปรัชญาของการก่อตั้งมหาวิทยาลัยและสอดคล้องกับหลักการที่เป็น มหาวิทยาลัยที่มีเสรีภาพทุกตารางนิ้วจึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
วารสารฯ มธ.แถลง ห้ามทุกกลุ่มใช้พื้นที่เคลื่อนไหว ม.112-ปัดเกี่ยวข้องทั้งฝ่ายหนุนและต้าน
จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
วารสารศาสตร์ฯ มธ.แถลง ยึดมติกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย ห้ามกลุ่มต่างๆ ใช้สถานที่เคลื่อนไหวเกี่ยวเนื่อง ม.112 หวั่นเกิดความเข้าใจผิด ยืนยันสนับสนุนเสรีภาพการแสดงออก หากไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น หรือใช้ความรุนแรง ย้ำคณะฯ ไม่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนและคัดค้าน ม.112 ตามที่ปรากฏในสื่อ
วันนี้ (1 ก.พ.) เว็บไซต์คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เผยแพร่ แถลงการณ์ จากผู้บริหารคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน เรื่อง จุดยืนในการใช้พื้นที่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการแสดงออกทางความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายมาตรา 112 โดยมีเนื้อหาดังนี้
“สืบเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการนำเสนอความเห็นทางวิชาการของ กลุ่มนิติราษฎร์เพื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ให้สังคมทั่วไปได้แสดงความคิดเห็น พบว่าจากข้อเสนอดังกล่าวได้มีกลุ่มประชาชนในแวดวงต่างๆ ที่มีความเห็นสนับสนุนและคัดค้านข้อเสนอทางวิชาการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
ในการนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันกับสาธารณชน ผู้บริหารคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอชี้แจงถึงจุดยืนในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
ประการที่หนึ่ง เรื่องการใช้พื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นเรื่องกฎหมายมาตรา 112 ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผู้บริหารคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะปฏิบัติตามมติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวัน ที่ 30 มกราคม 2555 ในการไม่อนุญาตให้บุคคล/กลุ่มบุคคลต่างๆ ใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยเพื่อเคลื่อนไหวในกรณีที่อาจก่อให้เกิดความขัด แย้งอย่างรุนแรงภายในมหาวิทยาลัย จนอาจดูแลความปลอดภัยของบุคคลและทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยไม่ได้ เนื่องจากมหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ราชการ อีกทั้งการอนุญาตต่อไปอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่าเป็นการดำเนินการ ของมหาวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยเห็นด้วยกับการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น
ประการที่สอง จุดยืนเรื่องการแสดงออกทางความคิดเห็น
คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสถาบันการศึกษาทางด้านวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมเสรีภาพในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงวิชาการ ตราบใดที่ความคิดเห็นนั้นๆ เป็นการแลกเปลี่ยนในเชิงสร้างสรรค์ ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่ใช้ความรุนแรง อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และไม่ขัดต่อหลักการของสังคมประชาธิปไตย
ผู้บริหารคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ขอแสดงจุดยืนทั้ง 2 ประการข้างต้น และขอทำความเข้าใจว่า คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนและคัดค้านการแสดงความคิดเห็นในเรื่อง ดังกล่าวที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ทั้งนี้ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนในฐานะที่เป็นสถาบันการศึกษาด้านวารสาร ศาสตร์และสื่อสารมวลชน มุ่งให้เกิดสังคมที่มีความเข้าใจ ใช้ตรรกะและเหตุผลในการแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การสื่อสารที่สมานฉันท์ ในระยะยาว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน
ผู้บริหารคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์”
จดหมาย'ชาญวิทย์'อดีตอธิการบดีมธ.ถึงอธิการบดี
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"ชาญวิทย์ เกษตรศิริ"อดีตอธิการบดีมธ.ส่งจดหมายถึงอธิการบดีศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ และกก.บริหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่องเปิด-ปิดพื้นที่มธ.
จดหมายจากอธิการบดี ถึงอธิการบดี
A Letter to a Rector
เรื่อง หลักการประชาธิปไตย-เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ กับการ"เปิด-ปิด"พื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เรียน อธิการบดี ศ. สมคิด เลิศไพฑูรย์ และคณะกรรมการบริหาร มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์
เนื่องในโอกาสวันแห่ง"ความรัก"ที่เวียนมาถึงในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ศกนี้ ผมขอส่งความปรารถนาดี มายังท่านอธิการบดี กับคณะ และขออวยพรให้อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทั้งนี้เพื่อจักได้ปฏิบัติงานเพื่อมหาวิทยาลัย และประเทศชาติ ประชาชนของเรา
สืบเนื่องจากการที่ท่านอธิการบดี กับคณะกรรมการบริหารฯ ได้แถลงว่า
"ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วยคณบดี ผู้อำนวยการสำนักสถาบัน มีมติเอกฉันท์ว่ามหาวิทยาลัยฯ คณะ สำนัก สถาบันจะไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยฯ เพื่อเคลื่อนไหวกรณีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกต่อไป เพราะมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสถานที่ราชการ การอนุญาตต่อไปอาจทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นการดำเนินการของมหาวิทยาลัยฯ หรือมหาวิทยาลัยฯ เห็นด้วยกับการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น อีกทั้งอาจนำมาซึ่งความขัดแย้งอย่างรุนแรงภายในบริเวณมหาวิทยาลัยฯ จนมหาวิทยาลัยฯ ไม่อาจดูแลความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยฯได้"
ผมในฐานะส่วนหนึ่งของประชาคมธรรมศาสตร์ และส่วนหนึ่งของสังคมประชาธิปไตยของสยามประเทศไทย ขอแสดงความคิดเห็นมาดังต่อไปนี้
หนึ่ง) ผมมีความเห็นว่าคำแถลงดังกล่าว ไม่ถูกต้องตามเจตนารมณ์และจิตวิญญาณของการสถาปนามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (The University of Moral and Political Sciences UMPS) เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2477 ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามหลักประการที่ 6 ที่ว่า"จะต้องให้มีการศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร"ของ"คณะราษฎร" ที่ทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือ"ราชาธิปไตย" ให้เป็นประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ เมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
สอง) คำแถลงดังกล่าว ไม่ถูกต้องตามขนบประเพณีของธรรมศาสตร์ ที่ยืนยันในหลักการของ"เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ" ที่ถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยของผู้ประศาสตร์การปรีดี พนมยงค์ ตลอดจน ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และ ศ. สัญญา ธรรมศักดิ์ ซึ่งเคยกล่าวเป็นหลักการหนึ่งของมหาวิทยาลัยว่า "ธรรมศาสตร์ มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว" (อธิการบดี 2514-2516)
สาม) ข้อเสนอของ"คณะนิติราษฎร์"ทั้ง 7 ข้อตามที่ทราบกันนั้น (ดูล่างสุด) ต้องการใช้หลัก"วิชาการ" เพื่อ"ปฏิรูป-แก้ไข" กฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ล้าหลัง และเป็นมรดกของระบอบอำนาจนิยม และในขณะเดียวกัน ก็เพื่อให้สถาบันกษัตริย์สยามประเทศไทยของเรามั่นคง สถาพร อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตย ตามมาตรฐานสากล ของนานาอารยประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ยุโรปตะวันตก และ/หรือญี่ปุ่น ข้อเสนอดังกล่าว หาใช่เป็นการทำลาย หรือล้มล้าง-ล้มเจ้าไม่
สี่) เราในแวดวงวิชาการทั้งหลายทราบกันดีว่า สถาบันกษัตริย์สมัยใหม่ ที่มั่นคง สถาพร อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตย ตามมาตรฐานสากลของโลก และนานาอารยประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ยุโรปตะวันตก และ/หรือญี่ปุ่น นั้น เป็นสถาบันที่ใช้ "พระคุณ"หรือ"ความรัก"ความเมตตากรุณา (love) เป็นหลักปฏิบัติ และหลักกฎหมาย มากกว่าใช้"พระเดช" หรือ"ความกลัว" ความเกลียดชัง (fear&hate) หรือการข่มขู่ ด้วยคุกด้วยตะรางอย่างเช่น รัสเซีย/ปรัสเซีย/ออตโตมันตุรกี/จีน/หรือ/เนปาล
ห้า) ข้อเสนอของ "คณะนิติราษฎร์"ทั้ง 7 ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาให้สถาบันกษัตริย์ของเรามั่นคง สถาพร และเป็นสมัยใหม่นั้น สมควรที่จะได้รับการพิจารณาด้วยสติปัญญา และขันติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงทางวิชาการและมหาวิทยาลัย มากกว่าที่จะใช้"โลภะ โทสะ โมหะ"กับ"ภยาคติ" หรือ"อวิชชา"
หก) ผมมีความเห็นว่าแทนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ของเรา จะ"ปิด"พื้นที่ในการแสวงหาแสงสว่างทางปัญญา ตามพุทธภาษิตที่ว่า"นตถิ ปญญา สมาอาภา"ด้วยการถกเถียง แลกเปลี่ยนทางวิชาการ ในกรอบของกฎหมาย ขนบประเพณี และรัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรแล้ว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตลอดจนสถาบันทางการศึกษาและภูมิปัญญาทั้งปวงทั่วประเทศ จำเป็นที่จะต้อง"เปิด" พื้นที่เหล่านี้ เป็นอย่างยิ่ง
เจ็ด) ผมขอเสนอให้ท่านอธิการบดีเอง และคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (คณบดี ผู้อำนวยการ ฯลฯ) ได้ดำเนินการ"เปิด"พื้นที่ดังกล่าว โดยท่านอธิการบดี และ/หรือคณะผู้แทน จัดให้มีการถกเถียง แลกเปลี่ยน อภิปราย และดำเนินการหา"ทางออก"ให้กับสังคมและประเทศชาติของเราในยามนี้
คงไม่มีเวลาไหน นับแต่เสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2310 ที่สังคมของเราแตกเป็นก๊ก เป็นเหล่า เป็นสี มากมายเช่นนี้ แหล่งศึกษาและ/หรือมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นที่ใด ที่นี่ ที่ท่าพระจันทร์ ที่รังสิต ที่ลำปาง หรือ ที่ไหนๆ ในสยามประเทศไทย น่าจะต้องเป็นองค์กรกลางในการช่วยกันแก้ปัญหา และหาทางออก
การระดมความคิด ทั้งสนับสนุน และคัดค้าน (แต่ต้องไม่ใช่ในรูปของการโต้วาที หรือไฮปาร์ค เอาชนะคะคาน) กันนั้น เป็นพันธกิจและภารกิจที่เร่งด่วนสุด และสำคัญสูงสุด
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาด้วย จักเป็นพระคุณยิ่ง
นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ
(ข้าราชการบำนาญ และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
1 กุมภาพันธ์ (ก่อนวันวาเลนไทน์ 2555/2012)
หลากความเห็น นศ.ต้าน-เรียกเสรีภาพ ม.112
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ภายหลังที่นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊คระบุถึงเหตุผลของการสั่งห้ามใช้พื้นที่ ม.ธรรมศาสตร์ เคลื่อนไหว ม.112 ของกลุ่มนิติราษฎร์นั้น ล่าสุดในสังคมออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ทั้งในลักษณะการให้กำลังใจ และไม่เห็นด้วยกับมติกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย ที่เสมือนการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
อาทิ สุวินัย ภรณวลัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ที่ใช้ชื่อว่า “Suvinai Pornavalai” ที่เข้ามาโพสต์ให้กำลังใจนายสมคิด และสนับสนุนถึงเหตุผลที่นายสมคิดได้ชี้แจงก่อนหน้านี้ว่า “ใช่เลยครับ ท่านอธิการ ตรรกะที่ผู้วิจารณ์ใช้ในการวิพากษ์การตัดสินใจของผู้บริหารมหาลัยในเรื่องนี้ผมว่าตะแบงไปและเป็นสูตรสำเร็จมากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงเงื่อนไขของสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเลย อีกทั้งยังประเมินความแหลมคมของสถานการณ์ต่ำไปด้วยครับ”
รวมไปถึงยังมีการแชร์ข้อความจากกลุ่มต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นการเคลื่อนไหวของ แนวร่วมรวมพลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์และปกป้องสถาบันมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ออกเอกสาร กระจายไปยังสาธารณะภายใต้ชื่อ “Jctu9999” โดยประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการกระทำของคณะนิติราษฏร์ที่ใช้ชื่อของมหาวิทยาลัยไปสร้างความชอบธรรมให้กับการเคลื่อนไหวสถาบัน รวมทั้งเรียกร้องอธิการบดีให้มีการสอบสวนเอาผิดทั้งทางวินัยและทางกฎหมายต่อคณะนิติราษฏร์โดยนัดรวมพลหน้าคณะวารสารศาสตร์ ในวันพฤหัสที่ 2 ก.พ.เวลา 14.00 น.โดยมีกิจกรรมเดินขบวนแสดงพลังประกาศเจตนารมณ์ที่ลานปรีดีฯ มีนายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรชื่อดังในฐานะตัวแทนศิษย์เก่ายื่นหนังสือต่ออธิการบดีที่ตึกโดมด้วย
นักศึกษาวิทยาเขตรังสิต ติดป้ายประท้วงคำสั่งห้ามใช้พื้นที่ ย้ำขอเสรีภาพ
มีการเคลื่อนไหวของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตรังสิต โดยการติดป้ายข้อความต่างๆ ทั่วทั้งอาคารเรียนรวมสังคมศาสตร์ (ตึก SC) ประท้วงมติของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยโดยมีการเผยแพร่ทางเว็บไซต์เฟซบุ๊คของ”เจียเจีย นะแส”
มุมของผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็มีการโพสต์ข้อความบนหน้าเพจเฟสบุ๊คของนายสม คิดอย่างต่อเนื่อง อาทิ ผู้ที่ใช้ชื่อว่า “Yuttana Inchalearm”ที่เขียนข้อความว่า “อาจารย์ครับอาจารย์เลิกสอนรัฐธรรมนูญแล้วเหรอครับ การไม่อนุญาตให้นิติราษฎ์ใช้พื้นที่มหาลัยมันขัดกับการแสดงออกความคิดเห็น ทางด้านวิชาการหรือป่าวครับ ทำไมอาจารย์คำนึงกระแสทางสังคมมากกว่าความถูกต้องด้วยครับ”
หรือกรณี ของผู้ที่ใช้ชื่อว่า “Nawarat Prasertsak” ที่เปรียบเทียบการใช้พื้นที่ระหว่างกลุ่มนิติราษฎร์กับนักวิชาการกลุ่มสยาม ประชาภิวัฒน์ ที่จะจัดเสวนาในวันที่6กุมภาพันธ์นี้ โดยระบุว่า “ห้าม นิติราษฏร์ แต่ยก มธ.ให้ สยามประชาวิวัฒน์ ไม่เรียก 2 มาตรฐานนะ แต่เรียกว่า ขี้ข้าของแท้”
ในมุมของผู้ที่เห็นด้วยก็มีการโพสต์ข้อความบนหน้าเพจเฟสบุ๊คชื่อ”เจียเจีย นะแส”อย่างต่อเนื่อง อาทิ ผู้ที่ใช้ชื่อว่า Pikun Sittiprasertkun แสดงความคิดเห็นว่า “พลังบริสุทธิ์ คือ พลังเยาชน คนหนุ่มสาว เจ้านกเสรี มองย้อนหลัง การเคลื่อนไหวของการเมืองไทยหลายครั้งเกิดจากพลังคนรุ่นใหม่ ..แพ้บ้าง ชนะบ้าง หากจะวัดกันที่ผล ณ ขณะนั้น แต่มองที่ผลกระทบระยะยาว คือ "สำนึก" ที่ติดตัวนักเคลื่อนไหว หรือคนที่เข้าร่วมขบวน ติดตัวอยู่นานค่ะ ..หลายคนติดตัวตลอดไป เป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคม”
ทั้งนี้ มีรายงานว่ากลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยจะทำการวางพวงหรีดเพื่อคัดค้านการห้ามรณรงค์เกี่ยวกับมาตรา 112 และไว้อาลัยให้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ทำลายตัวเองด้วยการปิดกั้นเสรีภาพดังกล่าว ที่รูปปั้นอ.ป๋วย อึ้งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตรังสิต ในวันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ เวลาบ่ายสองโมง และที่รูปปั้นอ.ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตท่าพระจันทร์ ในวันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลาบ่ายสองโมง
'ปริญญา'โพสต์เฟซบุ๊กห้ามจำกัดเสรีภาพวิชาการในมธ.
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
รองอธิการฯมธ.โพสต์เฟซบุ๊ก ยันไม่เห็นด้วยห้ามใช้ธรรมศาสตร์แสดงความเห็นการเมืองเชิงวิชาการ
ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว Prinya Thaewanarumitkul ยอมรับแปลกใจมติฯผู้บริหาร มธ.ค้านนิติราษฎร์ใช้สถานที่ ชี้ ไม่ควรจำกัดเสรีภาพวิชาการใน มธ. ย้ำ มธ. มักคุ้มครองเสรีภาพ มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
“ถึงแม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยกับคณะนิติราษฎร์ในหลายเรื่อง แต่ผมเห็นว่าเสรีภาพในทางวิชาการและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย เป็นสิ่งที่เราควรจะต้องเคารพและคุ้มครอง ทั้งนี้ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่กับความคิดเห็นนั้น ผมไม่ได้อยู่ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา จึงไม่ทราบรายละเอียดของการประชุมและมตินี้ของที่ประชุม
แต่ผมเข้าใจว่ามติของที่ประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยน่าจะเป็นเรื่องความห่วงใยที่มีการใช้สถานที่ของมหาวิทยาลัยในการเคลื่อนไหวแก้ไขมาตรา ๑๑๒ ที่อาจจะนำไปสู่ความแตกแยกของคนในสังคม แต่ไม่น่าจะเป็นเรื่องการห้ามมิให้ใช้สถานที่ในการจัดกิจกรรมทางวิชาการ เพราะเสรีภาพในทางวิชาการและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในขอบเขตของกฎหมาย เป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คุ้มครองเสมอมา และควรจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป”
“ชวนนท์” โชว์คลิปมัดคอ “ปู” สะท้อนสัมพันธ์ “นิติราษฎร์”
โฆษก ปชป.โชว์คลิปมัดคอ"ปู"เลิกโกหกประชาชน ตอกย้ำแก๊งแดง-เพื่อไทย-นิติราษฏร์ หัวใจเดียวกัน เดินหน้าแก้ม.112 ชี้พิรุธประโยชน์ต่างตอบแทน วางแผนล้มผลพวงรัฐประหารแลกแก้ ม.12 สะท้อนสัมพันธ์ "แม้ว-นิติราษฎร์" ต่างสมประโยชน์ระหว่างทุนผูกขาดกับนักวิชาการสติเฟื่อง
วันนี้ (1 ก.พ.)นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นำคลิปข่าวการเคลื่อนไหวของแกนนำคนเสื้อแดงและส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และคณะนิติราษฎร์ว่าเป็นเนื้อเดียวกันมาเป็นหลักฐานตอบโต้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯและนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ออกมากล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์สร้างเรื่องว่าพรรคเพื่อไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเคลื่อน ไหวของคณะนิติราษฎร์ โดยคลิปแรกเป็นการปราศรัยของนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.พรรคเพื่อไทยบนเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดงที่จังหวัดราชบุรี โดยในภาพที่ปรากฏนายสุนัยยืนปราศรัยบนเวทีที่มีสัญลักษณ์ต่อต้านกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างชัดเจน ส่วนอีกคลิปหนึ่งเป็นการแถลงข่าวของนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. ที่ประกาศว่า คณะติราษฎร์มีหัวใจเดียวกับคนเสื้อแดงและเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สองแขนของคน เสื้อแดง คือแขนหนึ่งหมายถึงมวลชน ส่วนอีกแขนหนึ่งคือ นิติราษฎร์
นายชวนนท์ กล่าวว่า จากหลักฐานข้างต้นไม่ใช่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์สร้างขึ้น แต่เป็นพฤติกรรมต่อเนื่องของคนเสื้อแดง ส.ส.เพื่อไทย และกลุ่มนิติราษฎร์ ว่ามีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดเป็นเนื้อเดียวก้น ทำให้เมื่อพรรคเพื่อไทยออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับนิติราษฎร์จึงไม่มีใคร เชื่อ เพราะพฤติกรรมกับคำพูดแตกต่างกัน ดังนั้นนายกรัฐมนตรีควรเลิกโกหกประชาชนได้แล้วว่าพรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวข้อง กับนิติราษฎร์ ทั้งนี้ยังเห็นว่าการกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นเพียงอุปทานหมู่ของคน ในพรรคเพื่อไทยที่ตั้งใจบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อกลบความล้มเหลวในการบริหาร ประเทศเท่านั้น
นายชวนนท์ยังท้านายจตุพรว่า หากเห็นด้วยและชื่นชมว่าการกระทำของนิติราษฎร์คือการจงรักภักดีก็ควรประกาศ สนับสนุนนิติราษฎร์ให้เดินหน้าไม่ใช่ออกมาห้าม สิ่งที่นายณัฐวุฒิกับนายจตุพรทำจึงเป็นการโดดเรือหนีนิติราษฎร์อย่างชัดเจน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังฝากคำถามไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยว่า การเคลื่อนไหวสนับสนุนให้มีการแก้ไขกฎหมายอาญามาตา 112 ของ นายโรเบิร์ต อัมเสตอดัม ว่าเป็นความคิดส่วนตัวของทนายความชาวแคนาดาที่ต้องการแก้ไขกฎหมายอาญาของไทย หรือทำตามคำสั่งนายจ้างคือ พ.ต.ท.ทักษิณ และเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบคำถามด้วยว่า การเคลื่อนไหวของนิติราษฎร์ คือ การสมประโยชน์ร่วมกันระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ กับนิติราษฎร์ใช่หรือไม่ โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประโยชน์จากข้อเสนอล้มล้างผลพวงรัฐประหารของนิติราษฎร์แลกกับหนุนนิติ ราษฎร์แก้ 112 ใช่หรือไม่ ถือเป็นความลงตัวระหว่างทุนผูกขาดกับนักวิชาการสติเฟื่องหรือไม่
224รายชื่อ หนุนนิติราษฎร์แก้ม.112
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
224 นักวิชาการ นักเขียน และนักกิจกรรมทางสังคมนานาชาติ ออกโรงหนุนนิติราษฎร์รณรงค์แก้ไขมาตรา 112
นักวิชาการ นักเขียน และนักกิจกรรมทางสังคมนานาชาติ ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกที่ส่งถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นักวิชาการ นักเขียน และนักกิจกรรมทางสังคมนานาชาติจำนวน 224 คนได้แสดงความกังวลอย่างมากต่อการใช้มาตรา112 และการลิดรอนสิทธิพื้นฐานของผู้ที่ถูกกล่าวโทษภายใต้มาตรานี้ ผู้ที่ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกยืนยันว่า “มาตรา112 ได้กลายเป็นเครื่องมืออันทรงอิทธิพลในการใช้ปิดปากคู่ขัดแย้งทางการเมือง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คู่ขัดแย้งที่ถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์”
ดร. เควิน ฮิววิสัน ศาสตราจารย์ด้านเอเชียศึกษาแห่งมหาวิทยาลัย นอร์ทแคโรไลนาแชเปิลฮิลล์ และผู้เชียวชาญด้านไทยศึกษาแสดงความเห็นว่า “การใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปในทางที่ผิดในทางการเมืองนั้น มีส่วนสัมพันธ์กับสภาวะเสื่อมถอยของสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย การใช้อำนาจตรวจสอบ การเซ็นเซอร์ตัวเอง และข้อกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีเป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกอย่างรุนแรง”
ผู้ลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกฯสนับสนุนคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 เพราะ “การปฏิรูปกฎหมายนี้เป็นสิ่งจำเป็นในการที่จะคุ้มครองสิทธิพื้นฐานของประชาชนไทยและเสริมสร้างประชาธิปไตยและนิติรัฐในความหมายที่กว้าง”
การแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา112 ที่นำเสนอโดยกลุ่มนิติราษฎร์จะทำให้การลงโทษได้สัดส่วนกับการกระทำความผิด , จำกัดให้ผู้ที่สามารถแจ้งความกล่าวโทษได้เป็นสำนักราชเลขาธิการแทนที่จะเป็นใครก็ได้ , จำแนกการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตออกจากการอาฆาตมาดร้ายสถาบันกษัตริย์ , และแยกการละเมิดมาตรา 112 ให้อยู่ในหมวดความผิดต่อเกียรติยศชื่อเสียงของสถาบันกษัตริย์แทนที่จะจัดให้อยู่ในหมวดความมั่นคงแห่งรัฐ
ดร.ราเชล แฮริสัน นักวิชาการผู้เชียวชาญด้านวัฒนธรรมไทยศึกษากล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่นักคิด และนักกิจกรรมทางสังคมนานาชาติจำนวนมากร่วมลงชื่อกับเราในการสนันสนุนการปฏิรูปมาตรา 112 เป็นการแสดงให้เพื่อนชาวไทยที่กำลังเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกฎหมายนี้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้โดดเดี่ยว และเรื่องนี้จะถูกติดตามอย่างใกล้ชิดจากประชาคมนานาชาติ”
ผู้ลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ประกอบด้วย (ตามรายนามที่แนบมาด้วยนี้) นักวิขาการ นักเขียนและนักกิจกรรมทางสังคมจาก 16 ประเทศ ได้แก่ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, แคนาดา, เดนมาร์ก, เยอรมนี, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, เนเธอร์แลนด์, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, สวีเดน, ตรินิแดดและโตเบโก, อังกฤษ และ สหรัฐอเมริกา
สุกำพลวอนสื่ออย่าให้ค่ากลุ่มแก้ไขม.112
จาก โพสต์ทูเดย์
รมว.กลาโหมวอนสื่ออย่าให้ค่านักวิชาการหนุนแก้ม.112 ทหารไม่มีปัญหาพร้อมปฎิบัติตามพรบ.ปรองดอง
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เปิดเผยว่าสื่อมวลชนไม่ควรให้ค่ากลุ่มนักวิชาการที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้ มีการแก้ไขประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112ถ้าไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้อีกไม่นานก็หมดไป สื่อเป็นคนที่มอง และเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปถ้าเราไม่ให้ค่ามันก็จบไปเอง
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต
คนที่มีหน้าที่ก็ได้ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่แล้ว อะไรทั้งหลายที่เกิดขึ้นในประเทศชาติ ถ้าสื่อมวลชนได้ช่วยกันโดยเฉพาะข่าวเรื่องสถาบัน ถ้าพูดไปมากก็ยิ่งสะเทือนมาก ขอให้ช่วยกันดูอย่าให้เป็นข่าวมากนักจะเป็นสิ่งที่ดี
เมื่อถามว่า กองทัพได้มีการเตือนกลุ่มบุคคลที่เคลื่อนไหวหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ก็เตือนอยู่แล้ว เราอย่าให้ไปค่าเขามาก ถ้าสื่อคิดว่าไม่ดี ก็อย่าไปให้ค่าเขามาก ตนไม่อยากฝากอะไรส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่อยู่ที่ใจ ทั้งนี้ทางทหารเราก็มีการติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะผลักดัน พรบ.ปรองดองให้เกิดขึ้นสามารถแก้ไขปัญหาในอดีตได้หรือไม่ พล.อ.อ. สุกำพล กล่าวว่า ทหารเป็นผู้ปฏิบัติ ถ้าพ.ร.บ.ออกมาอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น เนื่องจากเป็นกฎหมายอย่าไปวิจารณ์ เมื่อคนที่มีหน้าที่พิจารณาอย่างรอบคอบในการออกพรบ.ได้หารือกันแล้วผ่านความ เห็นชอบจากรัฐสภา เมื่อออกมาอย่างไรเป็นกฎหมายก็ต้องปฏิบัติตาม
ส่วน จะสร้างความปรองดองได้จริงหรือไม่ ต้องมองในแง่ดีบ้าง อย่าไปมองว่าออกมาแล้วไม่ปรองดองคงไม่ใช้ เพราะการออก พ.ร.บ.ต้องการให้เกิดความปรองดอง ซึ่งก็ยังดีกว่าไม่มี ต้องมองในแง่ดีบ้างอย่าไปมองว่าคนกลุ่มนี้ว่าอย่างนี้ คนกลุ่มนั้นว่าอย่างนั้นมันต้องมีจุดเริ่มต้นและจุดรวม สุดท้ายเมื่อทุกฝ่ายมองกันแล้วรู้ปัญหาหมด มีข้อมูลหมด ก็เอากันแค่นี้เป็นเรื่องของกฎหมาย เมื่อออกมาเป็นกฎหมายดีที่สุดแล้วทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับ ทหารไม่มีปัญหาอะไร.
ยงยุทธติงนิติราษฎร์อย่าขัดความเชื่อสังคม
จาก โพสต์ทูเดย์
มท.1หวั่นเคลื่อนไหวแก้ม.112 อาจสร้างเงื่อนไขความรุนแรง ติงนิติราษฎร์อย่าขัดความเชื่อสังคม
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยถึงการแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 ว่า พรรคเพื่อไทยเองยืนยันมาตลอดว่าไม่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว ทั้งจากการแถลงข่าวของพรรค หรือจากสส.พรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำฝั่งประชาธิปไตย อย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ต่างก็เห็นตรงกันว่าจะไม่แตะต้องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นที่เคารพสักการะของคนไทย อย่างไรก็ตาม หากทุกฝ่ายเคลื่อนไหวภายใต้กฎหมาย ไม่ขัดต่อความเชื่อ หรือความรู้สึกของสังคม ก็ไม่น่าจะเกิดความรุนแรงขึ้น
ส่วนความเคลื่อนไหวเพื่อรณรงค์การแก้ไขมาตรา 112 ของกลุ่มนิติราษฎร์นั้น นายยงยุทธกล่าวว่า เท่าที่ประเมินความรู้สึกของสังคม และจากในพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนายจตุพรเองก็ประเมินในรูปแบบเดียวกันว่าอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ ทั้งนี้ ในฐานะรัฐบาลก็พูดได้เพียงว่า ขอให้เคลื่อนไหวตามกรอบของกฎหมาย และไม่ให้ขัดกับความเคารพของกลุ่มคนอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
พท.ซัดนิติราษฎร์เลิกดันทุรัง
โฆษกเพื่อไทยแนะนิติราษฎร์เปลี่ยนบทเล่นเลิกดันทุรังเรื่องม.112 ให้เปลี่ยนไปหนุนแก้รธน.มาตรา250แทน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่มีการต่อต้านคณะนิติราษฎร์ จากภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยกันเอง ว่า หลังจากที่คณะนิติราษฎร์นำเสนอการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมทั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 8 ได้เกิดกระแสต่อต้านจากสังคม จึงอยากให้รับฟังเสียงสะท้อนบ้าง การเสนอแก้ไขกฎหมายดังกล่าวของนิติราษฎร์ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน เมื่อมีแรงต่อต้านทุกทิศทางก็ไม่ควรดันทุรัง ควรทบทวนเปลี่ยนแปลงแนวทางไปสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ที่เป็นผลพวงมาจากการปฏิวัติดีกว่า เชื่อว่าจะมีแนวร่วมมากมายแน่นอน
สำหรับพรรคเพื่อไทยได้ย้ำหลายครั้งว่าไม่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ คณะนิติราษฎร์ แต่ก็มีผู้ไม่หวังดีทำเป็นหูทวนลม พยายามที่จะทำให้เกี่ยวข้องกันให้ได้ แล้วหยิบยกกรณีการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาขยายความโจมตีรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย
ตู่ชูนิติราษฎร์ปกป้องสถาบัน
จาก โพสต์ทูเดย์
"จตุพร" ยก"นิติราษฎร์"กล้าหาญเสนอแก้ไขมาตรา112 ย้ำเป็นการปกป้องสถาบัน แต่มีบางกลุ่มพยายามบิดเบือน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า กลุ่มคณะนิติราษฎร์ถือเป็นกลุ่มที่กล้าหาญในการเสนอให้มีการแก้ไขมาตรา 112 เพราะการเสนอให้แก้ไขนั้นทำให้คณะนิติราษฎร์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าต้องการ โค่นล้มสถาบัน ทั้งที่จริงแล้วเป็นการทำเพื่อปกป้องสถาบัน ไม่ใช่โค่นล้มสถาบัน แต่ก็ได้มีกลุ่มคนพยายามไปบิดเบือนทำให้เกิดความเสียหายต่อนิติราษฎร์
"ที่ผ่านมาก็ได้มีหลายกลุ่มที่นำเสนอให้มีการแก้ไขมาตรา 112 อาทิ นายคณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย และ ประธานกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) แต่กลับไม่ถูกโจมตี จึงถือเป็นการเลือกกระทำ"นายจตุพรกล่าว
อย่างไรก็ดีมาตรา 112 ได้มีมานานแล้ว แต่ในอดีตกลุ่มการเมืองไม่ได้นำมาตรา 112 มาโจมตีฝ่ายปรปักษ์ แต่เมื่อมาถึงสมัยพรรคประชาธิปัตย์ กลับมีการนำเรื่องมาตรา 112 มาใช้เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งถือเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ขณะนี้จะเห็นได้ว่าไม่มีใครที่จะเห็นด้วยในการแก้ไขมาตรา 112 เช่นเดียวกับสภา
ทั้งนี้ขอให้คณะนิติราษฎร์ ตั้งหลักและใช้หลักความจริงในการต่อสู้ เพื่อไม่ให้เข้าเกมการเมืองตามที่ฝ่ายตรงข้ามได้วางไว้ เพราะหากเดินหน้าต่อไปกลุ่มอำนาจก็จะพยายามทำให้ประชาชนเข้าใจผิด จนทำให้เกิดรัฐประหารไดอคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างในเรื่องของความจงรัก ภักดี ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่จงรักภักดี แต่คนที่นำเรื่องสถาบันมาโจมตีอีกฝ่ายต่างหากคือคนที่ไม่รักสถาบันจริง
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าคณะสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ออกมาพูดยับยั้งการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาให้แก่คนเสื้อแดงว่า การนำภาษีประชาชนมาจ่ายให้นั้น ทำให้ประชาชนทุกคนไม่พอใจ จึงอยากจะถามกลับว่า แล้วการที่พรรคประชาธิปัตย์ นำเงินภาษีของประชาชนจำนวน 6 พันล้านบาท มาฆ่าประชาชนเป็นสิ่งที่ประชาชนพึ่งพอใจหรือไม่
ด้าน นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช.ระบุถึงกรณีที่คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่ให้กลุ่มนิติราษฎร์ใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยในการเดินหน้าแก้มาตรา112ว่า ถือเป็นการครอบงำอิสระภาพแห่งความคิดของกลุ่มคน หากเป็นอย่างนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็จะไม่ติดอันดับ 1 ใน 400 เหมือนมหาวิทยาลัยอื่น ๆ พร้อมกันนี้ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ ก็จะไปยื่นรายชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในเวลา 12.00 น.ที่หน้ารัฐสภา
อนึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 31 ม.ค. นายจตุพรได้แถลงว่า พรรคเพื่อไทยและกลุ่มนปช.ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มนิติราษฎร์ และเรียกร้องให้มีการทบทวนข้อเสนอเรื่องมาตรา 112 รวมทั้งยืนยันว่าไม่เคยพบกับ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มนิติราษฎร์
คนโคราชค้านกลุ่มนิติราษฎร์
จาก โพสต์ทูเดย์
กลุ่มองค์กรรักในหลวงเมืองโคราชคนเดินขบวนคัดค้านกลุ่มนิติราษฎร์แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 112
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. กลุ่มแนวร่วมองค์กรรักในหลวงเมืองโคราชได้ออกเดินขบวนรณรงค์ให้ชาวจังหวัด นครราชสีมาออกมาคัดค้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ที่เสนอให้รัฐบาลมี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฎหมายอาญา มาตรา 112 ในครั้งนี้ไปตามถนนสายต่างๆทั่วเขตเทศบาลนครนครราชสีมา
ทั้งนี้กลุ่มแนวร่วมองค์กรรักในหลวงเมืองโคราช มองว่า การผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถือเป็นการกระทำการจาบจ้วงให้เป็นที่ระคาย เคืองหัวใจชาวไทยผู้เทิดทูลพระมหากษัตริย์ หลังจากนั้นได้รวมตัวกันที่บริเวณลานหน้าอนุสาวรีท้าวสุรนารี ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อแสดงพลังเรียกร้องผ่านไปยังกลุ่มนิติราษฎร์ และรัฐบาลให้รีบหยุดการกระทำดังกล่าว
'ชาญวิทย์'ยันนิติราษฎร์ยึดหลักวิชาปฏิรูปม.112
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"ดร.ชาญวิทย์"ยันนิติราษฎร์ยึดหลักวิชา ปฏิรูปม.112 ที่ล้าหลัง เป็นมรดกของเผด็จการทหารและอำมาตย์
ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คอมเม็นต์ผ่าน"Charnvit Ks" ข้อเสนอของ"คณะนิติราษฎร์" เป็นเรื่องของการใช้หลักวิชา แก้ไข ปฏิรูปกฏหมายอาญา มาตรา 112 ที่ล้าหลังและเป็นมรดกของเผด็จการทหาร กับอำมาตย์
ทั้งนี้ เพื่อให้สถาบันกษัตริย์สยามประเทศไทยมั่นคง สถาพร ตามมาตรฐานสากล ของนานาอารยประเทศ เช่น อังกฤษ ยุโรปตะวันตก ญี่ปุ่นหาใช่การทำลาย หรือ ล้มล้างไม่
สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี