สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ย้อนรอยคดีพี่น้อง ลาภวิสุทธิสิน 8 ปีที่ผ่านมา ใกล้หมดเวลาปิคนิค

จากประชาชาติธุรกิจ

ชื่อ ของ บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น หรือ PICNI นั้นถือได้ว่าเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่ของสินค้าก๊าซหุงต้มซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมากยุคสมัยหนึ่ง รวมถึงในแง่ของการลงทุน ซึ่งล่าสุดก็เป็นข่าวโด่งดังอีกครั้ง เมื่อ นายธีรัชชานนท์และนางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน น้อง ชายและน้องสาว สุริยา ลาภวิสุทธิสิน นายทุนใหญ่กลุ่มวังน้ำยม ถูกศาลพิพากษาสั่งจำคุกคนละ 12 ปี รวมถึงยังมี ผู้เกี่ยวข้องรายอื่นซึ่งติดร่างแหทั้งโทษจำคุก และบริษัทที่ร่วมก่อการก็มีโทษปรับด้วยนั้น เรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร "ประชาชาติธุรกิจ" จึงได้ย้อนรอยตามคดีนี้ไป โดยนับจากจุดเริ่มต้นเมื่อ 8 ปีก่อน

เมื่อสืบค้นจากข้อมูลจะพบได้ว่า มหากาพย์เรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบนับตั้งแต่ปี 2548 เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เห็นความผิดปกติในการทำธุรกิจของ PICNI จึงได้สั่งให้แก้งบการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2547

ทั้ง นี้ เพราะ PICNI ได้เปลี่ยนวิธีการใช้ถังก๊าซกับโรงบรรจุก๊าซ 10 ราย จากเดิมที่จ่ายเพียงค่ามัดจำถัง มาเป็นให้ทำสัญญาเช่าถัง 3 ปี โดยจ่ายค่าเช่ารายปี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสัญญาดังกล่าวทำให้โรงบรรจุก๊าซต้องบันทึกค่าเช่าเป็น ค่าใช้จ่าย ขณะที่ PICNI สามารถบันทึกค่าเช่าเป็นรายได้ในจำนวน 178 ล้านบาทในปี 2547

ดังนั้น ก.ล.ต.จึงเข้าไปพิจารณาข้อมูลของธุรกิจโรงบรรจุก๊าซทั้ง 10 ราย และพบว่าค่อนข้างมีเงื่อนงำซึ่งบ่งชี้ได้ว่าโรงบรรจุก๊าซเหล่านี้เข้าข่าย ทางพฤตินัยถูกควบคุมกิจการโดย PICNI จึงสั่งให้ PICNI นำงบการเงินของบริษัทเหล่านี้มาทำเป็นงบการเงินรวมเพื่อให้สะท้อนผลการ ดำเนินงานที่แท้จริง

ซึ่งแม้ PICNI จะดื้อตาใสโดยปฏิเสธว่าไม่ได้มีอำนาจควบคุมโรงบรรจุก๊าซ จึงจะไม่จัดทำเป็นงบการเงินรวม แต่ ก.ล.ต.ก็ได้จี้ให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นพิเศษ (special audit) เข้าไปดูแล

และ ในครั้งนี้ส่งผลให้ PICNI ต้องแก้งบการเงินปี 2547 โดยล้างรายได้จากค่าเช่าถังก๊าซให้แก่โรงงานบรรจุก๊าซที่มีความใกล้ชิดพิเศษ (เฉพาะส่วนต่างระหว่างราคาที่สูงกว่าราคาที่ขายให้โรงบรรจุก๊าซอื่น) จำนวน 322 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิปี 2547 ลดลง 500 ล้านบาท คิดเป็น 68% ของกำไรสุทธิก่อนการแก้ไข

หลังจากนั้น จึงเป็นเหตุให้ก.ล.ต.กล่าวโทษ นายธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน อดีตกรรมการผู้จัดการ และ นางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน รองกรรมการผู้จัดการ ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรณีการทำสัญญาและรับรู้รายได้จากการให้ค่าเช่าถังก๊าซทำให้รายได้และกำไร สูงกว่าความเป็นจริง เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 312 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ

และ กรณีทำหน้าที่โดยทุจริต ทำเอกสารบัญชีไม่ถูกต้อง โดยทั้งสองได้ลงนามในสัญญาให้กู้ยืมเงินจำนวน 85 ล้านบาท นิติบุคคล 2 ราย แต่ปรากฏว่าเงินนั้นได้เข้าไปในบัญชีส่วนตัวของนายธีรัชชานนท์ จึงเข้าข่ายเบียดบังไซฟ่อนทรัพย์สินของ PICNI ฝ่าฝืนมาตรา 307, 308, 311 และ 312 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ พร้อมกันนี้จึงได้มีการกล่าวโทษผู้เกี่ยวข้องรายอื่นด้วย

ดังนั้น พฤติกรรมในลักษณะที่กล่าวมาข้างต้นนี้พอจะสรุปได้ว่าสองพี่น้องมีความผิดใน ฐานการตกแต่งบัญชี เพื่อลวงนักลงทุนให้เห็นว่าผลประกอบการของ PICNI มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มคน และบริษัทบรรจุก๊าซ เครือข่าย

จึง เป็นที่มาทำให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาในวันที่ 21 ก.พ.ให้จำคุกนายธีรัชชานนท์และนางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน คนละ 12 ปี และจำเลยอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องคนละ 5 ปี รวมถึงสั่งปรับบริษัทที่รู้เห็นกับการกระทำผิด 10 บริษัท รายละ 6 แสนบาท รวมมูลค่า 6 ล้านบาท พร้อมทั้งสั่งปรับ PICNI อีก 1 แสนบาท

แม้มหา กาพย์เรื่องนี้จะดูเหมือนจบลงแล้ว แต่ถ้าเป็นหนังก็ยังถือว่าต้องติดตามต่อ เพราะคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด ดังนั้นยังมีอะไรให้รอชมอีกแน่จากการตัดสินในชั้นศาลฎีกาหลังจากนี้


ที่มา นสพ.ประชาชาติธุรกิจ


บจ.สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พี แอนด์ อี,คณะบุคคลที่ปรึกษา พี.เอ.ที.,สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา

Tags : ย้อนรอย คดีพี่น้อง ลาภวิสุทธิสิน ใกล้หมดเวลา ปิคนิค

view