จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ภาคบริการสหรัฐเดือนก.พ.โตสูงสุดรอบ 1 ปีสวนทางแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป ส่วนภาคบริการของเอเชียเดือนเดียวกันเติบโตอย่างรวดเร็ว
ภาคบริการของสหรัฐขยายตัวในอัตราสูงที่สุดในรอบ 1 ปีในเดือนก.พ.สวนทางสัญญาณบ่งชี้ ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป ขณะที่จีนปรับลดเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปีนี้ ลงสู่ระดับ 7.5 % ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี
การพุ่งขึ้นของภาคบริการสหรัฐช่วยหนุนกิจกรรมภาคเอกชนทั่วโลกให้ขยายตัวในเดือนก.พ.ในอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 1 ปี โดยบริษัทเจพีมอร์แกน เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตรวมทั่วโลกทะยานขึ้นสู่ 55.5 ในเดือนก.พ. จาก 54.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งตัวเลขที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ามีการขยายตัว
อย่างไรก็ดี การเติบโตนี้มาพร้อมกับต้นทุนด้วยเช่นกัน โดยราคาสินค้าทะยานขึ้นในอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2554 ขณะที่ได้รับแรงกระตุ้นจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันและต้นทุนในการขนส่ง
นายทอม พอร์เซลลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐของบริษัทอาร์บีซี แคปิตัล มาร์เก็ตส์ ให้ความเห็นว่า ถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจในระยะนี้ อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ แต่นักลงทุนก็ยังคงใช้ความระมัดระวัง เพราะเราอยู่ในภาวะแวดล้อมที่การคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆมีความเกี่ยวข้องกันเป็นอย่างมาก
สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ไอเอสเอ็ม) ของสหรัฐรายงานว่า บริษัทในภาคบริการ ซึ่งครองสัดส่วนสูงกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐเติบโตขึ้นในเดือนก.พ.ในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2554 โดยดัชนีภาคบริการเพิ่มขึ้น 0.5 จุด สู่ระดับ 57.3 ในเดือน ก.พ. สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 56.1 และเพิ่มขึ้นจาก 56.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขนี้สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่อัตราราว 2.0 % ต่อปี
นายแซม วอร์ดเวล นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทไพโอเนียร์ อินเวสท์เมนท์ กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเกือบทั้งหมดบ่งชี้ว่ามีความแข็งแกร่งในเชิงพื้นฐานในตลาดแรงงาน และตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้รับแรงหนุนในทางบวกและสามารถสร้างแรงหนุนนี้ได้เอง
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ในยุโรป แตกต่างออกไปจากสหรัฐ เพราะกิจกรรมทางธุรกิจในสเปนและอิตาลี ชะลอตัวลงอย่างรุนแรง โดยดัชนีกิจกรรมภาคบริการของอิตาลีร่วงลงสู่ 44.1 ในเดือนก.พ. จาก 44.8 ในเดือนม.ค. ในขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) สำหรับภาคบริการของสเปนรูดลงสู่ 41.9 ในเดือนก.พ. จาก 46.1 ในเดือนม.ค.
บริษัทมาร์กิต ระบุว่า ดัชนีพีเอ็มไอ สำหรับภาคบริการของเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซน ร่วงลงสู่ 52.8 ในเดือนก.พ.จาก 53.7 ในเดือนม.ค. บ่งชี้ว่าภาคบริการกำลังชะลอการเติบโต ส่วนดัชนีพีเอ็มไอ สำหรับภาคบริการของฝรั่งเศสร่วงลงสู่ 50.0 ในเดือนก.พ. จาก 52.3 ในเดือนม.ค. บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจในฝรั่งเศสได้ยุติการขยายตัวในเดือนก.พ.
ตัวเลขเหล่านี้ ทำให้นักลงทุนกังวลว่า ยูโรโซนซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 17 ประเทศ อาจจะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายทางการเงินแทบไม่เหลือทางเลือกใหม่ๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อัตราดอกเบี้ยในยูโรโซนอยู่ที่ 1.0 % ซึ่งถือเป็นสถิติต่ำสุด นอกจากนี้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะ 3 ปีเป็นจำนวนเงินสูงกว่า 1 ล้านล้านยูโรให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนไปแล้วด้วย
อย่างไรก็ดี แทนที่ธนาคารพาณิชย์ จะนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการปล่อยกู้ แก่ภาคเอกชน ธนาคารเหล่านี้กลับกักเก็บเงินนี้เอาไว้ โดยมีรายงานระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ฝากเงินช่วงข้ามคืนไว้กับอีซีบีเป็นจำนวนสูงกว่า 8.20 แสนล้านยูโร
นายเบน เมย์ จากบริษัทแคปิตัล อิโคโนมิคส์ ให้ความเห็นว่า สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือ ความอ่อนแออย่างต่อเนื่องของประเทศทางตอนใต้ของยุโรป โดยอีซีบีจะกำหนดนโยบายที่ใช้กับยูโรโซนทั้งภูมิภาค ไม่ใช่ใช้กับประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีแนวโน้มว่านโยบายของอีซีบี จะไม่อยู่ในภาวะผ่อนคลายมากเท่ากับที่สเปนหรืออิตาลีต้องการ
ภาคบริการของจีน เติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นในเดือนก.พ. โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ของเอชเอสบีซี สำหรับภาคบริการจีน ซึ่งครอบคลุมธุรกิจ ตั้งแต่ร้านอาหารไปจนถึงธนาคาร พุ่งขึ้นสู่ 53.9 ในเดือนก.พ. จาก 52.5 ในเดือนม.ค. ขณะที่นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าของจีนกล่าวว่า การกระตุ้นอุปสงค์ของผู้บริโภค ถือเป็นประเด็นสำคัญลำดับแรก
ภาคบริการของอินเดียยังคงเติบโตในอัตราที่แข็งแกร่ง ถึงแม้อ่อนลงเล็กน้อยจากเดือนม.ค. โดยดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจของอินเดียร่วงลงสู่ 56.5 ในเดือนก.พ. จาก 58.0 ในเดือนม.ค.
ผู้กำหนดนโยบายในเอเชียมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับสถานการณ์ โดยถ้าหากเศรษฐกิจชะลอตัวลง ธนาคารกลางในเอเชีย ก็สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยุโรปกับสหรัฐไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ เพราะว่า อัตราดอกเบี้ยในยุโรปและสหรัฐอยู่ใกล้กับ 0 % อยู่แล้ว
จีน ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (อาร์อาร์อาร์) ลง 0.50 % สู่ 20.5 % ในวันที่ 18 ก.พ. ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์จีน สามารถปล่อยกู้ เพิ่มขึ้น 4 แสนล้านหยวน
หลังจากนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าของจีนปรับลดเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ นักลงทุนก็กังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลกระทบต่อทั่วโลก และทำให้สินทรัพย์ที่ผูกพันกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น หุ้นและสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ร่วงลงเมื่อวานนี้ โดยออสเตรเลียเป็นประเทศที่ขายวัตถุดิบจำนวนมากให้แก่จีน
อย่างไรก็ดี ถ้าหากจีน สามารถปรับเศรษฐกิจของตนเองให้หันมาพึ่งพาการบริโภคมากกว่าการส่งออก ปัจจัยดังกล่าว ก็จะส่งผลดีต่อสินค้าของประเทศอื่นๆ
การที่ธนาคารกลางจีน แสดงความเต็มใจที่จะเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ อัตราแลกเปลี่ยนหยวน อาจถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าทางการจีนอาจปล่อยให้หยวนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย และสิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ของผู้บริโภค
สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน