จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย

สถานการณ์การเมืองกำลังเข้าสู่จุดปะทุอีกครั้ง เมื่อฝ่ายการเมืองกลับมาพยายามหาแนวทางนิรโทษกรรมการเมืองอีกครั้งท่ามกลาง ความคับข้องใจจากหลายฝ่ายว่างานนี้เป็นหวยล็อกเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่

โดยประเด็นนี้เริ่มมีความคืบหน้าและความชัดเจนเป็นระยะจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร(กมธ.ปรองดอง) ซึ่งเตรียมประชุมกันวันนี้เพื่อพิจารณาข้อเสนอการสร้างความปรองดองที่เพิ่ง ได้รับจากสถาบันพระปกเกล้ามาอย่างสดๆ ร้อนๆ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

วัฒนา เมืองสุข สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) รองประธาน กมธ. ยอมรับว่า การประชุม กมธ.วันนี้ จะมีความชัดเจนว่าจะเห็นด้วยกับประเด็นใดของสถาบันพระปกเกล้าบ้าง เพื่อนำไปสู่การทำรายงานเสนอให้สภาพิจารณา โดยการเสนอให้สภาพิจารณาคงจะเสนอแบบลอยๆ ไม่ได้ ต้องสรุปให้ชัดเจน

สำหรับแนวทางการสร้างความปรองดองของสถาบันพระปกเกล้า สาระสำคัญอยู่ที่การเสนอ 3 ทางเลือก เพื่อเปิดประตูปล่อยคดีความที่เคยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ดังนี้

ทางเลือกที่ 1 ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาด้วยกระบวนการยุติธรรมตามปกติที่มีอยู่ โดยให้เฉพาะผลการพิจารณาของ คตส.สิ้นผลลง และโอนคดีทั้งหมดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการใหม่ แต่ไม่กระทบถึงคดีที่ถึงที่สุดแล้ว

ทางเลือกที่ 2 ให้เพิกถอนผลทางกฎหมายที่ดำเนินการโดย คตส.ทั้งหมด และให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมปกติ โดยให้ถือว่าคดีดังกล่าวไม่ขาดอายุความ

ทางเลือกที่ 3 ให้เพิกถอนผลทางกฎหมายที่ดำเนินการโดย คตส.ทั้งหมด และไม่นำคดีที่อยู่ระหว่างกระบวนการและที่ตัดสินไปแล้วมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง

ทั้งหมดสถาบันพระปกเกล้าเชื่อว่า ถ้าทำตามแนวทางนี้สถาบันตุลาการจะถูกกันออกจากจุดที่มีข้อเคลือบแคลงสงสัย ทำให้ดำรงรักษาความเป็นกรรมการกลางที่เป็นอิสระได้ นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้ยกเลิกโทษยุบพรรคการเมืองและการนิรโทษกรรมคดีคน เสื้อแดงเท่าที่จะสามารถกระทำได้ด้วย โดยเฉพาะการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ

อย่างไรก็ตาม หากโฟกัสไปทั้งสามทางเลือกข้างต้นแล้ว จะรู้สึกได้ว่าทุกทางเลือกล้วนเป็นประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แทบทุกด้าน

เป็นเพราะแม้จะถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายึดทรัพย์ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ยังมีคดีค้างในสารบบของศาลฎีกาฯ อยู่อีกจำนวนหนึ่ง เช่น คดีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ปล่อยเงินกู้ให้กับรัฐบาลพม่าจำนวน 4,000 ล้านบาท หรือการออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัท ชินคอร์ป ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท เป็นต้น

จึงไม่แปลกว่าทำไม พท.ถึงได้โดดรับกับข้อเสนอนี้อย่างรวดเร็วและต้องการสานต่อให้เป็นรูปธรรม สวนทางกับกระแสต่อต้านรัฐบาลที่เริ่มมากขึ้นเป็นระยะและทำท่าจะขยายวงมาก ขึ้น

กระนั้น พท.ไม่ได้รู้สึกยี่หระกับกระแสดังกล่าว ตรงกันข้ามกลับจะเร่งเครื่องเพื่อให้การปรองดองเดินหน้าได้ตามลำดับ

เปรียบเทียบสถานการณ์ก่อนหน้านี้ พท.ค่อนข้างจะเจียมเนื้อเจียมตัวไม่ต่อล้อต่อเถียงเท่าไรกับการนิรโทษกรรม โดยตระหนักดีว่ายิ่งพูดยิ่งเข้าตัว ยิ่งพูดยิ่งเจ็บ ไม่มีหลักการมารองรับ แต่กับสถานการณ์ ณ เวลานี้ ถือเป็นคนละเรื่อง

พท.จะใช้ข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้าผลักดันการปรองดอง โดยอ้างอิงว่าสถาบันพระปกเกล้ามีความเป็นกลางเพียงพอต่อการสร้างความปรองดอง ซึ่งจุดอ่อนของ พท.ที่ผ่านมาคือ การไม่มีหลักอ้างอิงถึงความเป็นกลางจากสถาบันหนึ่งสถาบันใด แต่ในเมื่อตอนนี้มีสถาบันพระปกเกล้ามาเป็นฐานทางวิชาการ เท่ากับเป็นการช่วยอุ้มให้ พท.สามารถเดินตามเกมของตัวเองได้

เกมของ พท.จากนี้ไปจะเดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วย 2 ปัจจัยสำคัญ คือ ข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้าและเสียงข้างมากในฝ่ายนิติบัญญัติ

เสียงข้างมากของ พท.จะเข้ามามีบทบาทอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากกลไกภายในของกมธ.ปรองดอง ซึ่งทราบดีว่าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พยายามขัดขวางไม่ให้กระบวนการนี้เดินไปได้ เพราะเล็งเห็นว่าเป็นวาระซ่อนเร้นเพื่อช่วยคนเพียงคนเดียว

แต่วันนี้ พท.พร้อมจะหักกับฝ่ายค้านด้วยการยกข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้ามาใช้ และใช้เสียงข้างมากเป็นเครื่องมือเพื่อให้ข้อเสนอนิรโทษกรรมเป็นไปตามที่ พท.ต้องการ โดยใช้รายงานของสถาบันพระปกเกล้าอ้างอิง

จากนั้นเข้าสู่แผนขั้นบันไดต่อไป คือ การเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมตามรายงานสถาบันพระปกเกล้า โดยตอนนี้ พท.เองเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพด้วยตัวเองและส่งมอบงานปรองดองให้สภารับไม้ต่อ ถ้าเป็นไปตามนี้ กมธ.ปรองดองจะเตรียมปิดจ๊อบอย่างไม่เป็นทางการและภารกิจของ กมธ.จะเหลือเพียงในส่วนการพิจารณาแนวทางนำความสงบสุขคืนสู่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น

ขณะที่ท่าทีล่าสุดของ พท.ผ่าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็เตรียมผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง เพื่อช่วยเหลือกลุ่มต่างๆ รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ โดยก่อนหน้านี้ระบุว่าจะเสนอกฎหมายนี้ทันทีที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่าน

ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า จะให้ สส.เสนอร่าง พ.ร.บ.เข้าสภา เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระประชุม โดยยกร่างไว้แล้ว 6 มาตรา ทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจะได้ประโยชน์ทั้งหมด ไม่ใช่คนหนึ่งคนใด

ทุกขั้นตอนของ พท.นับตั้งแต่เข้าสู่อำนาจจึงไม่ต่างอะไรกับการวิ่งผลัด 4 คูณ 100 เมตร เริ่มต้นอย่างรวดเร็วอาจมีชะลอบ้างในช่วงทางโค้ง การรับส่งไม้เป็นไปสมบูรณ์แบบ และเมื่อไม้สุดท้ายเข้าสู่ทางตรงก็เร่งฝีเท้าสุดแรง เพื่อให้ถึงเส้นชัยให้เร็วที่สุด

สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน