จากประชาชาติธุรกิจ
สมคิด-แนะพ่อค้าเข้าอาเซียน รับมือพายุธุรกิจเปลี่ยนทิศ 2 มิติ
อีกประมาณ 45 วัน นักการเมืองระดับตำนานในบ้านเลขที่ 111 จะคืนสนาม
ทั้งนักเคลื่อนไหวการเมืองในฝ่ายเพื่อไทย เช่น "นายภูมิธรรม เวชยชัย"
ทั้งนักการเมืองที่เชี่ยวชาญงานในสภาผู้แทนฯ เคี่ยวกรำในกรรมาธิการงบประมาณมานานกว่า 10 ปี เช่น "นายวราเทพ รัตนากร" ก็คงหวนคืนตำแหน่ง
ทั้งนักประชาสัมพันธ์เชี่ยวชาญกลยุทธ์ "การข่าว" ทั้งใต้ดิน บนดิน เช่น "นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ" ก็คงยืนเด่นกว่าเก่าในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนักกลยุทธ์การเมืองที่รู้ทันกลเกมของนักการเมือง ไม่เคยเป็นฝ่ายค้านนานกว่า 6 เดือน เช่น "นายสมศักดิ์ เทพสุทิน" ก็คงมีที่ยืนแถวหน้าในพรรคภูมิใจไทย
ส่วนนายพินิจ จารุสมบัติ-นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ก็คงเคลื่อนกายเข้าสู่วงโคจรของอำนาจอีกหน
ไม่ต้องนับรวม "จาตุรนต์ ฉายแสง" ที่แม้ไม่มีตำแหน่งแต่มีบทบาททางการเมืองทุกหัวโต๊ะประชุม ก็คงไม่ปฏิเสธร่วมวงอำนาจฝ่ายบริหารกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
เช่นเดียวกับกลุ่ม "นายแพทย์นักการเมือง" ที่เคยมีบทบาทอย่างสูงต่อการตัดสินใจของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และมีบทบาทไม่ลดละในรัฐบาล
"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เช่น "นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช" และ "นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี" ที่คงได้เพิ่มบท-เพิ่มอำนาจ หน้าที่มากยิ่งกว่ามาก
มีแต่ "ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตขุนพลคู่คิดที่กลายเป็นคู่ขนานของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ที่ยังแบ่งรับ-แบ่งสู้ที่จะหวนคืนอำนาจการเมือง
เพราะชีวิตทุกวันนี้ของ "ดร.สมคิด" สุขยิ่งกว่าสุขกับการใช้ชีวิต "กุนซือ" ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ในกลุ่มกิจการสินค้าอุปโภคบริโภค
บริษัทยักษ์ใหญ่ไม่น้อยกว่า 3 บริษัทมี "ดร.สมคิด" ร่วมคิดแผนกลยุทธ์การค้า การขาย และโรดแมปไปสู่สังคมประชาคมอาเซียน
หนึ่งในนั้นคือเครือสหพัฒน์
หนึ่งในนั้นคือกลุ่มโอสถสภา
ไม่นับรวมมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำ เช่น "มหาวิทยาลัยกรุงเทพ" ที่ทุกหลักสูตรถูก "สมคิด" ช่วยคิดออกแบบให้เชื่อมต่อทางวิชาการ มีระบบปฏิบัติการร่วมกับมหาวิทยาลัยนานาชาติ ในนาม "นายกสภามหาวิทยาลัย" สถาบันการศึกษาของคนในตระกูล "โอสถานุเคราะห์"
เช่นเดียวกับแผนการทางวิชาการที่เชื่อมโยงนักศึกษาในสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ที่ "ดร.สมคิด" เป็น "ศาสตราภิชาน" ของสถาบัน กับสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ
เลกเชอร์สาธารณะที่ "ดร.สมคิด" ปาฐกถาหลายครั้ง มักให้คำแนะนำ ชี้ทิศทางสำหรับธุรกิจไทย
ล่าสุด "ดร.สมคิด" แนะแนวในประเด็นประชาคมอาเซียน พร้อมบอกทางให้พ่อค้า นักลงทุน และทุกภาคส่วนเตรียมพร้อม
เขาบอกว่า ในปี 2015 ทุกอย่างจะเสรี มีนัยสำคัญทั้งกับภาครัฐและเอกชน
ภาคเอกชนมีผลกระทบ 2 มิติ
มิติแรก scope-ขอบเขตของโอกาส ต่อไปนี้จะไม่ใช่แค่กลุ่มอาเซียนบวก 3 (รวมจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลี) แต่จะเพิ่มเป็นกลุ่มอาเซียนบวก 6 เพิ่มออสเตรเลีย อินเดีย และนิวซีแลนด์เข้ามาด้วย
จุดอ่อนของเมืองไทย คือมองเฉพาะในบ้าน ไม่ได้มองออกไปนอกบ้าน
มิติที่ 2 business approach วิถีการทำธุรกิจจะเปลี่ยนไป การทำตลาดระดับประชาคมอาเซียนต้องตอบโจทย์ 4 ด้าน เช่น ต่อไปนี้ลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นใคร,
คู่แข่งทางการค้า-ธุรกิจเป็นประเทศไหน, กฎระเบียบของแต่ละประเทศเป็นอย่างไร, ต้นทุนที่ต้องเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับใด มาจากรายการใดบ้าง
ทั้ง 2 มิติมีความแตกต่างตามอุตสาหกรรม ตามรายการสินค้า
ประเด็นสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ พวกธุรกิจรายย่อยจะสู้-แข่งขันในตลาดอาเซียนได้อย่างไร
ยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น ที่พลิกบทบาทมาเป็นประเทศแกนนำในการขยายตัว
ในการลงทุนทั่วอาเซียน ด้วยการใช้
"JETRO-Japan External Trade
Organization" หรือเจโทร ทำหน้าที่เหมือนธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) รวมกับสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI)
ดังนั้น ในวาระที่จะเข้าสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน ไทยควรเดินตามแนวทางญี่ปุ่นที่มีทั้งเอ็กซิมแบงก์และ
บีโอไอ ร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) เป็นโค้ชชิ่ง-
พี่เลี้ยงให้กับภาคธุรกิจไทย
ภาคธุรกิจไทยต้องจัดระเบียบใหม่ ซึ่งอาจจะต้องมีกลุ่ม-cluster สำหรับประชาคมอาเซียน
ภายใน 3 ปี สิ่งเหล่านี้ต้องเกิดขึ้น
พร้อม ๆ กันต้องมีกองทุนประชาคมอาเซียน เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจไทยในช่วงเปลี่ยนผ่าน ช่วยให้เอกชนปรับตัวจากนักลงทุน local สู่การเป็นนักลงทุนระดับบริษัทข้ามชาติ สัญชาติไทย
ภาคเอกชนทั้งสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมฯ สมาคมธนาคารไทย หรือสมาคมผู้ส่งออก ควรทำข้อเสนอให้รัฐบาลเพื่อก้าวเดินไปพร้อมกัน
ทางหนึ่งนักธุรกิจ ภาคเอกชน จะได้รู้ตัวตั้งตัวได้ว่าเตรียมตัวเข้าสู่ระบบธุรกิจ เศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างไร
ทางหนึ่งภาคเอกชนจะได้เห็นเส้นทางว่า ภาครัฐจะมีแผนการเข้าสู่ระบบประชาคมอาเซียนอย่างไรบ้าง
ทางที่เป็นไปได้มากที่สุด ภาครัฐควรปรับบทบาทให้ "บีโอไอ" เป็น
พี่เลี้ยงมีบทบาทต่อการลงทุน ทำการค้าในต่างประเทศ เช่นเดียวกับที่ "เจโทร" ทำการค้าการลงทุนให้ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จมาแล้ว
เพราะจากนี้ไปประเทศไทยต้องเข้าไปอยู่ในลู่แข่งขันกับนักลงทุนต่างประเทศมากขึ้น
ในขณะนี้มีภาคเอกชนยักษ์ใหญ่บางบริษัทได้เดินทางไปจับคู่ทางธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้านไปบ้างแล้ว เช่น พม่า กัมพูชา เพื่อกรุยทางไปสู่อนาคตที่ต้องไปตั้งสำนักงาน ตั้งบริษัทเป็นแหล่งผลิตสินค้าด้วยตัวเอง
เหล่านี้คือกลยุทธ์ เคล็ดลับ การก้าวสู่สังคมไร้พรมแดนในโลกธุรกิจที่ "ดร.สมคิด" แนะพ่อค้าคนไทย
ทว่า พรมแดนทางการเมืองของ "ดร.สมคิด" ยังเปิดกว้างยิ่งกว่ากว้างสำหรับอนาคตประเทศไทย
สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน