คำต่อคำ“ป๋าชาญ”คนดูแลสนามฟุตบอล ตอบคำถามนักข่าว ยอมรับแบบงง ๆ โผล่ถือหุ้นแทน“บังยี” แทบไม่เคยเข้ายุ่งเกี่ยวธุรกิจ เผย “นาย”เตรียมปลูกบ้านใหม่ให้อยู่หลังอุทิศตนรับใช้นาน 20 ปี

          กรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจพบว่า นายชาญ เกียรติศิลปิน หรือ “ป๋าชาญ” ได้รับโอนหุ้น 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท เบนซ์เมืองมีน จำกัด บริษัท บี เอ็น เอ ดับบลิว ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด บริษัท วอร์ม จำกัด และ บริษัท เอ อี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) รวมหุ้น 41,500 หุ้น มูลค่า 4,150,000 บาท (ตามทุนจดทะเบียน) จากนายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย หลังเข้ารับตำแหน่งผู้แทนการค้าไทย 2-3 เดือน แท้จริงแล้วเป็นเพียงผู้ดูแลศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถนนมิตรไมตรี แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพฯ

          ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปยังศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในซอย มิตรไมตรี 6/6 ริมถนนมิตรไมตรี แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพฯ เพื่อขอสัมภาษณ์ นายชาญ เกียรติศิลปิน หรือ “ป๋าชาญ” ถึงข้อเท็จจริงรับการรับโอนหุ้นจากนายวรวีร์ดังกล่าว เบื้องต้นได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติรายหนึ่ง ว่า นายชาญ ทำงานอยู่ที่นี้จริง โดยรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ คนที่นี้ จะเรียกกันว่า “ป๋าชาญ”

          “ป๋าชาญ เป็นเพื่อนกับท่านวรวีร์ ป๋าแกทำงานกับท่านวรวีร์มานานกว่า 20 ปีแล้วครับ ตอนนี้ป๋าแกรับหน้าที่ดูแลศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งนี้ ภรรยาแก ก็มาเป็นแม่ครัว อยู่ที่โรงอาหารศูนย์ฝึก ตอนนี้ทั้งคู่พักอาศัยอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้ แต่เร็วๆ นี้ ท่านวรวีร์ จะปลูกบ้านให้อยู่แถวๆ นี้แหละ” เจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลรายหนึ่งระบุ

          ต่อมาวันที่ 2 พฤษภาคม 2555 นายชาญ เกียรติศิลปิน หรือ ป๋าชาญ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)

          เบื้องต้นผู้สื่อข่าวได้ตั้งคำถามว่า นายวรวีร์ ได้โอนหุ้นบริษัท 4 แห่ง ให้จริงหรือไม่ ป๋าชาญ หยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะย้อนถามว่า “..โอน..โอนหุ้นให้ผมหรือครับ”

          ผู้สื่อข่าวได้ตอบกลับไปว่า เป็นเรื่องจริง บริษัท 4 แห่ง ที่ว่าได้แก่ บริษัท วอร์ม จำกัด , บริษัท เบนซ์เมืองมีน จำกัด เป็นต้น ป๋าชาญ จึงตอบว่า “ใช่ครับ”

          เมื่อถามว่า นายวรวีร์ โอนให้ด้วยเหตุผลอะไร ป๋าชาญ หัวเราะก่อนจะตอบว่า “ ก็..ผมอธิบายลำบาก..ก็ผมเป็นญาติเขาอ่ะ”

          เมื่อถามย้ำว่า ป๋าชาญ เป็นญาติกับนายวรวีร์หรือ ป๋าชาญ ตอบสั้นๆ ว่า “ครับผม” (ลากเสียงยาว)

          เมื่อถามว่า หมายถึงโอนหุ้นมาให้ ป๋าชาญ ดูแลต่อหรือยังไร ป๋าชาญ ตอบสั้นๆ ว่า “ครับ”

          เมื่อถามว่า ปัจจุบันบริษัททั้ง 4 แห่ง ผลประกอบการเป็นอย่างไรบ้าง (มีการตรวจสอบข้อมูลก่อนหน้านี้ ว่า 4 ประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง) ป๋าชาญ ตอบสั้นๆ ว่า “ก็ดีเหมือนกันแหละครับ”

          เมื่อถามย้ำว่า ดีอย่างไร ป๋าชาญ ตอบว่า “ก็..ไม่ค่อยมีอุปสรรคอะไรเท่าไร”

          เมื่อถามว่า หมายถึงอะไร ป๋าชาญ ตอบเสียงหงุดหงิดว่า “ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคครับ”

          เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงผลประกอบการมีกำไรใช่หรือไม่ ป๋าชาญ ตอบว่า “ก็..ไม่มีเท่าไรหรอกครับ”

          เมื่อถามว่า ปัจจุบันทำงานอะไรกับคุณวรวีร์ ป๋าชาญ ตอบว่า “ทำหลายอย่างครับ”

          เมื่อถามย้ำว่า เป็นลูกน้องของคุณวรวีร์ หรือ ป๋าชาญ ตอบว่า “ผมต้องเป็นลูกน้องเขา.. เป็นลูกพี่เขาไม่ได้หรอก”

          เมื่อถามว่า ทำงานกับคุณวรวีร์ มานานหรือยัง ป๋าชาญ ตอบว่า “นานแล้วครับ”

          เมื่อถามว่า ถึง 20 ปี หรือไม่ ป๋าชาญ ตอบว่า “ก็ร่วมๆ นั้นครับ”

          เมื่อถามว่า ในเร็วๆ นี้ คุณวรวีร์ จะปลูกบ้านใหม่ให้อยู่ด้วยใช่หรือไม่ ป๋าชาญ ตอบว่า “ครับ ”

          เมื่อถามว่า ปลูกบ้านให้อยู่ใหม่ หลังจากย้ายมาจากบ้านในชุมชนหมู่บ้านบัวขาวใช่หรือไม่ ป๋าชาญ ตอบว่า “ใช่ครับ”

          เมื่อถามว่า ทำไมข้อมูลในบัตรประชาชน ถึงระบุว่าอยู่ที่บ้านเลขที่ 121/2 ซอยรามอินทรา 60 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ ป๋าชาญ ตอบว่า “อ้าว..บ้านหลังนี้บางทีก็มีคนมาอยู่บ้าง ผมไม่อยู่บ้าง ก็ปิดไว้ บ้างที่ก็ให้แขกมาอยู่เยอะแยะ”

          เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันหรือไมว่าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านของป๋าเอง ป๋าชาญ ตอบว่า “ใช่ครับ ตอนนี้ยังไม่มีใครอยู่”

          เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า คุณวรวีร์ ให้ป๋าชาญ เป็นนอมินี หรือตัวแทน ในการถือหุ้นบริษัทแทน ป๋าชาญมีความเห็นอย่างไร ป๋าชาญ หยุดคิดก่อนตอบว่า “ก็..ผมก็แล้วแต่เขา.. ทุกอย่างแล้วแต่เขาทั้งหมด”

          เมื่อถามย้ำว่า แล้วแต่คุณวรวีร์ ใช่หรือไม่ ป๋าชาญตอบว่า “ครับ”

          เมื่อถามย้ำอีกว่า แล้วแต่คุณวรวีร์ หมายความว่าอย่างไร ป๋าชาญหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “ยังไงล่ะ ...จะตอบว่ายังไงดี”

          เมื่อถามจี้ว่า แล้วเรื่องธุรกิจเราได้เข้าไปช่วยบริหารอะไรหรือไม่ พวกบริษัทต่างๆ ป๋าชาญ ตอบว่า “ผมก็ไม่ได้ไปดูเท่าไรหรอกครับ”

          เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปดูหรือ ป๋าชาญ ตอบว่า “ครับ”

          เมื่อถามว่า หมายถึงคุณวรวีร์ เอาชื่อป๋าชาญเข้าไปถือหุ้นให้เท่านั้นหรือ ป๋าชาญตอบว่า “น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละครับ”

          เมื่อย้อนกลับมาถามว่า แล้วมองอย่างไร ที่กำลังถูกมองว่า เป็นนอมินีของคุณวรวีร์ ป๋าชาญ ย้อนถามว่า “..ว่าอะไรนะผมไม่เข้าใจ”

          เมื่อถามว่า สังคมกำลังมองว่า คุณวรวีร์ กำลังให้ป๋าชาญ เป็นนอมินี ในการถือหุ้นแทน ในการทำธุรกิจต่างๆ ป๋าชาญ หยุดคิดนิดหนึ่งก็จะบอกว่า “แล้วผมจะตอบยังไงดีล่ะ”

          เมื่อยืนยันว่า ให้ตอบคำถามตามข้อเท็จจริง ป๋าชาญ หยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะบอกว่า “มันพูดลำบาก..ผมตอบไม่ถูก”

          เมื่อถามว่า ยืนยันว่าเรื่องธุรกิจเราไม่ได้เข้าไปยุ่งอยู่แล้วใช่ไหม ป๋าชาญ ตอบว่า “ครับ”

          เมื่อถามย้ำอีกว่า หมายถึงเขาเอาชื่อเราไปใช้อย่างเดียวใช้หรือไม่ ป๋าชาญ ตอบว่า “ครับ”

          เมื่อถามว่า ปัจจุบันทำงานที่ศูนย์ฝึกฟุตบอล ได้ค่าตอบแทนเท่าไร ป๋าชาญ หัวเราะก่อนจะบอกว่า “คุณจะถามไปทำไม”

          เมื่อยืนยันว่า ต้องการทราบข้อมูลข้อเท็จจริง ป๋าชาญ ตอบว่า “ผมไม่ตอบได้ไหมเรื่องนี้” จากนั้น ก็ขอตัววางสายโทรศัพท์ไป

          อนึ่ง ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า นับตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา นายชาญ เกียรติศิลปิน ปรากฏชื่อเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นบริษัทหลายแห่งในเครือข่ายของนายวรวีร์ ทั้งที่ยังดำเนินกิจการอยู่ และปิดกิจการไปแล้ว และล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน –ธันวาคม 2554 นายชาญ ได้รับโอนหุ้น 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท เบนซ์เมืองมีน จำกัด บริษัท บี เอ็น เอ ดับบลิว ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด บริษัท วอร์ม จำกัด และ บริษัท เอ อี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) รวมหุ้น 41,500 หุ้น มูลค่า 4,150,000 บาท (ตามทุนจดทะเบียน) จากนายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย หลังเข้ารับตำแหน่งผู้แทนการค้าไทย 2-3 เดือน

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์นายวรวีร์ มะกูดี ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้

          ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ พบว่า ปัจจุบันศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งนี้ มีบรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา อาคารหลายแห่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงก่อสร้าง ไม่มีนักกีฬาเข้าไปฝึกซ้อมหรือเก็บตัวแต่อย่างใด แต่มีการก่อสร้างสระว่ายน้ำแห่งหนึ่งไว้ด้วย

          จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรับผิดชอบ ได้รับการยืนยันว่า สระว่ายน้ำดังกล่าว เป็นสระ “ส่วนตัว” ของภรรยานายวรวีร์