สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กม.ฟอกเงินทุบลงทุนนอก3แสนล้าน ธุรกิจไทยติดเดดล็อกกู้ต่างประเทศ

จากประชาชาติธุรกิจ

เม็ดเงินลงทุนไทยไปต่างประเทศ 3 แสนล้าน สะดุดร่างกฎหมายฟอกเงินใหม่อืด แบงก์พาณิชย์ไทยลุ้น มิ.ย.นี้ ส่งร่างกฎหมายเข้า ครม. เผยหากไม่คืบหวั่นภาคธุรกิจป่วน ทำธุรกรรมการเงินเจอปัญหาหนักขึ้น เตรียมแผนรับมือ สถาบันการเงินต่างประเทศขอข้อมูลตรวจสอบธุรกรรม แหล่งที่มาของเงิน และประวัติลูกค้าละเอียดยิบ ธปท.เร่งหารือแบงก์พาณิชย์ถึงผลกระทบ ฟากสมาคมโบรกฯหวั่นกระทบลงทุน "ตลาดหุ้นอาเซียน" สะดุด



ผล จากที่คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือ FATF (Financial Action Task Force on Money Laundering) จัดอันดับประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศสีเทา (grey list) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการปราบปรามการฟอกเงิน และการให้ทุนสนับสนุนการก่อการร้าย ล่าสุดนายธวัชชัย ยงกิตติคุณ เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เกิดผลกระทบต่อสถาบันการเงินไทยในการทำธุรกรรมทางการเงินที่ชัดเจนแล้ว โดยสถาบันการเงินต่างประเทศขอข้อมูล ต่าง ๆ เพิ่มเติมถึงรายละเอียดลูกค้า

แหล่ง ที่มาธุรกรรม กระทบความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินไทย และต่อไปอาจทำให้ธนาคารไทยโดนคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น จากการที่สถาบันการเงินต่างประเทศต้องเสียเวลาตรวจสอบเอกสารมากขึ้น

ต่อไปอาจเกิดปัญหาต่อการใช้บัตรเครดิตของธนาคารไทยในต่างประเทศได้

หวั่น ม.ย.นี้ กม.ไม่คืบกระทบหนัก

นาย ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นปัญหาที่เป็นผลกระทบทางตรงในการบริการทางการเงินระหว่าง ประเทศมากนัก อาจมีบ้างในกรณีที่เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ให้เงินกู้แก่ภาคเอกชน ก็จะมีคำร้องให้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับผู้กู้ หรือธุรกิจของผู้กู้มากขึ้น

และขณะนี้ประเทศไทยถือว่าอยู่ในกลุ่ม ประเทศที่ถูกระมัดระวัง ซึ่งต้องเร่งออกกฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงินมากำกับให้ทันกำหนดในเดือน มิ.ย.นี้ ถ้าถึงกำหนดแล้วยังไม่เรียบร้อยจะทำให้การดำเนินการทางธุรกรรมการเงินหลาย ด้านยุ่งยากกว่าเดิม

ยกตัวอย่าง ธุรกิจเอกชนที่จะไปขอกู้เงินในต่างประเทศอาจเจอเงื่อนไขการตรวจสอบราย ละเอียดของตัวลูกค้า หรือธุรกิจที่ดำเนินการ รวมถึงธุรกิจที่เข้าไปถือหุ้น กลายเป็นภาระงานที่เพิ่มขึ้นทันที

"สิ่งที่ธนาคารหลาย ๆ แห่งต้องเตรียมรับมือสถานการณ์เหล่านี้ได้ก็คือ แนะนำลูกค้าให้ต้องเตรียมข้อมูลเพิ่มขึ้นในส่วนธุรกรรมที่อาจจะถูกร้องขอ ข้อมูลเพิ่มเติม นอกจากนี้ลูกค้าอาจมีปัญหาไม่เข้าใจว่าเงื่อนไขเอกสารเหล่านี้ไม่ได้กำหนด ไว้ในกฎหมาย ก็ต้องอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจว่าขั้นตอนเหล่านี้ในต่างประเทศจะมีกฎหมายกำกับ อยู่ แต่ในไทยยังไม่มีกฎหมายนี้ออกมา คู่ค้าในต่างประเทศก็จำเป็นต้องเรียกมาเพิ่มเติมเพื่อความโปร่งใสในการดำ เนินการธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ"

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงินของประเทศไทย ที่ยกร่างโดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และตามกำหนดจะส่งให้ ครม.พิจารณาในเดือน มิ.ย.นี้ และส่งกลับไปแก้ไขที่กฤษฎีกา หลังจากนั้นจะต้องเข้าสู่ที่ประชุมสภา

ขณะที่ประเทศไทยต้องเข้าหารือกับ FATF อีกครั้งในเดือนก.พ. 2556

หากสามารถผลักดันกฎหมายออกมาได้ตามกำหนดก็จะทำให้ปัญหาคลี่คลายได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็จะทำให้สถานการณ์หนักขึ้น

เชื่อ บัตรเครดิต ไม่กระทบ

ด้าน นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวไม่น่ากระทบมาถึงการระงับไม่ให้บัตรเครดิตที่ออกโดยสถาบันการ เงินในไทยไปใช้ในต่างประเทศ เพราะบริการบัตรเครดิตเป็นการชำระเงินที่เป็นธุรกรรมขนาดเล็ก ไม่น่าเป็นช่องทางในการฟอกเงินได้

นอกจากนี้ การใช้บัตรเครดิตเป็นช่องทางการชำระเงินที่ได้รับการสนับสนุนค่อนข้าง มากอยู่แล้วในต่างประเทศ เพราะเป็นการลดต้นทุนการพิมพ์ธนบัตร ยิ่งกว่านั้นยังเป็นการบันทึกหลักฐานการใช้เงินที่ชัดเจน จึงไม่น่าเป็นเป้าหมายที่เกี่ยวกับการฟอกเงินได้

"ขณะนี้ยังไม่เห็น สัญญาณในตลาดบัตรเครดิต และเชื่อว่าไม่น่าเป็นช่องทางสำคัญกับการฟอกเงิน สัดส่วนการใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศแต่ละปีไม่ได้สูงมากอย่างผิดสังเกต ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแต่ละปีเป็นยอดธุรกรรมที่เกิดขึ้นในต่างประเทศแค่ 10% ของยอดเงินรวม ส่วนการโอนเงินระหว่างประเทศก็จะมีแบงก์ชาติควบคุมดูแลอยู่เช่นกัน" นายชาติชายกล่าว

ธปท.เตรียมหารือแบงก์พาณิชย์

นาย สิงห์ชัย บุณยโยธิน ผู้อำนวยการอาวุโส สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ทาง ธปท.และธนาคารพาณิชย์คงต้องมีการหารือกันอีกครั้งว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงต่อภาคการค้าและการลงทุนจากกรณี FATF มีมากหรือน้อยเพียงใด แต่คงมีความยากลำบากมากขึ้นหากเป็นการออกไปลงทุนหรือธุรกรรมที่เกี่ยวกับการ ค้า เพราะต้องมีขั้นตอนเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่การทำธุรกรรมของผู้ประกอบการไทยจะเคลื่อนย้ายได้ค่อนข้างสะดวก โดยธนาคารพาณิชย์คงต้องมีการพูดคุยกับลูกค้าให้มีความเข้าใจในกรณีที่เกิด ขึ้นนี้มากขึ้น

ทั้งนี้จากข้อมูลของ ธปท.พบว่า ณ ไตรมาสแรก ของปี 2555 คนไทยนำเงินออกไปลงทุนต่างประเทศสุทธิ 2,695 ล้านดอลลาร์ หรือ 80,850 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสิ้นปี 2554 ที่มียอดการนำเงินออกไปลงทุนสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 10,545 ล้านดอลลาร์ หรือ 316,350 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 30 บาทต่อดอลลาร์)

โดยเป็นผลจาก ปีที่ผ่านมา ธปท.มีมาตรการผ่อนคลายการนำเงินออกไปลงทุนต่างประเทศที่ผ่อนคลายมากขึ้น และในไตรมาส 2 นี้ ธปท.เตรียมประกาศมาตรการผ่อนคลายในการนำเงินไปลงทุนต่างประเทศเพิ่มเติม

โบรกฯร้องลงทุนหุ้นอาเซียนสะดุด

นาง ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า กรณีที่ประเทศไทยติดอยู่ในกลุ่มประเทศสีเทา (grey list) เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการปราบปรามการฟอกเงิน อาจทำให้การลงทุนผ่านตลาดหุ้นอาเซียน (อาเซียน ลิงเกจ) ที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ในเดือนสิงหาคมได้รับผลเสีย

เนื่องจากสถาบันการเงินต่างประเทศจะตรวจ สอบแหล่งที่มาของเงินลงทุนมากขึ้น จนทำให้นักลงทุนไทยเสียเวลาและมีต้นทุนการเงินสูงกว่าเมื่อเทียบกับนักลงทุน ประเทศอื่น เช่น ต้นทุนด้านดอกเบี้ย เป็นต้น นอกจากนี้นักลงทุนจะไม่ได้รับความสะดวกจากการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นด้วย เพราะโบรกเกอร์หรือสถาบันการเงินต่างประเทศจะขอเอกสารทางการเงินละเอียดขึ้น ซึ่งใช้เวลานานกว่าปกติ

"เราจะเสียโอกาสในการซื้อขายหุ้นผ่านอา เซียน ลิงเกจ เพราะการโอนเงินและการเปิดบัญชีซื้อขายต่างประเทศก็จะยากขึ้น ต้องถูกตรวจสอบนาน เช่น ปกติอาจจะ 2 สัปดาห์เสร็จ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะใช้เวลาเป็นเดือน ซึ่งแม้สิงคโปร์กับมาเลเซียจะรู้จักเราดี แต่เขาก็ต้องยึดหลักเกณฑ์ เพราะประเทศเรายังมีปัญหานี้อยู่" นางภัทธีรากล่าว

ขณะที่นายธีระ พงษ์ นิลวรสกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายลงทุนทางเลือก กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า กบข.ยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว โดยที่สามารถลงทุนได้ตามปกติ ซึ่งส่วนตัวประเมินว่าเป็นเพราะ กบข.เป็นหน่วยงานกึ่งรัฐ จึงทำให้ที่มาของเงินค่อนข้างชัดเจน ไม่ถูกตรวจสอบมาก

"ผมคิดเอาเอง นะว่าเรื่องนี้ภาคเอกชนจะโดนก่อน แต่ กบข.เป็นหน่วยงานกึ่งรัฐ ที่มาของเงินจึงชัดเจน ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งในส่วนที่ผมดูแลอยู่คือการลงทุนอสังหาฯต่างประเทศก็ยังคงลงทุน

ต่อเนื่อง โดยเตรียมงบฯไว้ 250 ล้านเหรียญสำหรับการลงทุน 3 ปี" นายธีระพงษ์กล่าว


สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : กม.ฟอกเงิน ทุบลงทุนนอก 3แสนล้าน ธุรกิจไทย ติดเดดล็อก กู้ต่างประเทศ

view