สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

รู้จักกันหรือยัง ฟิสคัล คลิฟฟ์ หน้าผาสูงทางการคลังของสหรัฐอเมริกา

จากประชาชาติธุรกิจ

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐอเมริกา กล่าวเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนว่า พร้อมจะประนีประนอมกับพรรครีพับลิกัน เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เลวร้ายทางการคลังที่กำลังจะมาถึง แต่ยืนยันว่าการปรับขึ้นภาษีคนรวยจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงใดๆ ก็ตามที่จะนำมาใช้แทน "ฟิสคัล คลิฟฟ์" (FISCAL CLIFF)หรือมาตรการขึ้นภาษีและลดงบประมาณรายจ่ายหลายรายการ ที่อาจก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบใหม่ได้


โอบามาซึ่งเพิ่งจะชนะการเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งต่ออีกสมัย เตือนพรรครีพับลิกันว่า วิธีการของเขาในการหลีกเลี่ยงฟิสคัล คลิฟฟ์ ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมปีหน้า ได้รับการสนับสนุนจากคนอเมริกันในการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยโฆษกของโอบามาระบุว่า เขาจะใช้สิทธิวีโต้หรือคัดค้านข้อตกลงใดๆ ก็ตามที่ไม่รวมการเก็บภาษีเพิ่มจากกลุ่มคนที่มีรายได้มากกว่า 250,000 ดอลลาร์ต่อปี

โอบามาได้เชิญบรรดาผู้นำในสภาคองเกรสมายังทำเนียบขาว ในวันที่ 16 พฤศจิกายนเพื่อหารือกันถึงประเด็นนี้ โดยเขาจะแถลงข่าวเรื่องนี้ในวันที่ 14 พฤศจิกายน

ขณะที่นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากรีพับลิกัน ย้ำจุดยืนของพรรคที่จะไม่ปรับขึ้นภาษีกลุ่มใดเลย และได้อ้างความชอบธรรมจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน โดยบอกว่าผู้มีสิทธิออกเสียงได้เลือกให้รีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้ แทนราษฎรต่อไป

แถลงการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายที่คิดไม่ตรงกันในเรื่องดังกล่าวมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ยังคงมีความเห็นต่างกัน แม้ว่าจะมีน้ำเสียงที่แสดงถึงความประนีประนอมมากขึ้น สร้างความกังขาให้ผู้สังเกตการณ์หลายฝ่ายว่าจะหลีกเลี่ยงการบังคับใช้ฟิสคัล คลิฟฟ์ ได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ สภาคองเกรสจะประชุมกันในสัปดาห์หน้าเพื่อถกกันถึงปัญหาเรื่องนี้


จอห์น โบห์เนอร์ - บารัค โอบามา



"ฟิสคัล คลิฟฟ์" หรือหน้าผาทางการคลัง ที่เปรียบเสมือนกับการตัดลดงบประมาณแบบดิ่งหน้าผา เป็นชื่อเรียกมาตรการปรับลดงบประมาณรายจ่ายและขึ้นภาษีหลายรายการที่จะมีผล บังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2013 หากสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐอเมริกาทั้งของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ถึงหนทางที่ดีที่สุดในการลดงบประมาณขาดดุลและ หนี้สาธารณะของประเทศ

มาตรการดังกล่าวคือรัฐบัญญัติควบคุมงบประมาณ รายจ่ายปี 2011 ที่ออกเป็นกฎหมายเมื่อเดือนสิงหาคมปีเดียวกันนั้น เป็นบทลงโทษสำหรับความล้มเหลวก่อนหน้านั้นหลายครั้งของสภาคองเกรสที่แตกแยก อย่างร้าวลึก และทำเนียบขาวในการที่จะจัดการกับหนี้ที่พอกพูนมากขึ้นของรัฐบาล และปรับปรุงประมวลรัษฎากรที่บริหารจัดการได้ยาก บีบบังคับให้รัฐบาลต้องตัดลดงบประมาณรายจ่ายมูลค่า 1.2 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลา 10 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2013 เป็นต้นไป

สำนัก งบประมาณรัฐสภา (ซีบีโอ) ประเมินว่า มาตรการรัดเข็มขัดดังกล่าวจะช่วยลดงบประมาณขาดดุลในช่วงเวลาตลอดปีงบประมาณ หน้า สิ้นสุดลงในปลายเดือนกันยายน ได้ 503,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 700,000 ล้านดอลลาร์ตลอดปีปฏิทิน นับจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม

รายละเอียดสำคัญของฟิสคัล คลิฟฟ์ ประกอบไปด้วย

- การหมดอายุลงของมาตรการลดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีการลงทุน ภาษีคู่แต่งงาน ภาษีครอบครัวที่มีบุตร และภาษีมรดก ที่บังคับใช้ในยุครัฐบาลของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช นอกจากนี้ ยังมีชาวอเมริกันอีกราว 26 ล้านคนที่จะต้องเผชิญกับการคำนวณอัตราภาษีต่ำสุดแบบใหม่ที่จะทำให้ต้องเสีย ภาษีเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 3,700 ล้านดอลลาร์ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของปีภาษีหน้า และซีบีโอประเมินว่างบประมาณขาดดุลที่จะลดได้จากรายการข้างต้นนี้จนถึงเดือน กันยายนอยู่ที่ 330,000 ล้านดอลลาร์

- การตัดลดงบประมาณรายจ่ายด้านกลาโหมในปีหน้าลง 9 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 55,000 ล้านดอลลาร์ และอีก 55,000 ล้านดอลลาร์จากโครงการภายในประเทศอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการตัดลดงบประมาณในส่วนของผู้ให้บริการในโครงการเมดิแคร์หรือ ประกันสังคมลง 2 เปอร์เซ็นต์

- การหมดอายุลงของเงินสวัสดิการช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีงานทำในระยะยาว ที่จะลดงบประมาณขาดดุลถึงเดือนกันยายนได้ 26,000 ล้านดอลลาร์

- การตัดลดเงินเบิกจ่ายสำหรับแพทย์ที่เข้าร่วมในโครงการเมดิแคร์ลง คิดเป็น 11,000 ล้านดอลลาร์

- การหมดอายุของโครงการปรับลดอัตราภาษีที่หักจากเงินเดือนหรือค่าจ้างชั่วคราว 2 เปอร์เซ็นต์ของโอบามา คิดเป็น 95,000 ล้านดอลลาร์

- การตัดลดภาษีเล็กๆ น้อยๆ หลายรายการทั้งในภาคธุรกิจและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่รวมกันแล้วรู้จักกัน ในชื่อประมวลรัษฎากร "บทขยายเพิ่มเติม" ที่รวมถึงเงินลดหย่อนภาษีสำหรับการวิจัยและพัฒนา และการลดภาษีการขายในรัฐที่ไม่มีภาษีเงินได้ คิดเป็นเงินที่จะลดงบประมาณขาดดุลได้ 65,000 ล้านดอลลาร์

- ความจำเป็นในการที่จะต้องเพิ่มความสามารถในการกู้ยืมของรัฐบาล (หรือที่เรียกกันว่าเพดานหนี้) ที่ 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยคาดว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะมีหนี้สินแตะระดับดังกล่าวในช่วงสิ้นปีนี้ แต่กระทรวงการคลังมีอำนาจในการจัดสรร สับเปลี่ยน โยกย้ายบัญชีเพื่อซื้อเวลาเพิ่มเติมได้อีกหลายสัปดาห์ ดังนั้น สภาคองเกรสยังมีเวลาในการจัดการแก้ปัญหานี้จนถึงต้นปีหน้า

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้ฟิลคัล คลิฟฟ์เกิดขึ้นได้?

จาก การประเมินของซีบีโอ การปรับเพิ่มภาษีและตัดลดงบประมาณรายจ่ายผนวกกันสามารถหั่นงบขาดดุลในปีงบ ประมาณ 2012 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายนที่สูงถึง 1.1 ล้านดอลลาร์ ให้ลดลงไปได้เกือบ 500,000 ล้านดอลลาร์ในปีหน้าเป็นการทำให้สถานภาพทางการเงินโดยรวมของรัฐบาลสหรัฐ อเมริกาดีขึ้นมาก

แต่ซีบีโอประเมินไว้ด้วยว่า "ช็อd ทรีตเมนต์ หรือการรักษาแบบหักดิบเช่นนี้จะทำให้ประเทศถอยหลังกลับสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และผลักให้อัตราว่างงานพุ่งสูงขึ้นถึง 9.1 เปอร์เซ็นต์

การตัดลดงบ ประมาณขาดดุลจะควบคู่ไปทั้งงบประมาณด้านกลาโหมและงบประมาณด้านอื่นๆ ทั้งซัพพลายเออร์และคู่สัญญาของรัฐบาลจะสูญเสียธุรกิจหลายส่วนไป และลูกจ้างของรัฐบาลหลายหมื่นคนอาจจะต้องถูกพักงานชั่วคราว

ชาวอเมริกัน ส่วนใหญ่จะต้องจ่ายภาษีเพิ่มและได้รับเงินค่าจ้างลดลง ทำให้มีเงินสดในการใช้จ่ายลดลง รวมทั้งการเก็บภาษีกำไรจากการขายหุ้นและเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนด้วย

 

(ที่มา : มติชนรายวัน 12 พ.ย.2555)


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : รู้จักกัน ฟิสคัล คลิฟฟ์ หน้าผาสูงทางการคลัง สหรัฐอเมริกา

view