จากประชาชาติธุรกิจ
วันก่อนได้คุยกับ "บุญทรง เตริยาภิรมย์" รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์นอกจากเรื่องจำนำข้าวก็อดถามเรื่องส่งออกในปีหน้าไม่ ได้รัฐมนตรีบุญทรงบอกว่า ภาพรวมในปีนี้ค่อนข้างแน่นอนว่า ตลาดญี่ปุ่นติดลบ 2-3% ยุโรปติดลบราว ๆ 10% สหรัฐก็ติดลบนิดหน่อย ที่เป็นบวกมีตลาดจีนบวก 3-4% ส่วนตลาดอาเซียนบวก 9% กลยุทธ์การส่งออกในปีหน้าจึงหันมาเน้นตลาดอาเซียนมากขึ้น และมุ่งตลาดใหม่ๆอย่างแถบตะวันออกกลางและจะไปยังตลาดที่เคยไปอยู่แล้วแต่จะ เจาะพื้นที่ใหม่ๆ มากขึ้น
รัฐมนตรีบุญทรงบอกว่าปีนี้จะปรับวิธีการตั้ง เป้าใหม่จะใช้แบบ Working Target แทนแบบการคาดการณ์ที่เคยใช้กันมา แบบใหม่เป้าที่ตั้งจะสูงกว่าความเป็นจริงหรือความเป็นไปได้เล็กน้อยแต่จะไม่ สูงเกินไปจนทำไม่ได้ ที่ต้องตั้งเป้าแบบนี้เพื่อจะให้ข้าราชการช่วยออกแรงให้มากขึ้น ฟังๆ ดูรัฐมนตรีพาณิชย์ก็ยังมั่นใจว่าการส่งออกปีหน้าน่าจะดีกว่าปีนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์จากหลายๆ สำนัก อย่างแบงก์ชาติก็คาดการณ์ว่าส่งออกปีหน้าจะอยู่ๆ ราวๆ 10% สภาพัฒน์มองโลกในแง่ดีหน่อยบอกว่าน่าจะถึง 11-12% ส่วนภาคเอกชนส่วนใหญ่จะให้ระหว่าง ๆ 8-9% คงต้องช่วยลุ้นกันเต็มที่
แต่พอได้คุยกับผู้ส่งออกหลายๆ รายต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่ารัฐบาลกำลังคำนวณสถานการณ์ตลาดโลกพลาดเหมือนกับ ที่คำนวณสถานการณ์ข้าวผิดมาแล้ว อาจจะคิดว่าปีนี้ตลาดจะดีแต่ในมุมมองของผู้ส่งออกคิดตรงกันข้าม ทุกรายฟันธงว่าภายใน 5 ปีนับจากนี้ตลาดใหญ่ๆ อย่างญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐ ก็ยังไม่ฟื้น ประชาชนต่างก็ปรับพฤติกรรมการบริโภคที่เคยเป็นตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยก็หัน ประหยัดมากขึ้น เคยใช้ของแพงก็หันมาใช้ของราคาถูกลง แต่นโยบาย 300 บาทของรัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังทำตรงกันข้ามเพราะไปช่วยดันให้ต้นทุนการผลิต สินค้าของไทยแพงกว่าคู่แข่ง
นี่คือข้อเท็จจริง ไม่เกี่ยวกับว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง เมื่อต้นทุนสินค้าของไทยแพงขึ้น ประเทศคู่แข่งพยายามทำทุกอย่างที่จะลดต้นทุนสินค้าลงเพื่อให้สินค้าราคา ถูกกว่าหวังแย่งตลาด ค่าแรงเขาก็ทยอยขึ้นไม่ขึ้นพรวดพราด ลดขั้นตอนต่างๆ ที่เป็นต้นทุนให้มากที่สุด ผู้ส่งออกรายหนึ่งบอกว่าอย่างสิ่งทออินโดฯก็หั่นราคาต่ำกว่าไทยราว ๆ 10% โดยเฉลี่ย
พร้อมตบท้ายแบบปลงๆ ว่าแล้วเราจะสู้ได้อย่างไร
ที่มา : นสพ.ข่าวสด
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
