รัฐบาลขู่ปชช.ไม่มาลงประชามติผิดกฎหมาย
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เกาะประเด็นร้อน!!! แก้รัฐธรรมนูญ"ยิ่งลักษณ์"ไม่แสดงความเห็น รัฐบาลขู่ประชาชนไม่มาลงประชามติถือว่าผิดกฎหมาย
รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยว่า ในการประชุมครม.(18 ธ.ค.2555) ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ในวาระของแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ในที่ประชุมมีการแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง และมีความเป็นห่วงจนทำให้หาทางออกด้วยการตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อให้โปร่งใสที่สุดและเคลียร์ที่สุด เพราะถ้ามีคนออกมาใช้สิทธิ์ไม่ถึงครึ่งของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงหรือไม่ถึง 23 ล้านคน ก็จะถือเป็นโมฆะ แสดงว่าคนเขาไม่รับ แต่ถ้าออกมาใช้สิทธิ์เกินครึ่งหนึ่งก็ต้องมาดูอีกว่าใครชนะ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
โดยในที่ประชุมครม. นั้นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แสดงความเห็นอะไร แต่ก็ได้สอบถามขั้นตอนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ได้รายงานผลการดำเนินการหลังจากครม.มีมติมอบหมายกระทรวงยุติธรรมไปประสานกับประธานสภาและประธานวุฒิสภาซึ่งก็เห็นด้วย รวมทั้งจากการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลต่างก็เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมด รวมทั้งกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์รณรงค์ให้ประชาชนไม่ออกมาลงคะแนนเสียงในการทำประชามตินั้นก็ผิดกฎหมายเพราะเป็นหน้าที่ของประชาชน
ส่วนนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ประเมินตัวเลขกลม ๆ ให้ที่ประชุมได้เห็นภาพ คือมีผู้ที่มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมด 45 ล้านคน และคนที่จะออกมาใช้สิทธิ์คือ 23 ล้านคน และหากได้เสียงสนับสนุนเกินกว่า 12 ล้านเสียง ก็จะผ่านประชามติ
"แต่ประเด็นวันนี้คือจะต้องเอาข่าวสารออกไปสู่ประชาชนให้ทราบว่าคุณต้องออกมาใช้สิทธิ์เพราะเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เพราะไม่เช่นนั้นจะผิดกฎหมาย ดังนั้นต้องสื่อให้ประชาชนเข้าใจ ส่วนจะออกมาแล้วไม่เห็นด้วยก็เรื่องของคุณ ซึ่งเรื่องนี้นายกฯก็เห็นด้วยเพราะอยากทำความเข้าใจ"
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์จะรณรงค์ให้ประชาชนออกมาให้คนคว่ำประชามตินั้น มีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นั้นกล่าวว่า ตามหน้าที่ที่ระบุในรัฐธรรมนูญแล้วถือว่าผิดกฎหมาย แต่ทั้งนี้ครม.ไม่มีความเห็นว่าจะฟ้องดำเนินคดีกับพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวสรุปในตอนท้ายถึงขั้นตอนต่าง ๆ ที่มีพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติปี 2552 ที่จะกำหนดหน่วยงานของรัฐเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งวันนี้ครม.ยังไม่มีมติกำหนดหน่วยงาน ดังนั้นจึงมอบหมายกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และนายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯและกฤษฎีกา ไปดำเนินการอุดรูรั่วเพิ่มเติมก่อนแล้วเสนอกลับไปที่ประธานวุฒิสภากับประธานสภาแล้วเสนอกลับเข้าครม.เพื่อกำหนดแต่งตั้งหน่วยงานรัฐตามพระราชบัญญัติให้ดำเนินการต่อ และจากนั้นกกต.ก็จะเข้ามาดำเนินการต่อ
กกต.ยกคำร้องยุบปชป. เหตุแค่สิทธิเสรีภาพ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
กกต.ยกคำร้องยุบพรรคปชป. กรณีพท.ร้องสอบขึ้นป้ายค้านล้มทำประชามติแก้ไขรธน. เหตุมองเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพโดยสุจริตที่รัฐธรรมนูญรับรอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมจะยื่นให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบกรณีที่นายอภิสทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจะรณรงค์ให้ประชาชนล้มการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าเข้าข่ายเป็นผิดกฎหมายหรือไม่นั้น
แหล่งข่าวจากกกต. เปิดเผยว่า ส่วนตัวเห็นว่าขณะนี้ยังไม่มีการประกาศให้มีการออกเสียงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยังไม่รู้ว่าจะประกาศดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งก็เหมือนกับการจะเลือกตั้ง เมื่อพ.ร.ฎ.เลือกตั้งยังไม่มีผลบังคับใช้ การกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นก่อนกฎหมายไม่ถือว่าเป็นความผิด ขณะเดียวกันกรณีการรณรงค์ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็เคยมีคำสั่งยกคำร้อง โดยเป็นกรณีที่นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 15 มี.ค. 55 ขอให้กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง ตรวจสอบการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ติดตั้งป้ายการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และต่อต้านการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายอันเป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่
เพราะนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา และนายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการติดตั้งป้าย ให้ถ้อยคำว่าเพื่อแสดงออกถึงอุดมการณ์ทางการเมืองของตนในฐานะส่วนตัว พรรคประชาธิปัตย์และกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ไม่ได้รู้เห็น หรือได้มอบหมายให้ดำเนินการมีป้ายดังกล่าวแต่อย่างใด จึงเท่ากับว่าการกระทำของนายวิรัตน์ นายถาวร เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพโดยสุจริตตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งให้การรับรองคุ้มครองเสรีภาพดังกล่าวไว้ จึงไม่เป็นความผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา 94(3)(4)และ(5)ประกอบมาตรา 66 ไม่มีเหตุให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ตามมาตรา 95 ของพระราชบัญญัติเดียวกัน โดยได้มีการแจ้งให้นายพิชาทราบแล้ว
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
