สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เศรษฐกิจไทยปี 2556 : อาจไม่สดใสมากดังที่คาดหวัง

เศรษฐกิจไทยปี 2556 : อาจไม่สดใสมากดังที่คาดหวัง

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




เหลืออีกเพียงประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้นปี 2555 ก็จะผ่านพ้นไป และ ปี 2556 ที่กำลังจะย่างก้าวเข้ามานั้นทุกคนก็คาดหวังว่าปีใหม่นี้น่าจะดีขึ้น

ก็ลองมาดูคาดการณ์เศรษฐกิจในมุมมองของฝ่ายต่างๆ ดูนะคะว่าจะเป็นอย่างไร

ล่าสุดคือ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยปีหน้ากระเตื้องดีขึ้นจากร้อยละ 4.6 เป็นร้อยละ 4.7 เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2555 ในอัตราร้อยละ 5.8 ก็ไม่นับว่าเป็นภาพที่สดใสนัก เช่นเดียวกันกับสภาพัฒน์ ที่คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีหน้าไว้ที่ร้อยละ 4.5 - 5.0 สิ่งที่ดีคือการเติบโตในอัตราดังกล่าวจะทำให้อัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งที่อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ระดับ 2.75% และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อตลอดจนราคาน้ำมันจะยังไม่เป็นปัญหา เศรษฐกิจที่เติบโตในอัตราที่อ่อนตัวลงนี้ มาจากการชะลอตัวของการส่งออกตามภาวะเศรษฐกิจโลกจะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนกำลังซื้อภายในประเทศจะถูกกระตุ้นด้วยการใช้จ่ายของประชาชนและการลงทุนที่น่าจะเห็นการเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น

สำหรับเศรษฐกิจโลกนั้น เศรษฐกิจสหรัฐก็ยังคงมีความสำคัญในฐานะมหาอำนาจอันดับหนึ่ง ภาพทิศทางและนโยบายได้มีความชัดเจนมากขึ้นภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีในต้นเดือนพฤศจิกายน แต่ประเด็นที่เป็นความกังวลของนักลงทุน ก็คือปัญหาหน้าผาทางการคลัง หรือการผ่อนปรนทางด้านมาตรการภาษีสำหรับครอบครัวชาวอเมริกันที่กำลังจะสิ้นสุดลงในปลายปีนี้ว่าจะต่อเนื่องออกไปได้อีกหรือไม่ ความกังวลก็คือหากรัฐบาลและรัฐสภาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ หมายถึงว่าเม็ดเงินสำหรับกระตุ้นการใช้จ่ายของครัวเรือนชาวอเมริกันจะหายไปประมาณ 600,000 ล้านดอลลาร์ และอาจฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาอ่อนตัวลงได้ประมาณ 0.5%

การเจรจาต่อรองในเรื่องการต่ออายุมาตรการลดหย่อนทางด้านภาษีระหว่างสภาคองเกรสที่พรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมากกับรัฐบาลพรรคเดโมแครตของประธานาธิบดี บารัก โอบามา ยังคงดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ในที่สุดแล้วก็น่าจะบรรลุข้อตกลงกันได้ เพราะคงไม่มีใครต้องการเป็นผู้ร้าย ที่จะเป็นคนทำลายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ปัจจัยบวกอีกประการคือทิศทางของนโยบายทางด้านการเงินที่จะยังคงเป็นแบบผ่อนคลายต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง

ทั้งนี้ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการซื้อพันธบัตรระยะยาวเดือนละ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อแทนโครงการโอเปอเรชัน ทวิสต์ (Operation Twist หมายถึงการขายพันธบัตรระยะสั้นและนำเงินไปซื้อคืนพันธบัตรระยะยาวที่กำลังจะหมดอายุลงในสิ้นปี 2555 นี้) เมื่อรวมกับมาตรการผ่อนปรนทางการเงินเชิงปริมาณครั้งที่ 3 ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ในการซื้อสินเชื่อที่อ้างอิงกับที่อยู่อาศัยเดือนละ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ จะส่งผลให้เฟดเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ตกเดือนละ 8.5 หมื่นล้านดอลาร์

นอกจากนั้น คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงผูกติดกับอัตราว่างงานเป็นครั้งแรก โดยประกาศจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0 - 0.25% ต่อไปอย่างน้อยจนกว่าอัตราการว่างงานสหรัฐจะปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 6.5% (จากระดับอัตราการว่างงานล่าสุด ใน เดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 7.7%) หรือระดับที่มีความมั่นใจได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นปี 2558 หรือนานกว่าที่เคยคาดการณ์กรอบเวลาการคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำนี้ไว้ที่ประมาณปี 2557

สำหรับเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปนั้น ปัญหาหนี้สาธารณะนั้นจะยังเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปต่อไปอีกระยะหนึ่งที่อาจจะกินเวลาหลายปี เพียงการรักษาไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลายไปก็นับว่าเก่งแล้ว เศรษฐกิจญี่ปุ่นเองก็น่าจะทรงตัวอยู่ได้ในระดับใกล้เคียงกับปี 2555 มีเพียงเศรษฐกิจจีนที่ยังเติบโตได้ในระดับที่สูง แต่อย่างไรก็ตามอัตราการเจริญเติบโตน่าจะอยู่ในระดับ 7 - 8% จากที่เคยเติบโตได้ในระดับ 9 - 10% ในอดีต ทั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลจีนจะมุ่งเน้นการปฏิรูประบบเศรษฐกิจและการเติบโตที่มีคุณภาพและการลดความเหลื่อมล้ำของรายได้มากขึ้นจากที่เคยเน้นการเติบโตในอัตราที่สูง

สรุปภาพโดยรวมก็คือ อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโลกจะไม่สดใสมากเท่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศมหาอำนาจยังอยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวต่ำไปอีก และธนาคารกลางของประเทศต่างๆ จะมีการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่มีการเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายถึงจะมีกระแสเงินทุนที่จะไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียและการลงทุนในสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าประเภท ทองคำ มากขึ้นในการทดแทนการถือครองเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และสกุลยูโร ที่จะมีการเสื่อมค่าลง


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เศรษฐกิจไทย ปี 2556 อาจไม่สดใส ดังที่คาดหวัง

view