สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ดูละครแล้วย้อนดูนักการเมือง

ดูละครแล้วย้อนดูนักการเมือง

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง นักวิชาการกฎหมายอิสระ

หนัง-ละคร เป็นความบันเทิงคู่โลกมานานเนกาเลแล้ว คนที่ดูก็รู้ว่า เป็นเรื่องของการแสดง การกระทำหลายๆ อย่างถ้าไม่ได้อยู่ในละคร จะเป็นการกระทำผิดกฎหมาย เช่น เรื่องการนำเครื่องแบบของเจ้าพนักงานมาแต่งกายโดยตนเองไม่มีสิทธิจะสวมใส่ จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี แต่ไม่เคยมีใครฟ้องร้องดำเนินคดีกับดาราที่แต่งตัวเป็นตำรวจ-ทหาร ในละครหรือในภาพยนตร์เลย และถึงจะมีคนไปฟ้องร้อง ดาราที่แสดงก็คงไม่มีความผิด เพราะน่าจะขาดเจตนา เนื่องจากเป็นการแสดง และคนดูก็ไม่เข้าใจผิด

ละครจึงเป็นเรื่องที่คนดูเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้น แม้บางเรื่องจะอิงความเป็นจริง อิงประวัติศาสตร์ ก็ยังคงถือว่าเป็นเรื่องของการแสดง

อย่างไรก็ตาม ละครที่นำแสดงให้ดูนั้น ว่ากันว่าเป็นการสะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคม

ละคร “เหนือเมฆ 2” ที่ทางช่อง 3 ประกาศหยุดการออกอากาศ ทั้งๆ ที่ยังเหลืออีก 4 ตอน กลายเป็นละครที่ไม่มีตอนจบ ด้วยการหยุดออกอากาศเฉยๆ กลายเป็นปรากฏการณ์ที่เหนือความคาดหมายของแฟนละคร เป็นประวัติศาสตร์ให้กับวงการละครในยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน

เชื่อกันว่าเป็นเพราะเนื้อหาของละครไปกระทบต่อมความอดทนของผู้มีบารมีใน ทางการเมือง ทำให้ทนไม่ได้กับการนำเสนอข้อเท็จจริงที่เหมือนกับความชั่วของตัวเอง

ความจริงแล้วละครที่สอดแทรกการคอร์รัปชันของนักการเมือง ไม่ใช่มีแต่เหนือเมฆ 2 เคยมีละครที่นำเสนอการคอร์รัปชันมาแล้ว แต่บังเอิญเป็นการคอร์รัปชันทั่วๆ ไป ไม่ใช่การคอร์รัปชันจากสัมปทานดาวเทียม ที่รู้กันอยู่ว่าในประเทศไทยใครเป็นคนที่ได้สัมปทาน จากการไปขอหัวหน้าคณะปฏิวัติ

พลันที่มีกระแสออกมาต่อต้าน เป็นธรรมดาที่คาดเดาได้ว่า รัฐบาลที่คุมสื่อจะต้องออกมาปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่าการสั่งการของนักการเมือง เขาจะสั่งด้วยวาจา ไม่ทิ้งใบเสร็จไว้ให้เป็นหลักฐาน

ความคาดหวังจากนักการเมืองจึงเป็นศูนย์ ประเด็นจึงมาอยู่ที่ความสำนึกของสื่อคือ ช่อง 3 มากกว่า ผู้สร้างละครบอกว่าลิขสิทธิ์ของละคร|เป็นของช่อง 3 การจะออกอากาศหรือไม่ ก็อยู่ที่ช่อง 3

นักการเมืองแทรกแซงสื่อ เป็นความเลวปกติที่เกิดขึ้นตลอดมา แต่สื่อที่ได้ทรัพยากรอันมีค่าของชาติไปทำมาหากินจนร่ำรวย กลับไม่สำนึกในความเป็นสื่อ สื่อใดที่ขาดสำนึกย่อมเลวยิ่งกว่า

โทรทัศน์ช่อง 3 มีกรณีอื้อฉาวที่เกิดมาก่อนนี้แล้ว คือกรณีบริษัท ไร่ส้ม ของนักเล่าข่าว ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลว่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ อสมท ทุจริต อันเป็นความผิดที่เรียกว่าคอร์รัปชัน แต่ช่อง 3 ยังคงปล่อยให้นักเล่าข่าวจากบริษัท ไร่ส้ม ออกมาเล่าข่าว เพราะเรตติ้งดีได้ค่าโฆษณาเป็นกอบเป็นกำ

ภาคีเครือข่ายต่อต้านการคอร์รัปชั่น ก็กลายเป็นเสือกระดาษไปทันที เมื่อช่อง 3 เพิกเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ กับนักเล่าข่าวจากบริษัท ไร่ส้ม

สำนึกในความรับผิดชอบต่อความดี พ่ายแพ้ประโยชน์ทางธุรกิจราบคาบ

เท่าที่ติดตามข่าว ช่อง 3 จะชี้แจงกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) วันนี้ แต่เท่าที่ฟังจากสุ้มเสียงของ กสทช.ที่สอบถามทางช่อง 3 ได้ความว่า ช่อง 3 จะชี้แจงว่า ละครเหนือเมฆ 2 มีเนื้อหาขัดกับมาตรา 37 พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของ ประชาชน หรือมีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจาร หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน อย่างร้ายแรง”

ช่อง 3 คงต้องอธิบายว่า เนื้อหาของละครส่วนไหนที่ขัดมาตรา 37 และขัดกับข้อความใดในกฎหมาย และทำไมเพิ่งมารู้สึกว่าขัดต่อกฎหมาย เมื่อละครกำลังเข้มข้น ใกล้จะจบ ความรู้สึกช้าไปหรือเปล่า

ในฐานะเจ้าของสื่อที่ได้ทรัพยากรอันล้ำค่าของชาติมาทำมาหากินจนมั่งมี เป็นมหาเศรษฐี ช่อง 3 จึงควรจะมีความรับผิดชอบ ชี้แจงความจริงให้สาธารณะได้รับทราบว่าการงดการออกอากาศละครเหนือเมฆ 2 ในครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจของช่อง 3 เอง หรือมีคำสั่งจากใคร และเหตุผลที่สั่งคืออะไร เนื้อหาของละครตรงไหนที่ขัดกฎหมาย

ผมเชื่อตามที่คนในรัฐบาลยืนยันว่า ไม่ได้สั่งการใดๆ เพราะความเป็นจริงแล้ว คนที่โกงชาติโกงแผ่นดิน แสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรของชาติ โดยเข้าไปยืนกุมเป้ากางเกงอย่างนอบน้อมเพื่อขอสัมปทานจากหัวหน้าคณะปฏิวัติ นั้น ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ อยู่ในรัฐบาล

แต่เป็นที่รู้กันว่าเป็นเจ้าของรัฐบาล เป็นคนที่ปลุกระดมผู้คนว่าอะไรก็ตามที่มาจากการปฏิวัติ คือเผด็จการ เป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ต้องแก้ไข ยกเว้นผลประโยชน์ที่ตนเองได้รับ

เจ้าของรัฐบาลตัวจริงนี่แหละ ที่จิ้งจก ตุ๊กแกบอกว่า ไม่ปลื้มกับบทละครที่นำเสนอเรื่องสัมปทานดาวเทียม

บริวารผู้ละโมบ จึงต้องสนองอารมณ์ของนายใหญ่


บอร์ดกสท.ไร้ข้อสรุปช่อง3ระงับเหนือเมฆ2

จาก โพสต์ทูเดย์

กสท.โยนคณะอนุกก.สรุปปมแบนเหนือ เมฆ2 ชี้นำมาตรา37มาใช้เป็นเรื่องอ่อนไหวต้องระวัง ด้าน "อุ๋ย-นนทรีย์"-"สมรักษ์"ผู้บริหารช่อง3เตรียมร่วมเสวนาจุฬาฯ8ม.ค.นี้

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมห่งชาติ (กสทช.) และ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.)  เปิดเผยว่า  บอร์ดกสท. ยังไม่มีข้อสรุปกรณีสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ยุติการออกอากาศละครเรื่องเหนือเมฆ 2  เนื่องจากต้องรอให้คณะอนุกรรมการกำกับและดูแลเนื้อหาส่งรายละเอียดทั้งหมด ให้บอร์ดพิจารณาอีกครั้ง

ทั้งนี้ เบื้องต้นกสท. เห็นว่าเป็นสิทธิของทางช่อง 3 ที่จะนำละครเรื่องใดมาออกอากาศ หรือจะหยุดออกอากาศ กสท.ไม่ได้มีสิทธิเข้าไปควบคุมในส่วนนี้ได้ โดยเฉพาะการนำมาตรา 37 พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 เข้ามาจัดการ เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหวมาก จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

สำหรับกรณีที่เครือข่ายผู้บริโภคจะยื่นฟ้องศาลปกครองหากกสท.ไม่ดำเนินการ ใดๆ นั้น เป็นสิทธิที่ทำได้อยู่แล้ว แต่กสท.อยากขอความเห็นใจว่ากสท.ไม่สามารถพิจารณาตามกระแสงสังคมได้ทุกเรื่อง เนื่องจากต้องพิจารณารายละเอียดให้ครบถ้วนก่อน

อนึ่งในวันที่ 8 ม.ค.นี้ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดเวทีเสวนาเรื่อง "บอกความจริงเรื่อง ‘เหนือเมฆ/2’: สงสารช่อง 3 หรือประชาชนดี" ใน เวลา 13.30-15.30 น. ณ ห้อง 1001 อาคารมงกุฎสมมติวงศ์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยในกำหนดการมีชื่อของ นายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย ผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และ นายนนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้กำกับละคร “เหนือเมฆ 2” เข้าร่วมเสวนาด้วย


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ดูละคร ย้อนดู นักการเมือง

view