จาก โพสต์ทูเดย์
การบ้านทิ่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งให้ทุกภาคส่วนไปทำแผนตามยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ 5 ปี เด่นชัดขึ้นทุกขณะ
โดย ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว
ล่าสุดคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) มีมติเคาะ” ยุทธศาสตร์พัฒนาระบบราชการไทย 2556-2561 “ เตรียมนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เร็วๆนี้
ยุทธศาสตร์พัฒนาระบบราชการไทย กำหนดไว้ 7 ประเด็น ได้แก่ 1. สร้างความเป็นเลิศในการให้บริการประชาชน 2. พัฒนาองค์การให้มีความทันสมัย มีขีดสมรรถนะสูงและพัฒนา บุคลากรภาครัฐให้มีความเป็นมืออาชีพ 3. การบริหารสินทรัพย์ของภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด 4. วางระบบการบริหารงานแบบบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐพัฒนา อย่างยั่งยืน 5. ส่งเสริมระบบการบริหารกิจการบ้านเมืองแบบร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน 6. ยกระดับความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาในการบริหารราชการแผ่นดิน ก้าวสู่สากล และ 7.สร้างความพร้อมของระบบราชการไทยเพื่อเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน
ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. เผยว่า การกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์พัฒนาขรก.ฉบับใหม่ เป็นการสานต่อยุทธศาสตร์เดิมและมีการปรับเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เช่น ระบบเทคโนโลยีไอทีเทคที่มีบทบาทในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งราชการก็ต้องปรับตัวไปด้วย เช่นเดียวกับการที่ประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงต้องกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์นี้
“การเปลี่ยนแปลงที่เราจะได้เห็น คือ การบริหารรูปแบบใหม่ กระบวนการทำงานใหม่ โดยต้องแก้ไขกฎหมายและระเบียบปฏิบัติ และขีดสมรรถนะค่านิยมและวัฒนธรรมองค์การใหม่ “ ทศพร กล่าว
7ประเด็นยุทธศาสตร์ แน่นอนต้องมีการกำหนดโครงการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย ซึ่งการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เลขา ก.พ.ร.ได้นำเสนอผ่านฝ่ายการเมือง ทั้งพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯและรมว.ศึกษาธิการ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.สำนักนายกฯ สองรมต.ที่กำกับดูแลงานในส่วนราชการต่างให้สัญญาณไฟเขียว
จาก 7 ประเด็นยุทธศาสตร์ คลอดออกมาทั้งสิ้น 30 โครงการ ใน 30 โครงการ ส่วนหนึ่งจะถูกขับเคลื่อนผ่านการสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดิน อีกส่วนหนึ่งผ่านโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ( SAL ) ขณะเดียวกันได้คัดกรอง 17 โครงการบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ประเทศเรียบร้อยแล้ว
ในส่วนโครงการที่บรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ล้วนน่าติดตามยิ่ง อาทิ โครงการส่งเสริมและพัฒนาความเป็นเลิศในการให้บริการประชาชน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนด้วยระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนนี้กระทรวงไอซีทีจะมีบทบาทสำคัญในการวางระบบ โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคารภาครัฐ กระทรวงพลังงานรับผิดชอบ โครงการจัดทำระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมของรัฐ(อาคารเขียว) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบ เป็นการเดินตามรอยภาคธุรกิจเอกชนสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
โครงการจัดทำแผนการใช้ที่ดินราชพัสดุเพื่อเพิ่มศักยภาพในเชิงสังคม อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง ซึ่งทันทีที่แผนยุทธศาสตร์พัฒนาขรก.ผ่านความเห็นชอบจากครม. จะมีการปูพรมสำรวจที่ดินราชพัสดุเพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตามกลยุทธ์ บริหารสินทรัพย์ของภาครัฐอย่างครบวงจรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่า และสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของภาครัฐ
เลขา ก.พ.ร. ยอมรับ จาก 7 ประเด็นยุทธศาสตร์ ในส่วนยุทธศาสตร์ที่ 6 การยกระดับความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งสานต่อจากยุทธศาสตร์เดิมพบว่าการพัฒนายังไม่บรรลุเป้าหมาย ทำให้ต้องกำหนดโครงการ ยกระดับมาตรฐานองค์กรเพื่อการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต(ศปท.) และ โครงการวัดระดับความเชื่อถือและไว้วางใจในการบริหารงานภาครัฐ
“อย่างเมื่อปีที่แล้วมีโครงการ 1 กรม 1 ป้องกันโกง มอบหมายให้กรมเสนอจะปรับปรุงเรื่องอะไรที่คิดว่ามีปัญหาความเสี่ยงทุจริต คอร์รัปชั่น แต่ปีนี้ไม่ให้เลือกแล้ว เราจะเอาจากมุมมองของสังคมเลยว่า กรมคุณมีปัญหาจุดนี้อยู่ต้องแก้จากตรงนี้ จากนั้นจะเร่งสร้างศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านทุจริตแต่ละกระทรวง(ศปท.) วันนี้เรามีป.ป.ช. มีปปท.เป็นหน่วยงานกลาง ทีนี้แต่ละกระทรวงควรมีศูนย์กลางที่จัดการทุจริตด้วยตัวเขาเอง เราก็จะสร้างความแข็งแรงให้ศูนย์นี้มากขึ้น ต่อไปเขาอาจสถาปนาหัวหน้าศูนย์ถือเป็นเจ้าหน้าที่ ปปท.ด้วยมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการดูแลปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในหน่วยงาน ซึ่งกำลังหารือกับปปท.อยู่ “ เลขา ก.พ.ร. เปิดเผย
สำหรับการสร้างความพร้อมของระบบราชการไทยเพื่อเข้าสู่การเป็นประชาคมอา เซียนเป็นโจทก์ใหม่ของราชการ โดย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองหลักและศูนย์กลางเศรษฐกิจชายแดน ยกระดับขีดสมรรถนะส่วนราชการเข้าสู่อาเซียน จึงกำหนดออกมา 5 โครงการเร่งด่วน ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาระบบการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเพื่อรองรับการเป็น เมืองที่มีศักยภาพเด่นเชื่อมโยงสู่อาเซียน 2.โครงการพัฒนาข้าราชการ 3.ครงการพัฒนาเครือข่ายบุคลากรภาครัฐเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอา เซียน 4.โครงการส่งเสริมธรรมาภิบาลในภาครัฐ และ 5.โครงการวิจัยเพื่อศึกษาแนวทางการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านความมั่นคง ระหว่างประเทศสมาชิกในอาเซียน
เลขากพร. กล่าวด้วยว่า หัวใจสำคัญของการพัฒนาข้าราชการ ให้เดินไปตามแผนยุทธศาสตร์ประเทศได้ เราต้องทำเรื่องบูรณาการให้ได้ มีหลายเรื่องที่เราต้องทำร่วมกับหลายหน่วยงานหลายกระทรวง ถ้าเรายังปลดล็อคทำงานเป็นแท่งไม่ได้ การขับเคลื่อยุทธศาสตร์ประเทศจะลำบาก
“ ประการหนึ่งต้องวางระบบการทำงานแบบระบบบูรณาการซึ่งเร็วๆนี้ ก.พร.อาจเสนอระเบียบสำนักนายกฯ วางกติกาในการทำงานบูรณาการ สองต้องสร้างภาพลักษณ์ของเราแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และการปฏิรูปราชการก็ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องทั้งการบริการประชาชน การสร้างระบบราชการให้เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ จัดกำลังคน เตรียมตัวให้พร้อมที่โลกเปิดกว้างสู่อาเซียน นี่คือหัวใจสำคัญ “ เลขา กพร. ทิ้งท้าย
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน