จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"ศ.ดร.สมบัติ จันทรวงศ์" กับปมรับฝากเงิน 27 ล้าน ชื่นชอบปรัชญา "อิมมานูเอล คานห์" ส่วนสำคัญของคุณธรรมควรดูที่เจตนา
ที่ปลายบันได สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ "ศ.ดร.สมบัติจันทรวงศ์"อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีชื่อเกี่ยวข้องกับการอายัดทรัพย์พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหมพูดถึงเรื่องหลักจริยธรรมว่า เขาชื่นชอบแนวของ"อิมมานูเอล คานห์"(Immanuel Kant) นักปรัชญาสายโรแมนติกชาวเยอรมัน ที่เชื่อว่าส่วนสำคัญของคุณธรรมควรดูที่เจตนา
อย่างไรก็ตาม หากใครจะพิจารณาคุณธรรม โดยคำนึงถึงผลลัพธ์ของการกระทำไปด้วยก็เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องไม่ลืมว่ากับผลลัพธ์ในบางกรณีต้องใช้เวลาจึงประจักษ์ และระยะเวลาที่ต้องทอดออกอาจพลาดในสิ่งที่ควรต้องทำ
"คุณต้องเอาไปเป็นบทเรียน จะได้ไม่เสียเปล่า ต้องไปประเมินเอง เรามีทางเลือกว่าตั้งใจดี จะทำอย่างที่เราตั้งใจ หรือว่าแค่ตั้งใจดีอย่างเดียวไม่พอแล้ว ต้องดูผลด้วย ทั้งระยะสั้น-ยาว ผมช่วยวันนั้นเพราะเขา (นางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์) บอกว่ามีปัญหาครอบครัวเลยเอาเงินมาฝาก (ส่วน 18 ล้านบาท) และยอมให้ใส่ชื่อเพราะจะมีผลต่อสินสมรส (ส่วน 27 ล้านบาท ซึ่งได้รับ จาก บ.โกลบอลเฮาส์) ผมจึงช่วย เพราะเมื่อฟังเหตุผลดูแล้วมันก็เป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน คนจะหย่ากันกับสินสมรสนะ ส่วนเรื่องจำนวนเงินจริงอยู่มันเยอะ แต่เขาเป็นนักธุรกิจเงินจำนวนนี้มันธรรมดานะ เราก็คิดว่าเป็นไปได้"เขาบอกหลังชี้แจงกับ ป.ป.ช.รอบ2 เมื่อ 28 กุมภาพันธ์
ศ.ดร.สมบัติ ย้ำว่า หลังได้รับเงิน27ล้านจากการขายที่ดินเพราะดันไปมีชื่อเป็นหุ้นส่วน เขานำเงินเข้าระบบเพราะไม่คิดตั้งใจปกปิด เห็นได้จากการนำเงินเข้าสหกรณ์ออมทรัพย์ ม.ธรรมศาสตร์ด้วยเช็ค1ใบ มูลค่า27ล้าน และค่อยๆถอนเงินออกตามแต่สหกรณ์ฯ ณ ขณะนั้นจะมีเงินสด
อาทิ ครั้งละ 1.5ล้านบาท 8 แสนบาทบ้าง ฯลฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.54 โดยวิธีการถอนเงินสดใส่กระเป๋าและรีบก้าวขึ้นรถ จากนั้นนำไปให้ผู้รับคือนางณัฐณิชาช์ เซ็นรับเงินในแต่ละครั้ง (แสดงกระดาษบันทึกและลายเซ็น) เรื่อยมาประมาณ 15 งวด รวมเงินกว่า 20 ล้านบาท กระทั่งเหลืออีก 7-8ล้านบาท พร้อม ป.ป.ช.เรียกไปสอบสวนครั้งแรกเมื่อ 14 กุมภาพันธ์
"หลังจาก ป.ป.ช.ติดต่อมา ผมก็โทรไปหาเขา ว่ามันเกิดแบบนี้ขึ้น เขาก็ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน เราก็ไม่ได้โกรธอะไร แต่บอกว่าจะให้การกับ ป.ป.ช.ตามความเป็นจริง เพราะเราเองก็ไม่รู้เรื่อง คือเงินนี่ผมนึกว่ามันจะจบตั้งแต่ตอนที่เขาเอาชื่อเราไปเป็นหุ้นส่วนซื้อที่ดิน เปรียบว่าถ้าเขาเป็นหัวหน้า เขาขายที่ดินแล้วเขาได้เงินไปมันก็น่าจะจบ แต่พอหายไปปีกว่ามีบริษัทโอนเช็คมาถึงผมถึง27ล้าน ก็ตกใจ รีบบอกเลยบอกว่าผมจะรีบคืนให้เร็วที่สุดจะได้จบๆ เขาเองก็จะเอาเงินคืนเช่นกัน วันนั้นผมทำดีที่สุดคือเอาเงินเข้าระบบนะ และที่เลือกสหกรณ์เพราะว่ามันใกล้ผม เลิกสอนแล้วก็ไปถอน"
"ถ้าผมไปต่อว่ามันจะได้อะไรขึ้นมา ไม่เป็นไร มันเกิดไปแล้ว เขาก็โทรขอโทษ ผมก็ไม่ได้ไปทำอะไรนิ ผมก็แค่คิดว่าผมแค่โชคไม่ดีเท่านั้น"เขาพูดถึงคำถามถึงความสัมพันธ์กับครอบครัวพล.อ.เสถียร หลังจากเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อ 2วันก่อน พร้อมบอกว่าหากมีกรณีมาฝากเงินอีก ความรู้สึก ณ ขณะนี้เขาอาจจะต้องคิดใหม่ หากทั้งหมดไม่ได้หมายความว่าหลักคิดที่เคยเชื่อต้องพังทลายไป
"ผมยังเชื่อในเรื่องจริยธรรม เพราะอย่างไรกฎหมายไม่มีทางที่จะครอบคลุมความสัมพันธ์ของมนุษย์ในทุกเรื่องหรอก กฎหมายมันออกมาเยอะมากแต่คลุมไม่หมด ยกตัวอย่างถ้าขับรถมาตอนตี2 เจอ4แยกไฟแดง รออีก 240วินาที มองซ้าย มองขวา ไม่มีกล้อง ใครๆก็อยากจะไปทั้งนั้น มันจึงต้องมีอะไรบางอย่างที่สูงกว่านั้น กฎหมายมันไม่เพียงพอหรอก อย่างน้อยมันไม่ได้บอกความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนกับเพื่อน มีไหมล่ะกฎหมายที่บอกว่าเพื่อนต้องทำกับเพื่อนอย่างไรบ้าง"
ส่วนเรื่องการลาออกจากการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ภายหลังอยู่จนครบเกษียณและต่ออายุราชการแบบรายปีนั้น “สมบัติ”กล่าวว่า ยืนยันว่าจะเซ็นใบลาออกอย่างแน่นอน เพราะตัวเองเป็นนักวิชาการที่วิพากษ์วิจารณ์นักการเมือง เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ไม่ต้องรอใบเสร็จ ต้องทำให้เป็นตัวอย่าง ด้วยอาชีพนักการเมือง อาจารย์เปรียบเสมือนพระที่เมื่อรู้ว่าผลที่ตัวเองทำมันผิดพลาดก็ต้องลาออก ขณะเดียวกันก็อยากเร่งรัดให้เรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วเพื่อความกระจ่างแก่สังคม
"ผมไม่ต้องรอให้ใครกดดันหรอก วันจันทร์นี้ (4มี.ค.) คงเข้าไปเซ็นใบลาออก ส่วนวันพุธ(6 มี.ค.) เข้าไปทยอยเก็บของ มันผ่านไปแล้ว และผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้ ผมไม่เสียใจนะ เพราะยังคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด คิดแค่ว่าเราโชคไม่ดีจริงๆ แม่บ้าน (ภรรยา) ก็เข้าใจ ไม่ได้ต่อว่า ไม่ได้กล่าวโทษ แค่นี้เราก็มีกำลังใจอยู่ได้"
"ผมก็เตือนทุกคน มีปัญหาก็ต้องมีสติ แล้วมันจะผ่านไปเอง อย่าไปตีโพยตีพาย ใครจะมองไงก็ช่างแต่เราแน่ใจตัวเอง ผมทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ และอยากให้เรื่องมันจบสักที แค่นี้ไม่ถึงกับแย่หรอก สบายๆ"เขาพูดพลางก้าวเท้าเดินออกไป
สมบัติ'วอนป.ป.ช.ขอเงินฝากคืน6แสนบ.
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สมบัติ จันทรวงศ์"อ้อนป.ป.ช.ขอเงินฝากคืน 6 แสนบาท เพราะเป็นเงินฝากของตัวเอง
นายสมบัติ จันทรวงศ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังชี้แจงข้อมูลกับคณะกรรมการไต่สวนป.ป.ช.ว่า ได้ชี้แจงกับคณะอนุกรรมการไต่สวนถึงที่มาของเงินที่ถูกอายัดไว้ ซึ่งป.ป.ช.ไม่ได้ติดใจอะไร รวมถึงไม่ได้บอกว่า จะให้มาชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ จึงไม่ต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมอีก
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวขอให้ป.ป.ช.ยกเลิกการอายัดบัญชีเงินฝาก 1 บัญชี ซึ่งมีเงิน 607,736 บาท เพราะเป็นบัญชีเงินฝากส่วนตัวของตน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเงินฝากของนางณัฐนิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ ภรรยาพล.อ.เสถียรเพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด
ทั้งนี้ มีหลักฐานยืนยันได้ชัดเจน ทั้งวันที่เงินเข้าบัญชี และเป็นเงินที่ไม่มีการเคลื่อนไหว คิดว่าป.ป.ช.คงคืนเงินในส่วนนี้ให้โดยเร็วที่สุด หลังจากให้ข้อมูลเสร็จในวันนี้ รู้สึกสบายใจ ไม่มีความกังวลใดๆ เพราะว่าไปตามข้อเท็จจริงทุกประการ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน