จากประชาชาติธุรกิจ

วันก่อน "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ปิ๊ง ไอเดียจะเปลี่ยนชื่อ "โชห่วย" มาเป็น "โชสวย" ว่าคนปัจจุบันไม่ทราบแล้วว่าโชห่วยมีความหมายอย่างไร การเรียกแบบนี้ทำให้คนเข้าใจว่าเป็นร้านที่จัดโชว์สินค้าห่วยไม่มีความสวย งาม แต่เท่าที่ถามผู้รู้เขาบอกว่ามาจากภาษาจีนที่ออกเสียงว่า "ชูฮั่ว" คำว่า "ชูหมายถึงใหญ่ๆ หรือหยาบๆ ฮั่วหมายถึงสินค้า แปลรวมๆ ว่ามีของขายเยอะแยะมากมาย ในสำเนียง "ฮกเกี้ยน" ที่เป็นคนมาเลย์ ปีนัง ภูเก็ตออกเสียงว่า "โชห่วย"

แต่ จะเรียกอย่างไรก็ตามปัญหาคงไม่แก้ง่ายๆ แค่เปลี่ยนชื่อ อดีตเปลี่ยนคำว่า "สลัม" เป็นชุมชนแออัดแต่สลัม ยังเต็มเมือง เปลี่ยนชื่อ "แห้ว" เป็น "สมหวัง" แต่ก็ไม่นิยม อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเปลี่ยน "โชห่วย" เป็น "โชสวย" คนจะคิดว่าเป็นร้านเสริมสวยแทนที่จะนึกถึงร้านขายของชำ

ปัญหาของโชห่วยมันลึกล้ำกว่าที่คิดปัจจัยที่ทำให้ "โชห่วย" สูญพันธุ์มี 2 ปัจจัยหลักๆ

ปัจจัย แรก เป็นเพราะโชห่วยมีปัญหาในตัวเองเป็นธุรกิจครอบครัวมีการบริหารจัดการแบบ โบราณ ไม่พัฒนาให้เป็นแบบสมัยใหม่ เช่นการจัดเลย์เอาต์สินค้าไม่ทันสมัย หาของยาก สินค้าไม่สะอาด ไม่ซื่อสัตย์ต่อลูกค้าโกงตาชั่ง ราคาแพง

อีกทั้งคนรุ่นลูกๆ ไม่ยอมสืบทอดจนต้องปิดกิจการ

ส่วน ปัจจัยภายนอกโดนรุกรานของกลุ่มทุนค้าปลีกต่างชาติและทุนค้าปลีกไทยขนาดใหญ่ ที่มีกำลังทุนเหนือกว่าอาศัยความได้เปรียบที่มีเทคโนโลยีด้านการจัดการที่ ทันสมัยเข้ามาช่วย ทั้งระบบการจัดเลย์เอาต์มีระเบียบ สินค้าหลากหลายได้คุณภาพไปที่เดียวได้ครบ มีมาตรฐานไม่มีปัญหาโกงตาชั่ง

กลุ่ม ทุนค้าปลีกเหล่านี้รุกคืบขยายฐานเจาะกลุ่มลูกค้าด้วยขนาดที่หลากหลายตั้งแต่ ไซซ์ใหญ่แบบห้างสรรพสินค้า ดิสเคานต์สโตร์มาจนถึงระดับคอนวีเนี่ยนสโตร์หรือร้านสะดวกซื้อ ปูพรมตั้งแต่ถนนใหญ่จนถึงตรอกซอกซอยปิดทางโชห่วยทุกรูปแบบ

แต่ ที่อยู่ได้ก็เพราะอาศัยลูกค้าในซอยที่คุ้นเคยหรือลูกค้าที่ต้องการของเล็กๆ น้อยๆหากจะช่วยโชห่วยไม่ใช่แค่เปลี่ยนชื่อ หรือแค่ปล่อยสินเชื่อ แต่ต้องปิดทางรายใหญ่ไม่รุกรานซึ่งก็สายไปแล้ว นำระบบการบริหารจัดการสมัยใหม่เข้ามาสนับสนุน

ที่ผ่านมาถูกปล่อยเกาะให้อยู่ตามยถากรรมจึงล้มหายตายจากไปในที่สุด

ที่มา : นสพ.ข่าวสด

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน