สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ICT งามหน้า! ช่วยไซเบอร์แดงไล่ล่า 10 แฟนเพจ รักสถาบัน-ล้มระบอบทักษิณ

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

      กลุ่มหน้ากากแดงเปิดปฏิบัติการตอบโต้หน้ากากขาวบนเฟซบุ๊ก ระดมพลนักรบไซเบอร์นัดหมายถล่มเพจด่ารัฐบาล รายงาน ICT ปิดแล้ว 1 “คนละหมัด เดอะซีรีส์” จนต้องออกเวอร์ชัน 2 กางผังล่า 10 เพจระดับกะทิ ข้องใจเพจหมิ่นสถาบันยังอยู่เกลื่อน เผยเพจที่แรงในเวลานี้ V For Thailand เป็นศูนย์รวมพันธมิตรหน้ากากขาว แสดงพลังลงสู่ถนนย่านสีลม ฝ่ายความมั่นคงยอมรับหากคนในโซเชียลฯ รวมตัวกับคนที่ไม่พอใจรัฐลงถนนเมื่อไหร่รัฐบาลอยู่ลำบาก

      แนว รบทางการเมืองปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่การทำหน้าที่ระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่าย รัฐบาล ไม่ใช่มีเพียงแค่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ อภิปรายงบประมาณ หรือตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลว่าบกพร่อง ทุจริต หรือเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวกเพื่อนพ้องหรือไม่
       
       ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการขยายไปสู่การสร้างสื่ออื่นเป็นของตัวเองของ ฝ่ายการเมือง ทั้งเว็บไซต์และทีวีดาวเทียม ที่ทำหน้าที่ขยายความจากการเมืองภาคปกติ พร้อมทั้งยังเป็นการรักษาฐานทางการเมืองของพรรคการเมืองต่างๆ ไปในตัว
       
       อีกหนึ่งแนวรบที่ดุเดือดไม่แพ้กันนั่นคือ การทำสงครามผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง face book ที่คนในประเทศส่วนใหญ่เข้าถึง ยิ่งเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองร้อนแรงขึ้น การฟาดฟันกันผ่านเฟซบุ๊กจึงมีความเข้มข้นมากขึ้นตามไปด้วย
       
       ด้วยเหตุที่เฟซบุ๊กเข้าถึงง่าย มีคนใช้เป็นจำนวนมาก การดำเนินการในทางกฎหมายอาจมีข้อจำกัดอยู่บ้าง จึงทำให้มีการใช้เฟซบุ๊กเพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองทั้งในนามของบุคคลและของ แฟนเพจ ด้านหนึ่งเพื่อสื่อสารกับเพื่อนหรือคนที่เข้ามาเป็นแฟนเพจ อีกด้านเพื่อเป็นการตอบโต้กับฝ่ายตรงข้าม
       
       รัฐเต้น “หน้ากากขาว”
       
       หลังจากปฏิบัติการหน้ากากขาวที่เปิดฉากขึ้นในช่วงวันหยุดวิสาขบูชา ที่ผ่านมา ทำเอาพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ถึงกับออกอาการนั่งไม่ติด และเตรียมที่จะดำเนินคดีกับผู้กระทำการดังกล่าว
       
       “ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นมาแล้ว ข้าขอประกาศว่า ข้าจะล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย” ทำเอาคนที่อยู่ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กจำนวนไม่น้อย หันมาเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของตัวเองมาเป็นรูปหน้ากากที่นำมาจากภาพยนตร์เรื่อง V for vendetta
       
       นับว่าเป็นความต่อเนื่องหลังจากเหตุการณ์ปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ประเทศมองโกเลีย ทั้งถ้อยความและเนื้อหาเป็นการกล่าวร้ายถึงประเทศไทยและตอกย้ำให้ผู้เข้า ร่วมประชุมทราบว่าครอบครัวชินวัตรเป็นผู้ถูกกระทำจากอำนาจที่ไม่เป็น ประชาธิปไตย
       
       จากนั้น ชัย ราชวัตร นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้โพสต์ข้อความบางสำนวน จนทำให้นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้แจ้งความดำเนินคดี และมีกลุ่มที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยเดินทางไปชุมนุมหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ
       
       ถัดมาจึงเกิดปรากฏการณ์ไทยสปริงขึ้นมาโดยมี 2 หัวเรือใหญ่อย่าง แก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำและอดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ที่รวบรวมผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยกล่าว
       
       ความต่อเนื่องจากปฏิกิริยาแบบลูกโซ่ในโซเชียลเน็ตเวิร์กครั้งนี้จึง บ่งบอกถึงความอัดอั้นของภาคประชาชนจำนวนไม่น้อย ที่ต้องทนเห็นสิ่งที่คนของรัฐบาลทำอยู่ชนิดที่ไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่ต้องฟังเสียงคัดค้านทั้งเรื่องนโยบายบริหารประเทศหรือการใช้อำนาจของพวก พ้องเข้าคุกคามกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย ขณะที่พรรคฝ่ายค้านที่มีอยู่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากเป็นเสียงข้าง น้อย แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลต่างก็เงียบ
       
       ก่อนที่จะเริ่มปรากฏการณ์หน้ากากขาวไม่นาน ได้มีการ Hack ข้อมูลบนเว็บไซต์ของสำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ ตำรวจทำได้เพียงเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน
       
       “เท่าที่ประเมินจากปรากฏการณ์หน้ากากขาวหรือหน้ากาก V ทำเอารัฐบาลหัวเสียไม่น้อย เห็นได้จากโฆษกพรรคต้องออกมากล่าวถึงเรื่องนี้และพยายามที่จะสกัดกั้น เพราะหากปล่อยไปอาจเป็นการเพาะเชื้อความไม่พอใจของประชาชนให้มากขึ้นเรื่อยๆ และอาจนำไปสู่การชุมนุมของภาคประชาชนได้ง่ายขึ้น” อดีตนักรบไซเบอร์รายหนึ่งแสดงความคิดเห็น
       
       สอดคล้องกับแหล่งข่าวด้านความมั่นคงที่เห็นว่า “ลำพังแค่การต่อสู้กันบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก คงไม่ทำให้รัฐบาลหวาดหวั่น เพราะเป็นแค่การตอบโต้กันไปมา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีการดำเนินการคู่ขนานอย่างเช่นมีการออกมาชุมนุมของภาค ประชาชนเหมือนกับครั้งก่อน นั่นแหละคือสิ่งที่รัฐบาลกลัว”
       
       สกัดทั้งบนดิน-ใต้ดิน
       
       ภาครัฐใช้ทั้งวิธีการบนดิน ด้วยการนำเอากฎหมายมาเป็นเครื่องมือ ทั้งพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์และใช้ตำรวจที่รัฐบาลคุมได้ทั้งหมดเข้ามาเป็น ตัวสกัดกั้น ขณะเดียวกันยังใช้วิธีการใต้ดินด้วยการให้กลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลเข้ามาเป็น แนวรบด้านไซเบอร์อีกทางหนึ่ง
       
       มีการโพสต์ข้อความนัดหมายถล่มเฟซบุ๊กของกลุ่มตรงข้ามรัฐบาลเมื่อ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมาผ่านเพจของ “สื่อมวลชน คนเสื้อแดง” พร้อมการแสดงสัญลักษณ์หน้ากากแดง ได้นัดหมายกันให้รายงานเพจเป้าหมายไปยังกระทรวงไอซีทีว่าเป็นเพจเป็นสแปม หรือหลอกลวง โดยระบุเป้าหมายไว้ 10 เพจที่มีคนติดตามเป็นจำนวนมาก และที่ทำสำเร็จไปแล้วคือเพจ “คนละหมัด เดอะซีรีส์” ซึ่งทีมงานและเครือข่ายต่างมองว่าเป็นฝีมือของ ICTและมีการเปิดขึ้นมาใหม่เป็น “คนละหมัด เดอะซีรีส์ 2”
ข้อความนัดหมายโจมตี
       
       ตั้งเป้าล่า 10 เพจดัง
       
       สำหรับ 10 เพจที่ตกเป็นเป้าหมาของการไล่ล่าจากฝั่งเสื้อแดงประกอบด้วย
       
       1. Dislike Yingluck For Concentration Citizen
       
       2. ลัทธิควายแดงรักทักษิณจนเสียสติ
       
       3. มั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้าน อยากให้ยิ่งลักษณ์ยุบสภา
       
       4. สายตรงภาคสนาม
       
       5. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
       
       6. ปู จิตกร บุษบา
       
       7. รวมความฮาของนายกฯยิ่งลักษณ์
       
       8. กลุ่มปัญญาชนคนอีสานไม่เอาพรรคเพื่อไทย
       
       9. ขบวนการเสรีไทยเฟซบุ๊ก
       
       10. Watch Red Shirt ศูนย์ปฏิบัติการติดตามผู้ชุมนุมเสื้อแดง
10 เพจเป้าหมาย
       
       ซัดเลือกปฏิบัติปล่อยเพจหมิ่น
       
       วิธีการที่พวกเขาทำก็คือเน้นรวมพลังกันกดรายงานไปยัง ICT พร้อมๆ กันและเป็นจำนวนที่มากพอ ไม่ต่างกับช่วงที่พวกเราเคยรายงานเรื่องเฟซบุ๊กหรือเว็บไซต์ที่หมิ่นสถาบัน แต่ต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่นั้นเป็นประโยชน์กับรัฐบาล ทำให้ข้อสงสัยจึงมาตกอยู่ที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เจ้ากระทรวงก็มาจากพรรคเพื่อไทย ที่ยังควานหาตัวมือแฮกเกอร์เว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ดังนั้นในกรณีนี้จึงรีบเร่งในการจัดการ แตกต่างจากเฟซบุ๊กหมิ่นสถาบันที่ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่แม้จะมีรายงานแจ้งเข้า ไปก็ไม่มีการปิด
       
       เมื่อถามถึงการปิดเฟซบุ๊กชั่วคราวเป็นเวลา 30 วันของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ธรรมศาสตร์ ที่เปิดตัวไม่เอาสถาบัน นั่นเป็นเพราะมีการนำภาพตัดต่อของบุคคลอื่น (พรรคประชาธิปัตย์) ด้านล่างเปลือยมาโพสต์ ถือเป็นการทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย
       
       “ICT เมื่อได้รับการแจ้งไม่ว่าจากฝ่ายใดก็ตาม ต้องมีหน้าที่พิจารณาว่าเพจที่มีการรายงานเข้าไปนั้น มีเนื้อหาที่เหมาะสมหรือสมควรหรือไม่ ก่อนตัดสินใจดำเนินการภายใต้อำนาจ ไม่ใช่เพจที่ตำหนิการทำงานรัฐบาลปิดตามการรายงานของพวกเดียวกัน แต่เพจที่หมิ่นสถาบันหรือเพจของเสื้อแดงที่ตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามกลับปล่อยให้ ยังมีอยู่” ทีมไซเบอร์เพจดังตั้งข้อสังเกต
       
       ขณะนี้แนวรบบนเฟซบุ๊กดุเดือดมาก ฝ่ายแดงตั้งทีมล่าเพจฝ่ายตรงข้าม หลังจากที่เฟซบุ๊กของฝ่ายการเมืองถูกลูบคมไปก่อนหน้า ด้วยการเข้าปลอมโปรไฟล์ของทักษิณ หรือเปลี่ยนภาพเป็นหน้ากากขาวเข้าไปป่วนตามเฟซบุ๊กของหน่วยงานรัฐ
       
       ทีมของเสื้อแดงจึงเปิดปฏิบัติการเอาคืนด้วยการเข้าไปถล่มหรือป่วน เฟซบุ๊กของฝ่ายตรงข้าม พร้อมเปิดศึกใหญ่ด้วยการนัดรวมพลแจ้งต่อ ICT เพื่อให้ดำเนินการปิดและสำเร็จมาแล้ว 1 ราย ขณะที่เป้าหมายของเสื้อแดงรายอื่นบางเพจไหวตัวทันต้องเอาเพจของตัวเองหลบ จากกระแสการโจมตีไว้ก่อน เช่นเพจของกลุ่มปัญญาชนคนอีสานไม่เอาพรรคเพื่อไทย ก่อนที่จะเอากลับขึ้นมาอีกครั้ง
       
       ขณะเดียวกันเพจของกลุ่มที่ไม่เอาทักษิณ นัดรวมตัวกันตอบโต้เพจของฝ่ายตรงข้ามเช่นเดียวกัน แต่จะสำเร็จหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับ ICT
กลับมาเปิดใหม่
       
       โลกไซเบอร์ฝ่ายตรงข้ามรัฐเพียบ
       
       ในทางปฏิบัติแล้วการปิดเพจต่างๆ บนเฟซบุ๊กไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เมื่อถูกปิดแล้วก็เปิดขึ้นมาใหม่ได้ แต่ปัญหาคือจำนวนสมาชิกที่ได้กลับคืนมาจะน้อยลงกว่าเดิมมาก ต้องมีการทำการตลาดกันใหม่เพื่อดึงสมาชิกกลับมา
       
       เมื่อเห็นได้จากรายชื่อเป้าหมายกลุ่มที่ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย จะเป็นเพจที่มีผู้ชื่นชอบเป็นจำนวนมาก แต่ละเพจหากเป็นเพจดังจะมีคนเข้ามากด like มากกว่า 1 แสนราย
       
       คนที่เข้าถึงเฟซบุ๊กมักเป็นกลุ่มคนชั้นกลาง เมื่อตรวจสอบคนที่ชื่นชอบเพจของฝั่งที่ชื่นชอบรัฐบาลแล้วมีเพจเด่นอย่าง Thaksin Shinawatra และของ Oak Panthongtae Shinawatra ที่มียอดกด like เกินกว่า 1 แสนราย ส่วนเพจฝ่ายต่อต้านทักษิณมีหลายเพจและเชื่อมโยงข้อมูลกันและมีไม่น้อยกว่า 4 เพจที่มียอดเกิน 1 แสนราย
       
       ว่าไปแล้วสงครามบนโซเชียลเน็ตเวิร์กนี้ดูเหมือนฝ่ายที่ไม่ชอบทักษิณจะมีมากกว่า ดังนั้นเมื่อพรรคเพื่อไทยมีอำนาจการสกัดกั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก
       
       “เราคิดว่าสิ่งที่คุณทักษิณกำลังทำอยู่ในเวลานี้เป็นสิ่งที่โง่มาก เพราะเอากลุ่มที่จาบจ้วงสถาบันเข้ามาอยู่ด้วย และการกระทำอย่างนี้จะยิ่งทำให้ความไม่พอใจของประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาหนึ่งคนจำนวนไม่น้อยก็จะออกมาแสดงพลังบนท้องถนน” แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงกล่าว
       
       พร้อมกล่าวต่อไปว่า การสกัดกั้นกระแสความไม่พอใจของประชาชนบนโซเชียลเน็ตเวิร์กในครั้งนี้ จึงดำเนินการอย่างรีบเร่ง โดยมุ่งเน้นไปที่เฟซบุ๊กที่เปิดลักษณะแฟนเพจที่มีเนื้อหาโจมตีการทำงานของ รัฐบาล ขณะที่เพจที่สนับสนุนรัฐบาล โจมตีฝ่ายตรงข้ามสถาบันกลับปล่อยปละละเลย หากเป็นเช่นนี้ยิ่งจะเร่งให้กระแสความไม่พอใจของภาคประชาชนมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เพจร้อนแรง
       
       V For Thailand แรง
       
       ขณะเดียวกันได้มีการเปิดเพจ V For Thailand ขึ้นมาเมื่อ 29 พฤษภาคม แม้จะเพิ่งเปิดได้ไม่กี่วัน แต่ยอดคนกด like ของเพจนี้เพิ่มขึ้นมาเกินกว่า 9 พัน และกลุ่มนี้ยังมีการหารือกับกลุ่มไทยสปริงของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ที่อาจจะมีความร่วมมือกัน และเพียงแค่ 2 วัน 31 พฤษภาคม 2556 กลุ่มหน้ากากขาวได้นัดรวมตัวกันจากท้องสนามหลวงเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่สีลม เพื่อแสดงการต่อต้านระบอบทักษิณ นับเป็นการแสดงตัวตนที่ชัดเจนนอกเหนือจากพื้นที่บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก
       
       “นี่คือยุทธศาสตร์ของการเดินหน้าต่อต้านระบอบทักษิณและเครือ ข่ายอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่การโจมตีกันบนโลกออนไลน์เพียงอย่างเดียว หากสามารถรวบรวมกลุ่มที่ต่อต้านระบอบทักษิณให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้จะเป็น พลังที่ทำให้พรรคเพื่อไทยที่ทำอะไรตามอำเภอใจในทุกวันนี้อาจต้องทบทวนตัว เอง” แหล่งข่าวด้านความมั่นคงกล่าว

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ICT งามหน้า ไซเบอร์แดง ไล่ล่า แฟนเพจ รักสถาบัน ล้มระบอบทักษิณ

view