จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
พอใจ พุกกะคุปต์

ท่านผู้อ่านเริ่มชั่วโมงแรกของวันทำงานด้วยการทำอะไรคะ

พวกเราชาวเมืองใหญ่อาจมีพฤติกรรมใกล้เคียงกัน คือ กว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคขวากกั้นและภาวะวิกฤติของการจราจรในถนน คนทำงานก็กะปลกกะเปลี้ยเพลียกายและใจ เสียแรงไปกับความวุ่นวายของเมือง อันถือเป็นเรื่องประจำวัน

ดังนั้นกว่าจะเริ่มทำงานก็เสมือนผ่านสมรภูมิรบ สลบก่อนสตาร์ท

บางท่านใช้เวลาเช้าเป็นช่วงเมาท์กระจาย คลายเครียดก่อนจะเริ่มเรื่องซีเรียสเช่นงาน

หลายท่านเริ่มด้วยการขมักเขม้นเล่น Line ไล่เปิด e-mail กว่าจะรู้ตัว ก็ตามัว หลังแข็ง แรงหมด ชีวิตหดหายสลายไปอีกหนึ่งวัน

หากท่านผู้อ่านมีพฤติกรรมซ้ำๆเช่นนี้ และอยากหาวิธีใหม่ในการเริ่มวัน เผื่อฉันจะได้งานโดยไม่เผาผลาญพลังใจกายให้ละลายเล่นเช่นนี้ ลองมาดูวิธีที่มืออาชีพที่ประสบความสำเร็จใช้ในการเริ่มวันทำงานกันค่ะ

1. หักห้ามใจ ไม่ใช้เวลาชั่วโมงแรกตอบ e-mail จากผลการศึกษาของนิตยสาร Forbes ในเรื่องนี้ ผู้รู้ทั้งหลายเล่าขานเป็นเสียงเดียวกันว่า กรุณาอย่าเริ่มวันโดยหันไปหมกมุ่นกับการกระหน่ำตอบ e-mail เพราะหากเป็นไปได้ เวลาเช้า เราต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่เลอะเทอะเยอะเกินกับการอ่านและตอบข้อความที่หลากหลาย หากไม่เร่งด่วนจริงๆ โดยอาจตั้งมั่นว่า เราจะทำงานให้เสร็จ 1 ชิ้นก่อน จึงจะผ่อนผันหันไปเช็ค mail

2. ทำสมาธิ คิดเรื่องดีงาม คุณ Tony Robbins เจ้าพ่อคนดังทางความคิดด้านการพัฒนาตนเอง บอกว่า เขาเริ่มชั่วโมงแรกของวันทำงาน โดยใช้เวลาเติมพลังจากการตั้งสติ ทำสมาธินิ่งๆ กำหนดลมหายใจ คิดถึงสิ่งดีๆ อาทิ รู้สำนึกอย่างจริงใจว่าการที่ได้มีชีวิตอีกหนึ่งวัน ถือเป็นสิ่งที่ดีงาม ไม่ควรมองข้ามความสำคัญของทุกวันทุกชั่วโมง ลืมตัวคิดว่า เวลาจะทะยอยมาให้ใช้อย่างไม่มีจุดสิ้นสุด

ที่สำคัญ เขานึกถึงสิ่งดีๆในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว พ่อแม่ เพื่อน หรือ ความดีที่ตนเองได้ทำ ตลอดจินตนาการตอกย้ำกับตนเองว่า วันนี้จะเป็นวันที่เต็มไปด้วยสิ่งดีงาม คุณ Tony ฟันธงว่า หากเริ่มวันแบบซึมเซาเศร้าหมอง รับรองว่าวันนั้นปัญหาต้องชนะเรา

สรุปว่าเริ่มดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

3. กัดฟันทำสิ่งที่ยากให้เสร็จ คุณ Brian Tracy ผู้เขียนหนังสือดังสำหรับผู้ที่รักการผลัดวันประกันพรุ่ง เรื่อง Eat That Frog! กินกบตัวนั้นซะ! แนะนำเพิ่มเติมว่า ควรใช้เวลาตอนเริ่มต้นวันทำงานสำคัญที่ยากและท้าทายให้จบ สยบให้อยู่ เพราะหากไม่เลือกทำงานยากตอนเริ่มวัน แต่หันไปทำเรื่องเล็กๆ เรื่องง่ายๆ ทำนายได้ว่า กว่าจะหาเวลาตั้งสติทำเรื่องยากที่ผัดผ่อนไว้ ก็ผ่านไปค่อนวัน ทำไม่ทันพอดีสมใจ ได้ผลัดไปวันหน้า

ทำเรื่องยากก่อน เปรียบเสมือนกินกบเป็นๆ เห็นชัดว่า อะไรที่ต้องทำตามมา ไม่น่าจะยากเท่า สบายเรา เพราะล้วนกลายเป็นเรื่องเล็กเรื่องง่าย ทำได้ทำไว ไม่ท้อ

4. ออกกำลังกาย ผู้ที่ประสบความสำเร็จอีกหลายคนบอกว่า แทนที่จะกระโจนเข้าหางานทันที หากใช้เวลาสัก 15 -30 นาทีออกกำลังกาย เพื่อเรียกพลัง จะเป็นส่วนสำคัญ ทำให้ร่างกายสดชื่น สมองปลอดโปร่ง คิดงานได้โล่งทะลุ
เวลาที่เหมือนจะ "เสีย" ไปในการขยับแข้งขา กลายเป็น "ได้" กลับมา คุ้มค่าเกินคิดค่ะ

5. To - Don’t List นอกเหนือจากนั้น คนที่ประสบความสำเร็จสำคัญๆ จะกรองกลั่นทำแต่สิ่งที่สำคัญและจำเป็น เพราะเห็นความจริงที่ว่า เวลาเป็นทรัพยากรที่หาค่าไม่ได้

ทุกคนมีเวลาเต็มที่เท่ากัน คือ 24/7 หรือ ต่างมี 24 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ จะมุ่งมั่นพยายามหาอีกเท่าไร ก็ไม่เคยหาเพิ่มขึ้นได้เป็น 25/8 สักที

ทั้งนี้ หลายคนวางแผนแต่ตอนเช้า เขียน To - Do List หรือ สิ่งที่วันนี้ฉันต้องทำเพื่อกำหนดชัดเจนว่า วันต่อวัน มีอะไรที่ต้องไม่ให้หลุดรอดสายตา ห้ามลืมนำพา ต้องเน้นหาเวลาทำ

ไอเดียเก๋ไก๋ให้ท่านผู้อ่านนำไปใช้เพิ่ม คือเริ่มทำ To - Don’t List หรือ ตั้งใจระบุรายการสำคัญๆ ที่ฉันต้องเตือนตัวเองว่า ห้ามทำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Social Media พร่ำเพรื่อ เบื่องานเลยผลาญเวลาด้วยการกด Line โพสต์ภาพถ่าย ขอเมาท์ทุกเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ฯลฯ

สำราญใจดี แต่ไม่มีผลงาน

ท่านเตือนว่า หากไม่มีงานให้ทำอีกต่อไป จะเสียใจนะเออ

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน