สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เอฟทีเอไทย-อียูต้องได้มากกว่าเสีย

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ฑิฆัมพร ศรีจันทร์



วันที่ 16-20 ก.ย.2556 นี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม เจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ)ไทย-สหภาพยุโรป (อียู)

นัดที่ 2 หลังจากครั้งแรกอียูได้เป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมไปแล้วที่กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม ช่วงเดือนพ.ค.2556

การเจรจารอบนี้ต่อเนื่องจากครั้งแรก ที่ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น เพื่อสร้างความเข้าใจต่อข้อเสนอและความมุ่งหวังของทั้ง 2 ฝ่ายในหลายประเด็นการเจรจา อย่างการเข้าสู่ตลาดการค้าสินค้าและการค้าบริการ การลงทุน ทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายการแข่งขัน การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดของสินค้า การอำนวยความสะดวกทางการค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า และการค้าและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เป็นประเด็นที่ 2 ฝ่ายฝากการบ้านกันไว้ตั้งแต่รอบแรก

ยังคงหลีกเลี่ยงในการเข้าไปแตะประเด็นอ่อนไหว อย่างเรื่องการเปิดตลาดสินค้า การค้าบริการ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และทรัพย์สินทางปัญญา ที่หลายฝ่ายกังวล รอบนี้จะทำเพียงฟังข้อเสนอจากทางอียูว่าต้องการอะไร ไทยรับได้มากน้อยแค่ไหน จะไม่ลงลึกในรายละเอียด

นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้เรียกคณะเจรจาความตกลงการค้าเสรี ที่มี โอฬาร ไชยประวัติ ประธานผู้แทนการค้าไทยเป็นหัวหน้าคณะ พร้อมด้วยทีมเจรจาทั้ง 14 กลุ่ม เพื่อกำหนดท่าทีในการเจรจาของฝ่ายไทย

เสียงจากทีมเจรจายืนยันว่าการเจรจาจะยึดผลประโยชน์ของไทยเป็นหลัก อะไรที่เป็นข้อกังวลของคนในชาติ คณะเจรจาจะรับไว้พิจารณา และจะไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบแน่นอน

ในการเจรจาครั้งนี้ แม้จะมีองค์กรภาคประชาชนมาชุมนุมเพื่อแสดงจุดยืน ทีมเจรจาต้องพร้อมรับฟังความคิดเห็น โดยเฉพาะประเด็นข้อห่วงใยเรื่องการเปิดตลาดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ขณะที่เรื่องยา จะไม่มีการเปิดเสรีมากไปกว่าที่ผูกพันไว้ข้อตกลงด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับการค้า (ทริปส์)

ดูแล้วไม่น่าเป็นห่วงมากเพราะไม่ลงลึก แต่น่าจะไปลงลึกเข้มข้นกันรอบที่ 3 เดือนธค.ที่กรุงบรัสเซลล์จะกลับมาเป็นเจ้าภาพอีกครั้ง

ยังมีเวลาในการเตรียมตัว เตรียมความพร้อม และรับฟังความคิดเห็นเพิ่มจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย

ขณะที่ท่าทีของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะที่เป็นองค์กรหลักในการเจรจา ยืนยันในประเด็นข้อห่วงใยเรื่องยา ว่าจะไม่มีการตกลงใดๆ ที่เกินไปกว่าข้อตกลงทริปส์ และจะไม่มีการยืดระยะเวลาในการคุ้มครองสิทธิบัตรยา

หรือประเด็นการลดภาษีสินค้าในกลุ่มเหล้า ไวน์ แม้ในระยะต่อไปการเจรจา อาจทำให้ต้องมีการลดภาษีนำเข้าลงมา แต่ไทยได้มีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตไปแล้ว แม้จะมีการลดภาษีนำเข้าลงมา ไม่ทำให้ราคาเหล้าและไวน์นำเข้าจากต่างประเทศถูกลง ไม่เป็นการกระตุ้นให้คนบริโภคเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น

เท่าที่ตรวจสอบท่าทีของหลายฝ่าย รอบนี้พอเบาใจได้ มีการรับฟังความเห็น ข้อติติง ข้อห่วงใย เดินตามกรอบ ไทยคงจะไม่เสียเปรียบ

การเจรจาเอฟทีเอกับอียู เป็นข้อตกลงใหญ่ เดิมพันสูง

ต้องทำให้แน่ใจว่าจะไม่เสียเปรียบและคนไทยต้องผิดหวัง


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เอฟทีเอ ไทย-อียู ได้มากกว่าเสีย

view