สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สภาทนายฯชี้รัฐส่อทำเกินกว่าเหตุใช้อาวุธเคมีมีพิษแรง

จาก โพสต์ทูเดย์

สภาทนายความชี้รัฐบาลส่อทำเกินกว่าเหตุ หลังรายงานของแพทย์พบการใช้สารเคมีเพิ่มเติมในแก๊สน้ำตาจนเกิดพิษร้ายแรงต่อผู้ชุมนุม

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.สภาทนายความ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง การใช้อาวุธเคมีต่อต้านกลุ่มผู้ประท้วง โดยมีเนื้อหาดังนี้

ตามที่ปรากฏความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างรัฐบาลและกลุ่มมหาประชาชนที่ใช้ชื่อย่อว่า “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” (“กปปส.”) ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 30 วัน จนถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2556 นี้ ซึ่งกรณีเห็นได้ชัดเจนว่า จุดยืน ความเห็นต่าง การรุก การตอบโต้ การป้องกัน ที่ก่อตัวขึ้นมาจนมีการเสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บมากหลายสิบรายแล้ว นั้น  สภาทนายความเห็นว่าการกระทำ การแสดงออก และการป้องกันตน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ควรอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1.กรณีที่มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยซึ่งในชื่อว่า “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” (“กปปส.”) กับรัฐบาล และมีกรณีบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้น  สภาทนายความเห็นว่ารัฐบาลต้องดำเนินการจัดการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตและผู้ที่บาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะต้องให้การปฏิบัติในการรักษาอย่างทัดเทียมกันของทุกฝ่ายในการรักษาและดูแลผู้ที่ต้องประสบภัยอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม

2.มีข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่าได้มีการใช้แก๊สน้ำตา รวมถึงสารเคมีเพิ่มเติมในแก๊สน้ำตาระดับที่มีความเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งตามคำแถลงของรัฐบาลผ่านประกาศของ ศอ.รส. ว่าดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน นั้น  สภาทนายความขอตั้งข้อสังเกตว่า ตามรายงานทางการแพทย์ที่ได้เผยแพร่ทั้งวาจาและที่เป็นข่าวสารออกมา ปรากฏว่ามีการใช้ส่วนผสมเพิ่มของ Sulfuric Acid เติมเพื่อสร้างความเข้มข้นให้มากขึ้นในกระป๋องแก๊สน้ำตา อันเป็นการทำให้เกิดผลร้ายแก่สุขภาพอนามัยของผู้ต่อต้านรัฐบาล นั้น  โดยหลักการของการใช้อาวุธเคมีซึ่งประเทศไทยเป็นสมาชิกของอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention) อยู่ด้วย นั้น  โดยปกติแก๊สน้ำตาก็ถือเป็นอาวุธเคมีโดยสภาพอยู่แล้ว แต่เฉพาะสารประกอบที่จะใช้ในการต่อต้านกลุ่มผู้ประท้วงต้องเป็นสารประกอบอย่างอ่อน 

ดังนั้นที่รัฐบาลหรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายได้นำสารเคมีอื่นซึ่งเป็นตัวเร่งปฏิกริยา ก่อให้เกิดอาการแสบเคืองตาและมีผลกระทบต่อผิวหนังอย่างรุนแรง ซึ่งสร้างความปวดแสบปวดร้อนมากขึ้นนั้น  เป็นการทำเติมอาวุธเคมีซึ่งถือว่าร้ายแรงอยู่แล้วให้มากขึ้น และหากการกระทำดังกล่าวเป็นจริงโดยที่ไม่ได้แจ้งสูตรและส่วนผสมทางเคมีใหม่กับหมายเลขทะเบียนอาวุธเคมีคือแก๊สน้ำตาที่ได้กระทำไปนั้นโดยที่ยังไม่ได้แจ้งต่อองค์กรหรือคณะกรรมการควบคุมการใช้อาวุธเคมีตามอนุสัญญาดังกล่าวก่อนล่วงหน้าก่อน 30 วันแล้ว จึงจะสามารถใช้อาวุธแก๊สน้ำตาที่ผสมสารประกอบเพิ่มเติมใหม่ได้ ทั้งนี้ตามอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี Article III. DECLARATIONS 1.(e) ของอนุสัญญาดังกล่าว

3.ดังนั้นผลของการกระทำดังกล่าวเมื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานและเผยแพร่ได้รู้เป็นความจริงแล้ว อาจถือได้ว่าการกระทำของรัฐบาลเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุโดยใช้อาวุธเคมีที่มีพิษร้ายแรงและไม่เป็นไปตามขั้นตอนของการบริหารจัดการกลุ่มผู้ประท้วงตามหลักสากล รวมตลอดถึงวิธีการที่ใช้เครื่องกระสุนยิงอาวุธเคมีดังกล่าวไปยังกลุ่มประชาชนโดยตรง ก็เป็นวิธีการที่ไม่ชอบของการสลายการชุมนุมที่ถูกต้องตามหลักการ โดยเฉพาะเมื่อประชาชนไม่มีอาวุธใด ๆ ในการประท้วง  สภาทนายความจึงขอให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่สลายการชุมนุมงดใช้ศาลเคมีใด ๆ ที่จะส่งผลร้ายให้กับผู้เดินขบวนโดยทันที เพื่อป้องกันความผิดพลาดและการกระทำความผิดที่จะมีผลตามมาต่อผู้สั่งการ ผู้ดำเนินการ และผู้ใช้อาวุธเคมีดังกล่าวต่อไป


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : สภาทนายฯ ชี้รัฐ ส่อทำเกินกว่าเหตุ ใช้อาวุธเคมี มีพิษแรง

view