จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

     เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผู้นำหญิงเกาหลีใต้สั่งให้บริษัทเอกชน 2 แห่งล้มเลิกข้อตกลงส่งออก “แก๊สน้ำตา” ไปยังบาห์เรน หลังรัฐบาลโซลมีความกังวลว่าแก๊สน้ำตาที่ผลิตในประเทศของตน อาจถูกตำรวจบาห์เรนนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์และทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ปราศจากอาวุธ
       
       รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ผู้นำหญิงวัย 61 ปี ได้ออกคำสั่งด่วนในวันพฤหัสบดี (9) ที่ระบุให้บริษัทเอกชนสัญชาติเกาหลีใต้ 2 แห่ง ซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อบริษัทต่อสาธารณชนเร่งทำการยกเลิกข้อตกลงในการส่ง ออก “แก๊สน้ำตา” ไปยังประเทศบาห์เรน ราชอาณาจักรริมอ่าวเปอร์เซียในตะวันออกกลาง โดยระบุว่ารัฐบาลเกาหลีใต้มีความกังวลว่าแก๊สน้ำตา “เมด อิน โกเรีย” จะถูกตำรวจบาห์เรน นำไปใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายประชาชนที่ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลด้วยมือ เปล่า
       
       คำสั่งด่วนดังกล่าวของรัฐบาลเกาหลีใต้ ส่งผลให้บริษัทเอกชนที่ไม่เปิดเผยชื่อทั้งสองแห่งได้รับความเสียหายไม่น้อย แต่แหล่งข่าวซึ่งใกล้ชิดกับผู้บริหารของทั้งสองบริษัทเผยว่า ทางบริษัทของตนซึ่งขายแก๊สน้ำตาจำนวนมากให้กับหน่วยงานด้านความมั่นคงของ รัฐบาลบาห์เรนมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลโซล
       
       ด้านรายงานของสื่อในเกาหลีใต้ที่ยังไม่มีการยืนยัน ระบุว่ารัฐบาลเกาหลีใต้พร้อมชดเชยความเสียหายที่เกิดจากการยกเลิกข้อตกลงส่ง ออกแก๊สน้ำตาไปยังบาห์เรน ให้กับเอกชนที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากประธานาธิบดีหญิงพัค กึน-ฮเยไม่ต้องการให้มีพลเรือนผู้บริสุทธิ์ในบาห์เรน ตกเป็นเหยื่อแก๊สน้ำตาจากแดนกิมจิ
       
       ทั้งนี้ ตามกฎหมายด้านความมั่นคงของเกาหลีใต้กำหนดไว้ว่า บริษัทเอกชนสามารถส่งออกแก๊สน้ำตาและอุปกรณ์ที่ใช้ในการ “ควบคุมฝูงชน” ประเภทอื่นๆ ได้ แต่จะต้องได้รับการยินยอมจากรัฐบาลเสียก่อน เนื่องจากส่วนประกอบสำคัญที่บรรจุอยู่ในแก๊สน้ำตานั้น ถือเป็น “สารเคมีสำคัญทางยุทธศาสตร์” ที่รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องมีความรับผิดชอบในการสร้างหลักประกันว่าจะไม่มีการนำ อุปกรณ์เหล่านี้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
       
       ความเคลื่อนไหวล่าสุดของประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย และทางการเกาหลีใต้มีขึ้นหลังจากที่มีรายงานระบุว่า ตำรวจบาห์เรนได้นำเอาแก๊สน้ำตาที่สั่งซื้อจากบริษัทเอกชนของเกาหลีใต้ไปใช้ ผิดวัตถุประสงค์ จนเป็นสาเหตุให้มี “ผู้เสียชีวิตนับสิบราย” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่ออกมาเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลบาห์เรนและเรียกร้องให้มีการ “ปฏิรูป” ในประเทศของตน
       
       ก่อนหน้านี้ กลุ่มเคลื่อนไหวที่เรียกตัวเองว่า “บาห์เรน วอตช์” ได้เปิดแคมเปญรณรงค์ออนไลน์ เพื่อเรียกร้องให้ทางการเกาหลีใต้ยุติการส่งออกแก๊สน้ำตามายังบาห์เรน โดยแคมเปญดังกล่าวมีผู้ที่สนใจตอบรับเข้าร่วมผ่านทางอีเมลมากกว่า 400,000 คน
       
       ด้านองค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ออกคำแถลงในวันพฤหัสบดี (9) แสดงความชื่นชมต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย และรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ยอมสูญเสียรายได้จากการส่งออกแก๊สน้ำตาให้แก่บาห์เรน เพื่อแลกกับการปกป้องประชาชนชาวบาห์เรน จากการตกเป็นเหยื่อของการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยฝีมือของตำรวจ
       
       “การตัดสินใจที่กล้าหาญของเกาหลีใต้ในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่จะช่วยป้องกันมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนใน บาห์เรน” คำแถลงส่วนหนึ่งขององค์การนิรโทษกรรมสากล ระบุ
       
       อย่างไรก็ดี กระทรวงมหาดไทยบาห์เรนออกแถลงการณ์ตอบโต้ โดยยืนยันว่าที่ผ่านมาตำรวจบาห์เรนได้ใช้แก๊สน้ำตาที่สั่งซื้อจากเกาหลีใต้ อย่างระมัดระวัง โดยยืนยันว่าตำรวจบาห์เรนจะยิงแก๊สน้ำตาเฉพาะกรณีจำเป็นเท่านั้น และเป็นการยิงเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยตาม “หลักสากล” มิใช่เป็นการจงใจยิงแก๊สน้ำตาเพื่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายของประชาชน ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงฯ ยังระบุว่า ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเกาหลีใต้ ต่อการล้มเลิกข้อตกลงส่งออกแก๊สน้ำตาดังกล่าว
       
       ทั้งนี้ บาห์เรนซึ่งปกครองโดยราชวงศ์ที่เป็นพวกมุสลิมสุหนี่ กำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญทางการเมือง หลังจากที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศซึ่งเป็นชาวมุสลิมชีอะห์เริ่มลุกฮือขึ้น ต่อต้าน และเรียกร้องสิทธิ์ในด้านต่างๆ จากผู้ปกครองของตน
       
       โดยการลุกฮือขึ้นของประชาชนในบาห์เรนที่เริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่เดือน มีนาคมปี 2011 จนถึงขณะนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 89 ราย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นประชาชนธรรมดาที่ถูกตำรวจบาห์เรนสังหาร

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน