สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

หม่อมอุ๋ย ฟันธงการเมืองใกล้จบ ชี้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต้องเลือกโครงการที่จำเป็น

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร” เชื่อปัญหาการเมืองใกล้จบ เนื่องจากคดีที่เกี่ยวข้องกับ รบ. เริ่มเข้าสู่กระบวนการตาม กม. เรื่องไหนผิดก็ว่าไปตามเนื้อผ้า ชี้หากฝ่าย รบ. ยอมรับเรื่องก็จบ สังคมยอมรับได้ อย่าคิดอะไรวุ่นวาย พร้อมฝากภาคธุรกิจอย่ากังวลโครงการลงทุน 2 ล้านล้าน เนื่องจากผู้ที่จะมาเป็น รบ.ใหม่ต้องเร่งดำเนินการโครงสร้างพื้นฐาน แนะเลือกลงทุนโครงการที่จำเป็น เช่น รถไฟฟ้า 10 เส้นทาง และตัดทิ้งโครงการที่ไมจำเป็น เช่น รถไฟความเร็วสูง กทม.-เชียงใหม่ เพราะแพงกว่าเครื่องบิน แถมใช้เงินสูงถึงกว่า 7 แสนล้าน
       
       ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ควรจะต้องมีรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหารบ้านเมืองโดยเร็ว เพื่อที่จะบริหารประเทศ และขับเคลื่อนโครงการลงทุนที่จำเป็น เพราะหากภายใน 6 เดือนแรกปีนี้ยังไม่มีรัฐบาลใหม่การลงทุนจะชะลอตัวลงมากกว่านี้ โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มเห็นการชะลอตัวลงแล้ว และยังกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ด้วย แม้ว่ายังไม่ติดลบ แต่ถือว่าก็ไม่ค่อยดี ซึ่งเชื่อว่าปัญหาทางการเมืองใกล้จะจบ เนื่องจากคดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเริ่มเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องไหนผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย หากรัฐบาลยอมรับก็จบ สังคมยอมรับได้ อย่าคิดอะไรวุ่นวาย ส่วนเรื่องที่ 6 องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญประกาศแผนโรดแมปทางออกประเทศไทยนั้น เห็นว่าเนื้อหาไม่มีอะไรใหม่
       
       ส่วนการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 เหลือร้อยละ 2 นั้น ถือว่าตัดสินใจถูกต้องแล้ว เพื่อที่จะใช้อัตราดอกเบี้ยในการพยุงเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ไม่ให้เกิด ผลลบ เพราะหากไม่ตัดสินใจลดดอกเบี้ยอาจสร้างปัญหาตามมาได้ สำหรับ กนง.จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ คงขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ กนง.เป็นผู้พิจารณา สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวลดลงจะกระทบส่งผลให้หนี้ภาคครัวเรือนเร่งตัว สูงขึ้นจนน่ากังวลหรือไม่นั้น ยังไม่น่ากังวล เพราะก่อนหน้านี้ ธปท. และธนาคารพาณิชย์ได้เข้ามาดูแลหนี้ครัวเรือนตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2556 และช่วยทำให้หนี้ภาคครัวเรือนเริ่มชะลอความร้อนแรงลง และยังอยู่ในภาวะที่สามารถดูแลได้
       
       ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวแนะนำบทบาทของผู้นำองค์กรภาครัฐวิสาหกิจท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมือง ที่ไม่ปกติว่า ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจต้องวางตัวให้ดีมากๆ อย่าแสดงออกว่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องใช้ไหวพริบ และต้องระวังเรื่องการตัดสินใจ เรื่องที่จะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กร เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปัจจุบันอาจชักนำทำให้เราเสียคนได้ ยกตัวอย่างเช่น กรณีธนาคารออมสิน ปล่อยกู้อินเตอร์แบงก์ให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้มีประชาชนแห่ถอนเงินออกจากออมสินจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นอุทาหรณ์ที่สำคัญในการตัดสินใจของผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ
       
       “เราต้องให้สังคมรู้ว่าเราไม่ได้เข้าข้างเขาด้วย แม้จะเสี่ยงต่อการถูกปลด แต่ถ้ารักษาชื่อเสียงขององค์กรไม่ได้ก็เสี่ยงที่จะอยู่อย่างไม่มีความสุข เช่นกัน”
       
       นอกจากนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังได้กล่าวในการสัมมนาหัวข้อ “การพัฒนาศักยภาพผู้นำ : องค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน” จัดโดยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ระบุว่า แม้ว่าร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนในโครง สร้างพื้นฐาน วงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็ไม่อยากให้นักธุรกิจกังวล เพราะเชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่ต้องสานต่อโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และเดินหน้าต่อได้ด้วยการใช้งบประมาณตามปกติ
       
       โดยรัฐบาลใหม่ควรเร่งโครงการที่จำเป็นก่อน เช่น ท่าเรือปากบารา รถไฟฟ้า 10 เส้นทาง รถไฟทางคู่ ถนน วงเงินลงทุน 1,220,000 ล้านบาท ใช้เวลาลงทุน 6 ปี สามารถกู้เงินภายใต้ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะไม่เกินร้อยละ 20 ของวงเงินงบประมาณ และบางมาตรายังเปิดช่องให้กู้เพิ่มได้อีกร้อยละ 10 ในกรณีมีความจำเป็นต่อประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่เกินกรอบวินัยการคลัง ที่กำหนดหนี้สาธารณะไม่เกินร้อยละ 60 ของจีดีพี
       
       ส่วนโครงการที่ไม่จำเป็นควรชะลอ หรือตัดออกไปก่อน เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงวงเงิน 780,000 ล้านบาท โดยเฉพาะเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นเส้นทางที่ไม่จำเป็น เนื่องจากมีสายการบินต้นทุนต่ำให้บริการ ค่าโดยสารถูกกว่ารถไฟความเร็วสูง และรถไฟที่จำเป็นต่อการขนส่ง คือ รถไฟที่มีหัวรถจักรที่ประสิทธิภาพ และพ่วงขบวนตู้จำนวนมากเพื่อลดต้นทุน ไม่ใช่รถไฟความเร็วสูงที่ใช้ขนคนมากกว่า
       
       “ภาคเอกชนไม่ควรกังวลมากเกินไปว่าความสามารถการแข่งขันของประเทศจะ ด้อยลง เพราะเชื่อว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่จะเร่งดำเนินการลงทุนด้านระบบขนส่งที่จำเป็น อย่างแน่นอน” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : หม่อมอุ๋ย ฟันธง การเมือง ใกล้จบ การลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน ต้องเลือก โครงการที่จำเป็น

view