สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

รักษาความซื่อสัตย์

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ เรื่องเล่าซีอีโอ โดย ซิคเว่ เบรคเก้

กฎข้อที่ 4 ของการเป็นผู้นำ-รักษาความซื่อสัตย์

ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องยาก ยิ่งเมื่อมีความท้าทายเกิดขึ้นกับธุรกิจ เรามักโดนล่อใจให้บิดเบือนสถานการณ์หรือนิ่งเงียบเพื่อสงวนท่าที แต่อย่าทำแบบนั้น เพราะมันคือวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้คุณสูญเสียคนที่ดีที่สุดของคุณไป

การสร้างและทำธุรกิจมักเจอกับสถานการณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนรถไฟเหาะตีลังกา ไม่ว่าคุณจะอยู่ในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใด ความชอบของลูกค้า รสนิยม และกระแสที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีใหม่ที่สร้างความยุ่งยากให้โมเดลธุรกิจที่มีอยู่แล้ว กฎและข้อบังคับใหม่ ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจหรือบริษัทของคุณในฐานะผู้นำ มันเป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องกระตุ้นพนักงานให้เกิดแรงบันดาลใจและรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินร่วมทางไปกับบริษัท ทั้งในขณะที่เส้นทางนั้นโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเส้นทางนั้นขรุขระและเต็มไปด้วยขวากหนาม

แล้วจะให้บอกความจริงที่ไม่น่าฟังในช่วงเวลาที่ธุรกิจกำลังประสบปัญหาเพื่อกระตุ้นพนักงานอย่างนั้นหรือ ? ฟังดูขัดกับสัญชาตญาณและยากที่จะทำ แต่มันได้ผล

ตอนที่ผมรับหน้าที่ควบคุมหางเสือที่ดีแทคกับคุณวิชัย ซึ่งเป็นซีอีโอร่วมของผม เรารู้ว่าเรามีงานที่หนักมากที่ต้องทำ ไม่เพียงแค่เราต้องสร้างวัฒนธรรมใหม่และปรับกลยุทธ์ของบริษัท แต่เครือข่ายของเราโดนมองว่าเชื่องช้าตามหลังคู่แข่ง

เราต้องทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของเครือข่ายในมุมมองของสาธารณชน รวมทั้งต้องจัดการอะไรบางอย่างกับเครือข่ายของเราด้วย ดังนั้น พวกเราได้เชิญพนักงานและพาร์ตเนอร์จำนวน 1,500 คน รวมทั้งสื่อมวลชน 200-300 คนมาร่วมงาน ซึ่งมีแค่คุณวิชัยและผมอยู่บนเวทีและพูดเกี่ยวกับความพยายามของเราที่จะเป็นผู้ให้บริการที่มีคุณภาพดีที่สุดในเมืองใหญ่ที่สุด 10 แห่งในประเทศไทย

การจะทำเช่นนั้นได้ ไม่เพียงอาศัยพันธสัญญาของเราเท่านั้น แต่เราต้องทำให้เกิดเป็นการกระทำที่จับต้องและมองเห็นได้ เครือข่ายของเราต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากขึ้น เราให้สัญญาว่าจะเปิดตัวแทนบริการแห่งใหม่ให้ได้วันละสี่แห่งทุกวันตลอดระยะเวลา 76 เดือน หรือมากกว่า 6,500 แห่งในเวลาหกปี

ต่อจากนั้น พวกเราทำให้ฝ่ายการตลาดไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ เนื่องจากเราไปให้คำสัญญาดังกล่าวผ่านโทรทัศน์ด้วย เราทำภาพยนตร์โฆษณาออกฉายทั่วประเทศวันละ 20 ครั้ง โดยในภาพยนตร์โฆษณามีคุณวิชัยและผมยืนอยู่หน้าแผนที่ประเทศไทย ชี้ให้ทุกคนเห็นว่าที่ใดบ้างที่มีตัวแทนบริการของดีแทคเกิดขึ้นแล้ว

พวกเราอ้างถึงพันธสัญญาที่ได้ให้ไว้ มันไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น มีเพียงแค่เราสองคนพูด แต่มันกลับได้ผล เพราะภาพยนตร์โฆษณาของเรามีกระแสตอบรับสูงกว่าภาพยนตร์โฆษณาอื่น ๆ ทางโทรทัศน์ และเพียงไม่กี่เดือน "ดีแทค" ได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำด้านคุณภาพการบริการ ความซื่อสัตย์ และความตั้งใจของเราที่จะนำดีแทคออกสู่สายตาสาธารณชนนั้น นับได้ว่าประสบความสำเร็จแล้ว

ข้ามไปยังอินเดีย เมื่อกุมภาพันธ์ 2555 ตอนนั้นผมรับผิดชอบบริษัทท้องถิ่นของ "เทเลนอร์" ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม "ยูนินอร์"  โดย 2 ปีครึ่งก่อนหน้านี้ เราเจาะเข้าสู่ตลาดแห่งนี้ และได้สร้างกระแสการเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่เติบโตได้รวดเร็วที่สุด

เรามีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 1-2 ล้านคนทุกเดือน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ศาลฎีกาของ "อินเดีย" ยกเลิกใบอนุญาตด้านโทรคมนาคมที่ออกให้กับผู้ประกอบการทุกรายเมื่อปี 2551 แน่นอน "ยูนินอร์" เป็นหนึ่งในนั้น เนื่องจากการกล่าวอ้างเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของใบอนุญาต ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่เราจะเข้ามาทำธุรกิจในตลาดแห่งนี้

พนักงานของ "ยูนินอร์" จำนวน 2,500 คน รวมถึงคนงานอีกกว่า 15,000 คน ตลอดจนผู้ค้าปลีกอีกนับพันต้องประสบกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ไม่มีใครทราบได้ว่าเราจะสามารถได้ใบอนุญาตคืนมา และดำเนินธุรกิจต่อไปได้หรือไม่

การเผชิญหน้ากับพนักงานของเราในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ในปีนั้น เป็นสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสที่สุดเท่าที่ผมเคยประสบมาในช่วงการทำงานที่อินเดีย คุณจะ "บิด" ประเด็นคำพูดอย่างไรต่อหน้าพนักงานที่รู้ตัวว่าอาจตกงานในอีกสี่เดือนข้างหน้า พวกเขาไม่ต้องการได้ยินว่าทุกอย่างจะราบรื่น ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้น

การยึดมั่นในความซื่อสัตย์เป็นเรื่องยาก แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่เหมาะสม สร้างสรรค์ และนำมาใช้ได้ในขณะนั้น

ผมจึงบอกกับทุกคนว่า "เราโดนเรียกคืนใบอนุญาต แต่เราจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มันกลับคืนมา แต่ผมไม่สามารถการันตีกับคุณได้ว่าคุณจะมีงานทำในอีกสี่เดือนข้างหน้า ถ้านั่นหมายถึงคุณต้องมองหาโอกาสการทำงานในบริษัทอื่น ผมก็เข้าใจคุณ"

ผมบอกกับพนักงานของเราว่าให้ใส่ความมุ่งมั่น 100% เพื่อช่วงชิงชัยชนะในตลาด และในขณะเดียวกัน ผมและทีมงานพร้อมจะทุ่มเท เพื่อจัดการปัญหาเรื่องใบอนุญาตเอง ผมรายงานความคืบหน้าทุกสัปดาห์ ผ่านการประชุมทาวน์ฮอลล์ (การประชุมของพนักงานบริษัท) การโพสต์บนบล็อก และการประชุมทางโทรศัพท์ ผมอัพเดตให้พวกเขารับรู้ว่าสถานการณ์ในตลาดเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งความคืบหน้าในการติดต่อกับภาครัฐ ผู้กำหนดนโยบาย และศาล

แต่ลองจินตนาการ หากว่าคุณเป็นพนักงานของยูนินอร์ในขณะนั้น คุณจะสามารถเข้าใจถึงแรงกดดันที่สูงขึ้นต่อการมุ่งหน้าสู่หนทางที่สดใสและปลอดภัยกว่าเดิม

ในที่สุด มันไม่ใช่เพียงแค่สี่เดือนที่เราไม่มีใบอนุญาต แต่มันเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งปี เราต่อสู้เพื่อการประมูลที่ยุติธรรมและโปร่งใสด้วยการกำหนดราคาของสเปกตรัมที่สมเหตุสมผล

คนของเราร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้สโลแกน "เรารักยูนินอร์" และทำงานหนักขึ้นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน จะว่าไปแล้ว เราทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่ใบอนุญาตโดนยกเลิกเสียอีก

ที่สำคัญที่สุด คนที่เป็นกำลังหลักของเราทั้งหมด ซึ่งพวกสามารถหางานที่ดีในบริษัทที่มั่นคง ได้กลับเลือกที่จะอยู่กับเรา

ทำไม ? เพราะเขาได้เลือกแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงธุรกิจโทรคมนาคมในอินเดีย และเราอยู่ในช่วงที่จะทำให้มันเป็นจริงได้ตอนที่ภาวะวิกฤตนั้นเกิดขึ้น เราเคยชินกับการเป็นไก่รองบ่อน และปัญหาเรื่องใบอนุญาตกลายเป็นอุปสรรคอีกอย่างที่เราต้องก้าวข้ามไปให้ได้

เราปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพในความตรงไปตรงมา ความซื่อสัตย์ และความโปร่งใส เราไม่ได้กุเรื่องราวขึ้นมาเพื่อหวังให้ใครรู้สึกดี แต่เราพูดความจริงในทุก ๆ โอกาส เราแก้ไขความเข้าใจผิด และอธิบายจุดยืนของเรา ไม่ใช่เพียงแค่กับพนักงานของเราเท่านั้น แต่กับพาร์ตเนอร์ของเราทั้งหมด

ทั้งผู้ขาย ผู้กระจายสินค้า ผู้ค้าปลีก และครอบครัวของพวกเขา

มนุษย์เข้มแข็งกว่าที่เราคิดนัก พวกเขาสามารถรับมือกับความจริงได้ พวกเขาต้องการรู้ว่าเขาทำงานเป็นอย่างไร และเขาก็ต้องการรู้ว่าการทำงานของเขามีส่วนช่วยบริษัทได้อย่างไรบ้าง

คำพูดสองความหมาย และความจริงแค่ครึ่งเดียว ก่อให้เกิดความหวาดระแวง และความรู้สึกไม่มั่นคง แต่ความโปร่งใสก่อให้เกิดการทำงาน ความภักดี และการมีส่วนร่วม ดังนั้น คำแนะนำของผม คือให้ความเคารพแก่คนของคุณ โดยยึดมั่นต่อความซื่อสัตย์ คนของคุณสามารถรับมือกับมันได้ และเขาจะตอบแทนคุณอย่างดี


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : รักษาความซื่อสัตย์

view