ปปง.ค้นบ้านคนสนิท ศุภชัย -ยธ.อายัดที่ดินลูกสาวแลนด์แอนด์เฮาส์
จาก โพสต์ทูเดย์
รองปลัดยธ.ตรวจเอกสารการขายที่ดิน 8 แปลงอ.คลองหลวงพบ"ศุภชัย"ซื้อแล้วขายต่อให้ลูกสาวแลนด์แอนด์เฮาส์ ด้านปปง.ลุยเชียงใหม่ยึดอายัดที่ดิน-ทรัพย์สินคนใกล้ชิด
วันที่ 27 มี.ค. พ.ต.อ.ดุษฏี. อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กำกับดูแลอาชญากรรมพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ พนักงานสอบสวนคดียักยอกฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เข้าตรวจสอบโฉนดที่ดินที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ ที่ยักยอกเงินโดยการสั่งจ่ายเช็คจากสหกรณ์ฯมาซื้อที่ดินและโอนขายต่อให้กับน.ส.อลิสา อัศวโภคิน บุตรสาวของนายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของบริษัทแลนด์แอนด์เฮาส์ รวม 8 แปลง ราคาขาย 298 ล้านบาท โดยหลังการขายที่ดินไม่ปรากฎหลักฐานว่านายศุภชัยนำเงินกลับคืนให้กับสหกรณ์
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า การโอนที่ดิน 8 แปลงนี้ ทำเมื่อ 7 มิ.ย. 56. หลังนายศุภชัยถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ ตั้งแต่ 19 เม. ย.56. พฤติการณ์ของนายศุภชัยจึงเข้าองค์ประกอบการฟอกเงิน โดยนำเงินจากการกระทำผิดไปซื้อที่ดิน และขายเปลี่ยนมือเพื่อฟอกเงิน. นอกจากนี้ในการตรวจสอบโฉนด. ยังพบข้อพิรุธจากรูปแปลงที่ดินทั้ง 8 แปลง ซึ่งมีการโอนขายในลักษณะฟันหลอ หรือซื้อแบบแปลงเว้นแปลง. ผิดปกติวิสัยการกว้านซื้อที่ดินของบริษัทอสังหาริมทรัพย์. เมื่อเรียกตรวจโฉนดแปลงที่เป็นฟันหลอ. จึงพบว่ามีชื่อนายศุภชัยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินอีก 9 แปลง. ดังนั้นดีเอสไอจะเรียกบุคคลที่มีชื่อถือครองที่ดินร่วมกับนายศุภชัยในแปลงอื่นทั้งหมดมาตรวจสอบว่าเป็นนอมินีหรือไม่ รวมถึงเรียกน.ส.อลิสาเข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอด้วย
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวอีกว่า ตนยังมอบหมายให้ดีเอสไอกับปปง.ร่วมตรวจสอบการโอนขายที่ดินทุกแปลงของนายศุภชัย ตั้งแต่ปี 52-56.โดยจะรื้อตรวจในสารบบ แบบวันต่อวันว่านายศุภชัยมีการครอบครอง และโอนขายไปให้กับใครบ้าง. และมีการซื้อขายกันจริงงหรือไม่ เพื่อยึดทรัพย์จากการกระทำผิดเพิ่มเติม เบื้องต้นพบที่ดินในชื่อของนายสถาพร วัฒนาศิรินุกูล อดีตพระวัดธรรมกายอีก 7-8 แปลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการตรวจสอบเอกสารโฉนดที่ดินพ.ต.อ.ดุษฎี และพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพิกัดที่ดินทั้ง 8 แปลงที่นายศุภชัยใช้เงินยักยอกสหกรณ์ฯคลองจั่น มาซื้อและขายให้กับนส. อลิสา โดยที่ดินจริงอยู่ติดรั้ววัดพระธรรมกาย มองเห็นวิหารแม่ชีจันทร์ขนนกยูง อย่างชัดเจน
วันเดียวกัน พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจสอบบ้านพักของนาง ปทุมพร บุตรศรี เลขที่55หมู่11ต.สันโป่ง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เนื้อที่กว่า 3 ไร่ โดยเปิดเป็นสำนักทรง มีอาคารซึ่งเป็นตึก2ชั้น มีโรงจอดรถยนต์ เนื่องจากมีข้อมูลว่า นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ผู้ต้องหาคดียักยอกและฉ้อโกงเงินสหกรณ์เครดิตฯได้นำทองรูปพรรณรวมทั้งทรัพย์สินจำนวนมากมาไว้ที่บ้านของนางปทุมพร ในช่วงระหว่างปี 2555-2556 โดยนางปทุมพรมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายศุภชัย ซึ่งจากการตรวจค้นพบกระเป๋าแบรนเนมกว่า 40 ใบ รถยนต์หรู 12 คัน และทองรูปพรรณ นอกจากนี้ยังพบอีกว่านายศุภชัยได้นำเงินที่ยักยอกมาซื้อที่ดินจำนวน 45 ไร่โดยใช้ชื่อของนางปทุมพรด้วย อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำนางปทุมพรเบื้องต้นระบุว่านายศุภชัยเป็นลูกศิษย์ เคยมาพบและนำเงินมาร่วมทำบุญ 3-4 ครั้ง ส่วนทรัพย์สินที่ตรวจพบเป็นทรัพย์สินที่ลูกศิษย์มอบให้ ซึ่งมีหลายรายการ
"กรณีนางปทุมพร ปปง.จะต้องตรวจสอบว่าทรัพย์สินที่อ้างว่าลูกศิษย์นำมามอบให้มีอะไรบ้างโดยต้องเรียกลูกศิษย์มาสอบปากคำ ซึ่งทรัพย์สินที่พบส่วนใหญ่เป็นเครื่องทองและมีขนาดใหญ่น้ำหนักชิ้นละ5-10บาท รวมทั้งกระเป็นแบรนด์เนมหลายยี่ห้อกว่า40ใบ"
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินของนางผกามาศ อมรวงศ์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 8 กิโลเมตร และได้อายัดเงินสด 2 แสนบาท รถยนต์ 1คัน และทอง 5 บาท โดยในวันนี้ปปง.ได้เข้าตรวจค้นทั้งหมด 4 จุด อยู่ระหว่างการทำรายการทรัพย์สินและประเมินราคาทรัพย์ ซึ่งหลังจากนี้ปปง.จะเปิดโอกาสให้เจ้าของทรัพย์ชี้แจงที่มาของทรัพย์ภายใน 90 วัน หากชี้แจงได้ปปง.ก็จะเพิกถอนการอายัด
ยัน'ศุภชัย'ยักยอกเงินสหกรณ์ฯคลองจั่นซื้อ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
รองปลัดยธ.นำทีมตรวจสอบที่ดิน8แปลง ในเขตคลองหลวง เนื้อที่รวม50ไร่ พบอดีตผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน นำไปหาขายต่อให้คนอื่นมูลค่า 300 ล้าน
พ.ต.อ.ดุษฏี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กำกับดูแลอาชญากรรมพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตัวแทน จาก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) เข้าตรวจสอบโฉนดที่ดินที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด ใช้เงินที่ยักยอกจากสหกรณ์ฯ ซื้อและโอนขายต่อ
ข้อมูลเบื้องต้นพบที่ดิน 8 แปลงที่ ต. คลองสาม อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี. เนื้่อที่ 50 ไร่ ที่อยู่ในข่าย โดยนายศุภชัย ได้ทำการโอนขายต่อให้ น.ส.อลิสา อัศวโภคิน มีการทำสัญญาซื้อขายรวม 300 ล้านบาท โดยไม่พบการโอนเงินที่ขายที่ดินได้เข้าสหกรณ์ฯ การโอนที่ดิน 8 แปลงนี้ ทำเมื่อ 7 มิ.ย. 2556 หลังจากนายศุภชัย ตกเป็นผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ฯคลองจั่น ตั้งแต่ 19 เม. ย.56. จึงประจักษ์ชัดว่าเข้าองค์ประกอบการฟอกเงิน โดยนำเงินจากการกระทำผิดไปซื้อและขายที่ดินเพื่อฟอกเงิน
นอกจากนี้ ในการตรวจสอบโฉนด ยังพบข้อพิรุธที่การโอนที่ดิน 8 แปลง โอนลักษณะฟันหลอ หรือเว้นบางแปลง เมื่อเรียกตรวจโฉนดที่ฟันหลอ จึงพบว่า มีชื่อนายศุภชัย เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่ ซึ่งต้องเรียกตรวจสอบผู้มีชื่อร่วมกับ นายศุภชัยในแปลงอื่นทั้งหมดว่าเป็นตัวแทนหรือไม่ โดยดีเอสไอกับ ปปง. จะร่วมกันตรวจสอบการโอนขายที่ดินทุกแปลงของนายศุภชัย ตั้งแต่ปี 2552-2556 โดยจะรื้อตรวจในสารบบ แบบวันต่อวัน ว่านายศุภชัยมีการครอบครอง และโอนขายไปให้กับใครบ้าง และมีการซื้อขายกันจริงหรือไม่ เพื่อยึดทรัพย์จากการกระทำผิดเพิ่มเติม
สำหรับ พิกัดที่ดินทั้ง 8 แปลง ที่นายศุภชัย ใช้เงินยักยอกสหกรณ์ฯคลองจั่น ซื้อและขายให้ น.ส. อลิสา ที่ดินจริงอยู่ติดรั้ววัดพระธรรมกาย มองเห็นวิหารแม่ชีจันทร์ขนนกยูง อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันยังพบเส้นทางการถ่ายโอนโฉนดที่ดินจากนายศุภชัย ไปยังบุคคลอื่น ๆก่อนหน้าปปง.จะเข้าตรวจค้นสหกรณ์เมื่อปี 2556 การมีความสัมพันธ์
ระหว่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐีซึ่งมีที่ตั้งอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นและวัดพระธรรมกาย เนื่องจากในชั้นสืบสวนปรากฎข้อมูลความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างกัน
ปปง.ยึดทรัพย์กิ๊ก"ศุภชัย"มูลค่านับ10ล้าน
วันเดียวกัน พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ ปปง.,เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ,ตำรวจ และทหาร เข้าตรวจสอบ บ้านเลขที่ 55 หมู่ที่ 11 ต.สันโป่ง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นของ นางปทุมพร บุตรศรี ที่เปิดเป็นสำนักทรงเจ้า หลังจากมีข้อมูลว่า นางปทุมพร มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ผู้ต้องหาคดียักยอกและฉ้อโกงเงินสหกรณ์ฯ และอาจจะมีการถ่ายโอนทรัพย์สินจำนวนมาก มาไว้ที่นางปทุมพร ในช่วงระหว่างปี 2555-2556
พ.ต.อ.สีหนาท เผยว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ หลังจากสืบสวนทราบว่า นายศุภชัย มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนางปทุมพร โดยอาจจะมีการนำเงินและทรัพย์สินมาฝากไว้ เบื้องต้น ตรวจพบทรัพย์สินมีค่าจำนวนมาก ทั้งกระเป๋าแบรนด์เนม รถยนต์หรู ทองรูปพรรณ และที่ดิน มูลค่ารวมหลายล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดการทำรายการทรัพย์และยึดอายัดทรัพย์ไว้ เพื่อตรวจสอบ พร้อมทั้งให้มีการพิสูจน์ทรัพย์ว่า การได้มาเป็นไปโดยสุจริตหรือไม่ หากได้มาโดยถูกต้อง ก็จะยกเลิกการอายัด แต่หากไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็ต้องยึดเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินต่อไป
"จากการสอบปากคำ นางปทุมพร ในเบื้องต้นอ้างว่า นายศุภชัย เป็นลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่เคยมาพบ 3-4 ครั้ง และร่วมบริจาคทำบุญกับทางสำนัก ขณะที่ทรัพย์สินจำนวนมากของสำนักทรง ก็ได้มาจากการบริจาคของลูกศิษย์อีกหลายรายรวมกัน ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด และอาจจะมีการเชิญศิษย์คนอื่นๆ มาให้ปากคำด้วย"พ.ต.อ.สีหนาท กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการเข้าตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งมีพื้นที่รวมประมาณ 4 ไร่ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการอายัดทรัพย์สินหลายรายการ เช่น กระเป๋าหรูแบรนด์เนมกว่า 40 ใบ,รถยนต์หรู 7 คัน,รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 5 คัน และทองรูปพรรณอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปตรวจสอบหาแหล่งที่มา นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบที่ดินที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน รวมหลายสิบไร่อีกด้วย ทั้งนี้ จากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งหมด คาดว่า จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ปปง.บุกยึดทรัพย์บ้านคนใกล้ชิด'ศุภชัย'ที่จ.เชียงใหม่
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ป.ป.ง.บุกยึดทรัพย์บ้านคนใกล"ศุภชัย"ที่จ.เชียงใหม่ ยึดกระเป๋าแบรนด์เนม40ใบ บ้าน ที่ดิน รถยนต์ ทองคำ พร้อมเรียกเจ้าของทรัพย์สินแจงภายใน 90 วัน
พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจสอบบ้านพักของนางปทุมพร บุตรศรี เลขที่ 55 หมู่11 ต.สันโป่ง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เนื้อที่กว่า 3 ไร่ โดยเปิดเป็นสำนักทรงเจ้ มีอาคารซึ่งเป็นตึก 2 ชั้น มีโรงจอดรถยนต์ เนื่องจากมีข้อมูลว่า นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ผู้ต้องหาคดียักยอกและฉ้อโกงเงินสหกรณ์ฯได้นำทองรูปพรรณ รวมทั้งทรัพย์สินจำนวนมากมาไว้ที่บ้านของนางปทุมพร ในช่วงระหว่างปี 2555-2556 โดยนางปทุมพรมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายศุภชัย ซึ่งจากการตรวจค้นพบกระเป๋าแบรนเนมกว่า 40 ใบ รถยนต์หรู 12 คัน และทองรูปพรรณ นอกจากนี้ยังพบอีกว่านายศุภชัยได้นำเงินที่ยักยอกมาซื้อที่ดินจำนวน 45 ไร่โดยใช้ชื่อของนางปทุมพรด้วย อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำนางปทุมพร เบื้องต้นระบุว่านายศุภชัยเป็นลูกศิษย์ เคยมาพบและนำเงินมาร่วมทำบุญ 3-4 ครั้ง ส่วนทรัพย์สินที่ตรวจพบเป็นทรัพย์สินที่ลูกศิษย์มอบให้ ซึ่งมีหลายรายการ
“กรณีนางปทุมพร ปปง.จะต้องตรวจสอบว่าทรัพย์สินที่อ้างว่าลูกศิษย์นำมามอบให้มีอะไรบ้าง โดยต้องเรียกลูกศิษย์มาสอบปากคำ ซึ่งทรัพย์สินที่พบส่วนใหญ่เป็นเครื่องทองขนาดใหญ่. น้ำหนักทองคำชิ้นละ 5-10 บาท รวมทั้งกระเป๋าแบรนด์เนมหลายยี่ห้ออีกกว่า 40 ใบ” เลขาธิการสำนักงานปปง. กล่าว
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินของนางผกามาศ อมรวงศ์ หญิงสาวใกล้ชิดนายศุภชัยอีก 1 ราย ซึ่งมีบ้านตั้งอยู่ห่างออกไปจากบ้านของนางปทุมพรประมาณ 8 กิโลเมตร และได้อายัดเงินสด 200,000 บาท รถยนต์ และทองคำน้ำหนัก 5 บาท โดยในวันนี้ปปง.ได้เข้าตรวจค้นทั้งหมด 4 จุด อยู่ระหว่างการทำรายการทรัพย์สินและประเมินราคาทรัพย์ ซึ่งหลังจากนี้ปปง.จะเปิดโอกาสให้เจ้าของทรัพย์ชี้แจงที่มาของทรัพย์ภายใน 90 วัน หากชี้แจงได้ปปง.ก็จะเพิกถอนการอายัด
เปิดหลักฐาน"ศุภชัย"ชิงขายที่ให้ลูกสาว"อนันต์ อัศวโภคิน"298 ล.หลังเจอคดียักยอก
เขียนวันที่วันพฤหัสบดี ที่ 26 มีนาคม 2558 เวลา 20:00 น.เขียนโดยisranews
ดูชัดๆ หลักฐานมัด "ศุภชัย" ชิงขายที่ดิน 57 ไร่ ข้างวัดพระธรรมกาย ให้ ลูกสาว"อนันต์ อัศวโภคิน"298 ล. หลังเจอคดียักยอกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
นอกเหนือจากทรัพย์สินจำนวนหลายร้อยรายการ รวมวงเงินหลายพันล้านยาท อันได้แก่ ใบหุ้นบริษัทเอกชน ที่ดิน ของมีค่า ของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธาน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น หนึ่งในผู้ต้องหาคนสำคัญในคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นวงเงินนับหมื่นล้านบาท ที่ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ออกคำสั่งอายัดไว้แล้ว
ยังมีที่ดินอีกจำนวนหนึ่ง ของนายศุภชัย ที่ขายต่อให้กับลูกสาวของเจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของไทย และยังไม่ได้ถูก ปปง.ออกคำสั่งอายัดไว้
ทั้งที่ การซื้อขายที่ดินดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงหลังจากที่นายศุภชัย ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดียักยอกทรัยพ์ อย่างเป็นทางการแล้ว ประมาณเกือบ 3 เดือนเศษ
ข้อเท็จจริงปรากฎตามข้อมูลที่ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบล่าสุดดังนี้ คือ
ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.56 หลังจากที่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ถูกคณะกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ในข้อหายักยอกทรัพย์และฉ้อโกง กรณีที่มีการนำเงินของสหกรณ์ไปลงทุนหุ้น ที่ดิน รวมทั้งนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ฯ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2556
นายศุภชัย ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินจำนวน 8 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ ในตำบลคลอง 3 อำเภอคลองหลวง ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดพระธรรมกาย ให้กับ นางสาวอลิสา อัศวโภคิน ลูกสาวนายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของไทย โดยหนังสือสัญญาฉบับดังกล่าว ลงวันที่ 7 มิ.ย.56
จากการตรวจสอบหนังสือสัญญาขายที่ดิน ดังกล่าว มีการระบุเลขที่โฉนดที่ดิน จำนวน 8 แปลง ที่มีการตกลงซื้อขายกัน คือ 101460 ,101461 , 101462 , 152624 ,4519 ,101455 , 101456 และ 152626 โดยปรากฎชื่อนายวสินธุ์ เหมือนเกียรติ ทำหน้าที่เป็นตัวแทน ทั้งฝ่าย นายศุภชัย "ผู้ขาย" กับ นางสาวอลิสา "ผู้ซื้อ"
โดยตกลงราคาซื้อขายกันเป็นเงิน 298 ล้านบาท ระบุว่าผู้ซื้อได้ชำระเงินค่าที่ดินให้ผู้ขายเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยที่ดินทั้งหมด ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ไม่มีการเช่า ไม่ค้างชำระภาษีบำรุงท้องที่
ขณะที่นายศุภชัย "ผู้ขาย" ได้ที่ดินเหล่านี้มาโดยการซื้อเมื่อ พ.ศ.2552
(ดูสัญญาซื้อขายที่ดินประกอบ)
จากการตรวจสอบด้านหลังโฉนดที่ดิน ทั้ง 8 แปลง พบว่า เป็นของคนในตระกูล "มากรุ่น" โดยขายต่อให้กับนายศุภชัย เมื่อวันที่ 27 ส.ค.52 ก่อนที่นายศุภชัย จะขายต่อให้กับ นางสาวอลิสา รวมแปดโฉนด เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.56
(ดูตัวอย่างโฉนดที่ดินประกอบ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา5 กำหนดว่า ผู้ใด
(1) โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ
(2) กระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้งการจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
เจาะคำสั่งอายัดทรัพย์ "ศุภชัย-พวก" 4.4พันล. เหลือ "ธรรมกาย" ตามคืนไม่ได้
เขียนวันที่วันพุธ ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:00 น.เขียนโดยisranews
เจาะคำสั่ง ปปง.อายัดทรัพย์ "ศุภชัย-พวก" คดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ล่าสุด 679 รายการ รวมราคาประเมิน 4,407 ล้าน "ที่ดิน-รถยนต์-เงินฝาก"เพียบ เหลือเงินบริจาค "วัดพระธรรมกาย-ธมมชโย" ยังเอาคืนไม่ได้!
หลายคนอาจจะได้เห็นข้อมูลเช็ค 11 ใบ รวมวงเงิน 1,112,180,811 บาท ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธาน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เซ็นจ่ายเช็คเงินให้กับ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ชื่อเดิมหลวงพ่อธมมชโย ปัจจุบันคือพระเทพญาณมหามุนี) วัดพระธรรมกาย นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ สหกรณ์บริการชุมชน รัฐประชา จำกัด และเครือข่ายๆ อื่น ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำมาเปิดเผยกันไปแล้ว
( อ่านประกอบ : โชว์เช็ค 11 ใบพันล.! “ศุภชัย”เซ็นจ่ายถึง“ธมมชโย-ธรรมกาย-เครือข่าย” )
แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า เงินส่วนอื่นที่ถูกยักย้ายถ่ายเทออกมาและสร้างความเสียหายให้กับของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวมวงเงินกว่า 1.04 หมื่นล้านบาท ตามข้อมูลการสอบสวนเส้นทางการเงินของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปอยู่ที่ไหนบ้าง?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลในคำสั่งอายัดทรัพย์สิน ของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร และพวก ที่ถูก ปปง.ออกคำสั่งอายัดไว้ (เป็นทางการ) พบว่ามีรายละเอียดดังนี้
ปี 2556
ปปง.ออกคำสั่งอายัดทรัพย์ครั้งแรก ที่ ย.36 /2556 ลงวันที่ 19 ก.ค.56 รวมจำนวน 326 รายการ รวมราคาประเมิน 488,281,965.81 บาท (บางส่วนยังไม่ได้ประเมินราคา)
แบ่งเป็นที่ดิน ใน จ.กาจนบุรี นครราชสีมา ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา พิจิตร อยุธยา นครสวรรค์ ชลบุรี และเขตบางกะปิ ในกทม. , ห้องชุด เลขที่ 57/114 ชั้น 6 อาคาร 1 รามาลิฟวิ่งเพชส , เงินฝากในบัญช่ธนาคาร 9 บัญชี
ในชื่อของนนายศุภชัย , น.ส.ศรัณยา มานหมัด (รองผู้จัดการสหกรณ์)
และรถยนต์อีก 8 คัน ในชื่อของ นายศุภชัย ,นายลภัส โสมคำ (เลขานุการสหกรณ์) , นายกฤษฎา มีบุญมาก และน.ส.สุจินดา ศรีศุภอักษร (น้องสาว) รวมวงเงิน 2,270,000 บาท
ก่อนจะมีคำสั่งที่ ย.49 /2556 อายัดที่ดิน ชื่อ ของ นายศุภชัย ใน กทม. 1 แปลง และที่ดินจ. นครราชสีมาอีก 63 แปลง รวมจำนวน 64 รายการ รวมราคาประเมิน ทั้งสิ้น 42,178,700 บาท
ทำให้ยอดทรัพย์สินส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 398 รายการ รวมราคาประเมินเพิ่มขึ้นเป็น 532,730 ,665.81 บาท
ก่อนที่ปปง. จะออกคำสั่งเพิกถอนการอายัดทรัพย์ที่ดิน จำนวน 87 รายการ รวมราคาประเมิน 10,052,240 บาท
ทำให้ทรัพย์สินส่วนนี้ ที่ถูกอายัดไว้ เหลือ 311 รายการ รวมราคมประเมิน 520,408,425.81 บาท (มีทรัพย์สินอีกบางส่วนยังไม่ได้ประเมินราคา)
ต่อมา ปปง. ออกคำสั่งอายัดเพิ่ม ที่ ย.65/2556 วันที่ 4 ก.ย.56 เป็นรถยนต์ จำนวน 19 รายการ ในชื่อของ นายณัคร มานหมัด นางสาวจุฬาภรณ์ จงไพศาล (รอการประเมินราคา)
และบัญชีเงินฝาก จำนวน 2 รายการ ของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร และนายณัคร มานหมัด รวมวงเงิน 405,151.69 บาท
ก่อนจะออกคำสั่งอายัดเพิ่ม ที่ ย.76 /2556 เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2556 จำนวน 37 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้น 227,980,217.33 บาท
แบ่งเป็นรถยนต์ จำนวน 6 รายการ ในชื่อของ นางผกามาศ ไชยสงคราม นางสาวจุฬาภรณ์ จงไพศาล นายวัฒน์ชานนท์ นวอิศรารักษ์ (อดีตผู้ช่วยรมต.) (ราคาอยู่ระหว่างรอประเมิน) และโฉนดที่ดนิ 31 รายการ ในชื่อของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร นางสาวศรีญยา มานหมัด นายณัคร มานหมัด นายกฤษฎา มีบุญมาก บริษัท เอ็ม-โฮมเอสพีวี 2 จำกัด นายธวัชกิตตน์ ธนานันท์ตระกูล นายจรเดช วรเพียรกุล
ในปี 2557
ปปง.ออกคำสั่งฉบับใหม่ ที่ ย.6 /2557 ลงวันที่ 21 ม.ค. 57 อายัดทรัพย์เพิ่มเติม 2 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้น 86,122,283.35 บาท
ได้แก่ 1.ตั๋วแลกเงินของธนาคารทิสโก จำกีด ยอดเงินคงเหลือ 36,122,283.35 บาท และหุ้นในบริษัท เอ็มโฮม เอสพีวี 2 จำกัด จำนวน 5 ล้านหุ้น หุ้นละ 10 บาท รวมวงเงิน 50 ล้านบาท นายบรรลือ กองไชย เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ (พร้อมดอกผล)
และคำสั่งที่ ย.25/2557 ลงวันที่ 13 ก.พ.57 อายัดหุ้นในบริษัทเอกชน จำนวน 46 รายการ รวมมูลค่า 2,318,906,940 บาท ที่ชื่อของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร และผู้เกี่ยวข้อง
ได้แก่ บริษัท อนันตศิลาบารมี จำกัด บริษัทยูเนี่ยนอินเตอร์ ประกันภัย จำกัด บริษัท ศรีศุภากร โฮลดิ้ง จำกัด บริษัท ไทยปิโตรพลัส เอ็กซพลอเรชั่น แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และหจก.อุสราฤทธิ์
ตามด้วยคำสั่งที่ ย.43 /2557 ลงวันที่ 12 มี.ค.57 อายัดที่ดิน จำนวน 257 รายการ รวมราคาประเมิน 15,240,675 บาท ในชื่อของนายกรณ์ฐธัน ธนานันท์ตระกูล , สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนรัฐประชา จำกัด , บริษัท รัฐประชา จำกัด และ นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์
และคำสั่งที่ ย.75 /2557 ลงวันที่ 29 เม.ย.57 อายัดที่ดิน เพิ่มอีก 19 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้น 17,868,010 บาท ของนายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนรัฐประชา จำกัด
ปี 2558
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ก.พ.58 ปปง.ได้ออกคำสั่งอายัดทรัพย์สินเพิ่มอีก 5 รายการ เป็นวงเงินกว่า 1,221.6 ล้านบาท ได้แก่
1. หุ้นในบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 11,100,000 หุ้น มีนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ รวมมูลค่า 1,110 ล้านบาท
2. หุ้นในบริษัท ไทยยูทีวี จำกัด จำนวน 41,000 หุ้น ซึ่งมีนางชญาดา วรวิริยะฉัตร เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ รวมมูลค่า 4.1 ล้านบาท
3. หุ้นในบริษัท ยูบาย จำกัด จำนวน 1 ล้านหุ้น มีนางชญาดา เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ รวมมูลค่า 100 ล้านบาท
4. หุ้นในบริษัท ยูบาย จำกัด จำนวน 50,000 หุ้น มีนางพิมพ์นภัส ปัทมะสังข์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ รวมมูลค่า 5 ล้านบาท
5. หุ้นในบริษัท บลูสกาย จำกัด จำนวน 25,000 หุ้น มีนายศุภชัย เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ รวมมูลค่า 2.5 ล้านบาท
หากนับทรัพย์สินของ นายศุภชัย และพวก ที่ถูกปปง.ออกคำสั่งอายัดไว้ทั้งหมด ณ ปัจจุบัน มีจำนวน 679 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นกว่า 4,407 ล้านบาท (ทรัพย์สินบางส่วนยังไม่ได้มีการประเมินราคา รวมถึงทรัพย์สินในตู้เซฟ ของ บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด) (อ่านประกอบ : บ.อดีตพระธรรมกาย ก่อน ปปง.เจาะตู้เซฟ ทำธุรกิจเกษตร มีเงินให้กู้ 5.1 พันล.)
ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. ได้ระบุในสำนวนการสอบสวนคดีนี้ว่า ได้รับการร้องเรียนจากนายอารีย์ แย้มบุญยิ่ง ผู้รับมอบอำนาจจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กรณีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานสหกรณ์ฯ นางสาวศรัณยา มานหมัด รองผู้จัดการสหกรณ์ ได้ร่วมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับการยักยอก และเบียดบังเงินของสหกรณ์ไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่น ทำให้ได้รับความเสียหาย
โดยผลการตรวจสอบ พบว่า นายศุภชัย นางสาวศรัณยา และนายลภัส โสมคำ เลขานุการสหกรณ์ ได้กระทำการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายจากการปฎิบัติหน้าที่ โดยนายศุภชัย และนางสาวศรัณยา ร่วมกันนำเงินที่สมาชิกหรือลูกค้านำมาฝากสหกรณ์ไปเป็นของตนกับพวก ไม่นำส่งมอบให้แก่สหกรณ์ รวมทั้งได้จัดทำเอกกสารทางการเงินขึ้นมาว่าเป็นเงินทดรองจ่าย ซึ่งไม่มีระเบียบและกฎหมายกำหนดไว้ ทำให้สหกรณ์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 1,921,740,162 บาท โดยเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระรวมจำนวน 83 กรรม
นอกจากนี้ นายศุภชัย และนางสาวศรัณยา ยังได้นำเช็คธนาคารต่างๆ ซึ่งเป็นของสหกรณ์ไปเบิกเงินจากธนาคารและนำเงินดังกล่าวไปเป็นของตนเองกับพวก โดยไม่นำส่งมอบให้กับสหกรณ์ตามระเบียบ และได้จัดทำเอกสารทางการเงินขึ้นมาว่าเป็นเงินทดลองจ่าย ซึ่งไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมายทำให้สหกรณ์ได้รับความเียหายเป็นเงิน 10,481,166,996.01 บาท อันเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระรวมจำนวน 323 กรรม
โดยนายศุภชัย และนางสาวศรัณยา ทราบดีว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงิยของสหกรณ์ ซึ่งมีที่มาจากการระดมเงินฝากจากสมาชิก แต่กลับนำเงินดังกล่าวไปแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ ทำให้สมาชิกไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ควรจะได้รับ และยังส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของสหกรณ์ด้วย
นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบยังพบว่า ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ประธานสหกรณ์ นั้น นายศุภชัย ได้ร่วมกับนายลภัส โสมคำ นายธนากร นำบัณฑิต และนายกฤษฎา มีบุญมาก กระทำการมิชอบหรือทุจริตในการอนุมัติสินเชื่อของสหกรณ์ให้กับบริษัทต่างๆ กู้เงินโดยไม่มีหลักประกันดำเนินการปกปิดและจัดทำเอกสารเท็จ โดยบริษัทที่ปรากฎชื่อในสัญญากู้ยืมเงินแจ้งว่าไม่เคยกู้ยืมเงินของสหกรณ์
เช่น นายประดิษฐ์ อภิวัฒน์ชาติ กรรมการบริษัทยูเนี่ยนอินเตอร์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ปฏิเสธว่า ลายมือชื่อในสัญญาเงินกู้ระหว่างบริษัทฯ กับสหกรณ์ ไม่ใช่ลายมือของตนเอง และได้ไปร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว
ปปง.ยังระบุด้วยว่า จากข้อมูลดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่านายศุภชัย และผู้เกี่ยวข้อง มีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา โดยกระทำต่างกรรมต่างวาระกันต่อเนื่องเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับความเสียหาย และมูลค่าทรัพย์สินมีจำนวนมาก
ปปง.จึงอาศัยอำนาจตามกฎหมาย ในการติดตามอายัดทรัพย์สินของนายศุภชัย และพวก รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่ายโอนด้วยประการใดๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว รวมถึงสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ในจำนวนเงินของสหกรณ์ฯ ที่ถูกยักยอกไป ปปง.ตรวจสอบพบว่า มีการโอนเงินบริจาคเข้าบัญชีโดยตรงของพระธัมมชโยกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมที่ดินที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีผู้รับบริจาคอย่างน้อย 3 ส่วนคือ วัดธรรมกาย พระธมมชโย และพระปลัดคนที่ใกล้ชิดพระธัมมชโย
แต่ทาง ปปง. ไม่สามารถอายัดทรัพย์ได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขกฎหมายที่ระบุว่า ห้ามยึดธรณีสงฆ์ เพราะถือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินอยู่แล้ว
ปัจจุบันเงินบริจาคถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างอาคารสถานที่ต่างๆ แล้ว
โชว์เช็ค 11 ใบพันล.! “ศุภชัย”เซ็นจ่ายถึง“ธมมชโย-ธรรมกาย-เครือข่าย”
เขียนวันที่วันอาทิตย์ ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 17:30 น.เขียนโดยisranews
โชว์หมดเช็ค 11 ใบ กว่าพันล้าน! “ศุภชัย” เซ็นจ่ายถึง “วัดธรรมกาย-เครือข่าย” พบส่วนใหญ่เป็นเงินสด ถึงมือ “ธมมชโย” 200 ล้าน “วัดธรรมกาย” 100 ล้าน หลัง ปปง. ยกกฎหมายห้ามยึดทรัพย์ธรณีสงฆ์
ไฟที่โหมกระหน่ำวงการสงฆ์เริ่มแรงขึ้นทุกขณะ !
ภายหลัง “มหาเถรสมาคม (มส.)” ลงมติว่าพระเทพญาณมหามุนี หรือ “หลวงพ่อธมมชโย” เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ “ปาราชิก” เนื่องจากที่ประชุม มส. ได้ยกมติเมื่อปี 2549 มาพิจารณาแล้วพบว่า หลวงพ่อธมมชโย ยอมรับและปฏิบัติตามพระลิขิตของ “สมเด็จพระสังฆราช” พร้อมทั้งทยอยคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่วัดพระธรรมกาย
ขณะเดียวกันคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์ได้ดำเนินการสอบสวนความผิดของหลวงพ่อธมมชโยแล้ว สรุปว่า ไม่มีเจตนาฉ้อโกง ไม่ผิดพระวินัย และไม่ถือเป็นความผิด จึงยึดตามมติเมื่อปี 2549 เท่ากับว่าสถานภาพปัจจุบันของหลวงพ่อธมมชโย จึงยังคงดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และดำรงสมณศักดิ์เช่นเดิม
ส่งผลให้ “ส.ศิวรักษ์” หรือสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เขียนข้อความตอบโต้อย่างรุนแรง ระบุว่า มติดังกล่าวถือเป็นเรื่อง “ตะแบง” พระวินัยอย่างชัดเจน !
(อ่านประกอบ : ส.ศิวรักษ์ : ความเห็นต่อกรณีธมฺมชโย "ตะแบงพระวินัยอย่างชัดเจน")
อย่างไรก็ดีหากยังจำกันได้ มีกรณีที่น่าสนใจคือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ติดตามเส้นทางการเงินของ “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” นักธุรกิจชื่อดัง และนักการสหกรณ์ดีเด่นระดับประเทศ ที่ตกเป็นจำเลยในคดียักยอกทรัพย์ ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
และมีข้อมูลเชื่อมโยงว่า นายศุภชัย ได้เงินกว่า 1 พันล้านบาทที่ยักยอกมาสั่งจ่ายเป็นเช็คถึงวัดพระธรรมกาย และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายอีกด้วย
ซึ่งบางฉบับมีการเบิกจ่ายเป็นวงเงินสูงถึงกว่า 100 ล้านบาท !
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบเบื้องต้น พบข้อมูลเช็คของนายศุภชัยที่สั่งจ่ายไปยังวัดพระธรรมกาย-ผู้ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จำนวน 11 ใบ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) มีรายละเอียดดังนี้
เช็คที่จ่าย พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ชื่อเดิมหลวงพ่อธมมชโย ปัจจุบันคือพระเทพญาณมหามุนี) และวัดพระธรรมกาย โดยตรง 4 ใบ รวม316,780,000 บาท
เช็คที่จ่าย เครือข่ายอื่น ๆ (วัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ -สหกรณ์บริการชุมชนรัฐประชา-ธ.กรุงเทพ เพื่อซื้อเงินตราต่างประเทศ) 3 ใบ 484,061,150 บาท
เช็คที่จ่าย เป็นเงินสด ไม่ระบุชื่อผู้รับ 4 ใบ มูลค่า 311,339,661 บาท
รวมเบ็ดเสร็จเป็นเงิน 1,112,180,811 บาท
ทั้งหมดถือเป็นข้อมูลชัด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่า “ศุภชัย” โอนเงินให้กับวัดพระธรรมกาย และผู้ที่เกี่ยวข้องจริง
อย่างไรก็ดีล่าสุด ปปง. ออกมายืนยันว่า กรณีนี้ได้ตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว โดยพบว่ามีการสั่งจ่ายเช็คจากนายศุภชัยออกไปจริงหลายครั้ง แต่ไม่สามารถอายัดทรัพย์ได้
เนื่องจากมีกฎหมายที่ชัดเจนว่า ห้ามยึดที่ธรณีสงฆ์ เพราะถือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินอยู่แล้ว
บ้าน2หลัง"ศุภชัย"ก่อนเซ็นจ่ายเช็ค 4 ใบ ให้"ธมมชโย-ธรรมกาย" 316ล้าน
เขียนวันที่วันอังคาร ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:00 น.เขียนโดยisranews
เผยโฉมบ้าน 2 หลัง "ศุภชัย ศรีศุภอักษร" อดีตปธ.สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ แกะรอยสถานะการเงินที่แท้จริง ก่อนเซ็นจ่ายเช็คเงินสด 4 ใบ ให้ "ธมมชโย-ธรรมกาย" 316 ล้าน พบแห่งแรกแค่ใช้ชื่อจดทะเบียนเบอร์โทรศัพท์ ส่วนหลังสองอยู่ในแฟลตคลองจั่น เพื่อนบ้านยันลูกศิษย์วัดดังทั้งครอบครัว
ทำไม นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธาน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ต้องเซ็นจ่ายเช็คเงินสดจำนวนหลายร้อยล้านบาท ให้แก่ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ชื่อเดิมหลวงพ่อธมมชโย ปัจจุบันคือพระเทพญาณมหามุนี) และวัดพระธรรมกาย
และหากไม่ใช่เงินจำนวนนี้ อันมีที่มาจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ลำพังตัวของ นายศุภชัย เอง ที่กำลังเพียงพอที่จะบริจาคเงินส่วนตัวเป็นหลักร้อยล้านบาทนี้ให้ได้หรือไม่
นี่คือคำถามสำคัญที่เกิดขึ้น ภายหลังจากที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบข้อมูลว่า ในเช็คจำนวน 11 ใบ วงเงินรวมกว่า 1,112,180,811 บาท ที่นายศุภชัย ได้ใช้อำนาจประธานสหกรณ์ เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น สั่งจ่ายออกไปให้กับบุคคลต่างๆ มีเช็คจำนวน 4 ใบ รวมวงเงิน 316,780,000 บาท ที่ถูกสั่งจ่ายให้กับ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ชื่อเดิมหลวงพ่อธมมชโย ปัจจุบันคือพระเทพญาณมหามุนี) และวัดพระธรรมกาย โดยตรง รวมอยู่ด้วย
น่าสนใจว่า สถานะการเงินที่แท้จริงของ นายศุภชัย เป็นอย่างไร?
( อ่านประกอบ : โชว์เช็ค 11 ใบพันล.! “ศุภชัย”เซ็นจ่ายถึง“ธมมชโย-ธรรมกาย-เครือข่าย” )
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า นอกเหนือจากข้อมูลการปรากฎชื่อเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนหลายสิบแปลง ในจังหวัดนครราชสีมา กาญจนบุรี ปทุมธานี พิจิตร นครสวรรค์ รถยนต์จำนวนหลายคัน และใบหุ้นบริษัทเอกชน รวมวงเงินหลายพันล้านบาทที่ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ออกคำสั่งอายัดทรัพย์ในคดีการยักยอกเงินที่สร้างความเสียหายให้กับสหกรณ์ เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เป็นวงเงินกว่า 1.04 หมื่นล้านบาท
(ดูเอกสารคำสั่งอายัดทรัพย์ของ ปปง. ที่นี่ )
นายศุภชัย ยังปรากฎชื่อเป็นผู้พักอาศัยในบ้านจำนวน 2 หลัง คือ บ้านเลขที่ 1519 อาคารสงเคราะห์ 3 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และบ้านเลขที่ตั้ง 4/33 ถ.สุขาภิบาล2 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
เมื่อวันที่ 24 ก.พ.58 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า บ้านหลังแรก เลขที่ 1519 อาคารสงเคราะห์3 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร มีสภาพเป็นบ้าน 3 หลังอยู่ในรั้วเดียวกัน คือ บ้านเลขที่ 1518, 1519 และ 1520 กำแพงสูงเกินศีรษะ ภายในมีบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 2 หลัง และบ้านเลขที่ 1520 ปรากฏชื่อบริษัท ดาเวน จำกัด
(ดูภาพประกอบ)
หญิงสาวรายหนึ่งที่พักอาศัย ในบ้านหลังนี้ ให้ข้อมูลว่า นายศุภชัย ย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้นานแล้ว
"เขาย้ายไปตั้งนานแล้ว เขาแค่ใช้ที่อยู่จดทะเบียนโทรศัพท์ ตัวเขาอยู่ที่เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไปหาเขาที่นั่นใครๆก็รู้จักเขา" หญิงคนดังกล่าวยืนยัน
ส่วนบ้านหลังที่สอง เลขที่ตั้ง 4/33 ถ.สุขาภิบาล2 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึง พบว่า เป็นห้องพักอยู่บนชั้น 2 แฟลต 4 แฟลตคลองจั่น ด้านหน้าติดป้ายชื่อ "ศุภชัย ศรีศุภอักษร" ผู้ใหญ่บ้าน หมู่3 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ และบ้านกัลยาณมิตร แต่ไม่มีใครพักอาศัยอยู่ในบ้าน
(ดูภาพประกอบ)
เพื่อนบ้านรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า "เขา (ศุภชัย) ไม่ได้อยู่ที่นี่นานแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่สหกรณ์ฯ เกิดปัญหาขึ้นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้มีแต่น้องสาวเขาอยู่ ไปทำงานกลับดึกมาก ไม่รู้ว่าทำงานอะไร"
เพื่อนบ้านรายนี้ ยังเล่าให้ฟังด้วยว่า "เมื่อก่อนเคยลงทุนกับสหกรณ์ฯเหมือนกัน ฝากเงินไว้สองแสน ได้ผลตอบแทนปีละสองหมื่น การลงทุนในช่วงเริ่มต้นหุ้นละ 50 บาท แต่พอสหกรณ์มันเริ่มใหญ่ตัวขึ้น ปัญหามันก็มากตามไปด้วย ส่วนศุภชัย เมื่อก่อนเขาเป็นคนดีมาก แต่หลังๆ ก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม จนกระทั่งมาเกิดปัญหาตามที่ปรากฎเป็นข่าว บางคนเงินหมดไปเป็นล้านบาทก็มี"
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนายศุภชัย กับวัดธรรมกายนั้น เพื่อนบ้านรายนี้ ระบุว่า "เขา (ศุภชัย)และคนในครอบครัวนับถือธรรมกายมานานแล้ว"
"เขา (ศุภชัย) เคยชวนดิฉันและสามีไปทำบุญที่วัดธรรมกายครั้งหนึ่ง แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ เขาทำบุญกับวัดมากจนเกินไป เกินความจำเป็น พวกเราจึงถอนตัวออกมา"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางไปที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับ นายศุภชัย เพิ่มเติม โดยเฉพาะการเซ็นเช็คเงินสดบริจาคให้ พระเทพญาณมหามุนี และ วัดธรรมกาย
(ดูภาพประกอบ)
แต่ได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า นายศุภชัย ไม่ได้ทำงานอยู่ที่นี่แล้ว และไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับที่นี่ตั้งแต่มีปัญหาเรื่องยักยอกเงินของสหกรณ์ฯ เกิดขึ้น
"หากจะมีการขอสัมภาษณ์ข้อมูล จะต้องทำหนังสือเข้ามาเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน เพื่อทำการนัดหมายประธานสหกรณ์ ให้ชี้แจงข้อมูลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง"
ส่วนนายศุภชัย และมีเงินส่วนตัวจริงๆเท่าไร (นอกเหนือจากทรัพย์สินที่ ปปง.ถูกอายัด) ปัจจุบัน ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ยังปรากฎตัวเข้าวัดธรรมกายเพื่อทำบุญตามปกติหรือไม่
ไม่มีใครยืนยันข้อมูลที่ชัดเจนได้ในขณะนี้
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
