สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

อัยการส่งผู้สอบบัญชี ไต่สวนพยานโจทก์นัดสอง คดีจำนำข้าว

อัยการส่งผู้สอบบัญชี ไต่สวนพยานโจทก์นัดสอง คดีจำนำข้าว

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

อัยการ ส่งผู้สอบบัญชี ศาลฎีกานักการเมือง ไต่สวนพยานโจทก์นัดสองคดี "อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์" จำนำข้าว ระบุปิดบัญชีข้าวปี 57 พบข้าวเสื่อมสภาพ-หาย

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่17ก.พ.59 นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนพร้อมองค์คณะรวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานโจทก์นัดที่ 2 คดีโครงการรับจำนำข้าว หมายเลขดำ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท  

ในช่วงเช้าพนักงานอัยการโจทก์ ได้นำ น.ส.แน่งน้อย เจริญทวีทรัพย์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ซึ่งเป็นนักวิชาชีพการตรวจสอบบัญชี เบิกความในประเด็นหลักการทางบัญชีนานกว่า2ชั่วโมงครึ่งสรุปว่า หลักการปิดบัญชีสามารถสรุปยอดได้เป็นช่วงๆ3เดือน 6เดือน หรือจะจัดทำบ่อยแค่ไหนก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องทำภายใน12เดือน เพื่อให้เห็นสถานะทางการเงินของบริษัทหรือองค์กรนั้น ส่วนการปิดบัญชีภาพรวมของโครงการจำนำข้าวเปลือกในลักษณะบัญชีขาคู่ที่เป็น รายการสินทรัพย์ที่มี รายจ่าย และภาระหนี้สินตามหลักเกณฑ์ทางบัญชี ยังไม่เคยทำมาก่อน มีเพียงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรวบรวมข้อมูลบัญชีของแต่ละหน่วยงาน เอง เช่น ธกส., อคส. และ อตก. จึงทำให้ไม่ทราบยอดบัญชีที่แท้จริงทั้งหมดของโครงการ เช่น ธกส.อาจลงบัญชีเฉพาะเงินที่จ่ายให้ชาวนา แต่ไม่ได้ลงบัญชีเงินที่รัฐบาลรับผิดชอบดูแล ซึ่งเป็นช่องโหว่ในการใช้จ่ายเงินของโครงการไม่ถูกต้อง ทำให้ไม่ทราบสถานะทางการเงินของโครงการ โดยในคณะอนุกรรมการปิดบัญชีมีอธิบดีกรมบัญชีกลางรวมอยู่ด้วย และไม่ได้คัดค้านการตรวจสอบบัญชี 

เมื่อทนายซักค้านถึงคำสั่งของคสช.ที่ตั้งกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว โดยให้รวบรวมข้อมูลตามความเป็นจริงนั้น หมายความว่า ต้องตรวจสอบข้าวทุกโกดังทุกกระสอบใช่หรือไม่ น.ส.แน่งน้อย กล่าวว่า ตนไม่ได้ตรวจสอบ แต่ใช้ชุดข้อมูลการตรวจสอบของหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ซึ่งได้ยืนยันว่าตรวจสอบไปทุกหน่วยงานแล้ว และพยานได้อ่านหลักเกณฑ์ขั้นตอนการตรวจนับ ผู้ที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบ และรายงานสรุปผล ขณะที่การบันทึกบัญชีของอนุกรรมการปิดบัญชีก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางบัญชี ภายใต้พ.ร.บ.ทางการบัญชี พ.ศ.2543ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล และเนื้อหาของพ.ร.บ.ดังกล่าว ก็มีหลักการเดียวกับมาตรฐานการตรวจสอบบัญชีของทางภาครัฐบาล

โดยเริ่มจากต้นทุนการซื้อและมูลค่าคงเหลือ ซึ่งการปิดบัญชี30ก.ย.57ได้พบมูลค่าของข้าวที่เสื่อมสภาพจากสี ดีเอ็นเอ และกลิ่นของข้าวจากตัวอย่างกว่า1,100ตัวอย่าง คิดเป็นค่าเสื่อมสภาพเพิ่มขึ้นจากรอบการปิดบัญชีเมื่อวันที่22พ.ค.57มูลค่า กว่า3.4หมื่นล้านบาท และยังพบมีข้อมูลข้าวหาย ส่วนการปิดบัญชีแล้วไม่ได้นำข้อมูลจากกรมบัญชีกลางและผลการชี้วัดของสภา พัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ อาทิ รายได้เกษตรกรที่สูงขึ้น และตัวเลขจีดีพีที่สูงขึ้นมาสรุปรวมด้วยนั้น เพราะการตรวจสอบบัญชีต้องใช้ตัวเลขที่เชื่อถือและจับต้องได้ ซึ่งตัวเลขจีดีพีเป็นเพียงตัวชี้วัดที่จับต้องไม่ได้ และไม่เข้าหลักการด้านบัญชีหากไม่ทำบันทึกตามหลักเกณฑ์ก็จะเป็นการทุจริตทาง ตัวเลขได้ 

น.ส.แน่งน้อย ยังตอบคำถามซักค้านทนายอีกว่า ในความเห็นของนักวิชาการด้านบัญชี ผู้รับผิดชอบโครงการต้องเป็นผู้สั่งการให้มีการตรวจสอบบัญชี รวบรวมข้อมูลด้านบัญชีของโครงการ ซึ่งไม่ใช่เพียงเรื่องการเสียภาษีอย่างเดียว แต่เป็นการแสดงสถานะทางการเงิน และการอ้างว่าโครงการยังไม่จบจึงไม่สามารถปิดบัญชีได้นั้น ไม่ถูกต้อง ส่วนที่หลังรัฐประหารแล้วเข้าใจว่ารัฐบาลชุดต่อไปต้องเข้ามารับผิดชอบข้าว ที่เหลืออยู่ในสต๊อก แต่พยานไม่ทราบเรื่องการระบายข้าวของรัฐบาลเลยจะใช้วิธีระบายข้าวแบบไหน

เมื่อทนายซักถามว่า รายงานผลขาดทุนจากข้าวนาปีที่เสื่อมสภาพเปรียบเทียบรอบปี2555-2556และรอบ ปี2557มีผลขาดทุนลดลง แสดงว่าข้าวในรัฐบาลของจำเลยมีคุณภาพสูงขึ้น เพราะขาดทุนลดลง น.ส.แน่งน้อย กล่าวว่า หลักการบัญชีให้แสดงราคาทุนหรือมูลค่าสุทธิที่จะได้รับว่าราคาใดต่ำกว่า การปิดบัญชีเมื่อวันที่22พ.ค.57และวันที่30ก.ย.57มีระดับราคาสุทธิที่ต่าง กันและมีค่าใช้จ่ายรวมด้านอื่น ดังนั้น ตัวเลขขาดทุนที่ลดลงไม่ใช่เพราะข้าวคุณภาพสูงขึ้น แต่เป็นเพราะหลักบัญชีที่นำมาใช้และระดับราคาสุทธิที่ต่างกัน 

ภายหลังศาลไต่สวนพยานปากนี้เสร็จสิ้น ได้ไต่สวนพยานปาก น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. อดีตประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว ต่อในช่วงบ่าย โดยวันนี้ศาลไต่สวนพยานได้เพียง2ปาก ส่วนพยานที่อัยการเตรียมไว้อีก2ปากให้ได้เลื่อนไปไต่สวนในครั้งอื่น 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศในบริเวณศาลฎีกาฯ เจ้าหน้าที่ได้นำรั้วเหล็กมากั้นเป็นทางเดิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคู่ความ เนื่องจากมีประชาชนมารอให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์จำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบดูแลรักษาความปลอดภัย ขณะที่มีกลุ่มนักการเมือง อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมสมาชิกพรรคเพื่อไทย และกลุ่มแกนนำนปช. มาให้กำลังใจด้วยเช่นกัน


'สุภา'เบิกความโครงการจำนำข้าว ใช้เงินสูงกว่า8.7แสนล้าน

โดย :

อดีตรองปลัดคลังเบิกความโครงการ จำนำข้าวใช้เงินสูงกว่า 8.7 แสนล้านบาท ปัดส่วนได้-เสีย หลังทนายซักนั่งเก้าอี้รองปลัดคลัง ยุครัฐบาล"อภิสิทธิ์"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ทำการไต่สวน น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. ในฐานประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว พยานอัยการโจทก์ ปากที่ 2 ซึ่ง น.ส.สุภา เบิกความว่า เคยดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลัง ระหว่างดำเนินโครงการจำนำข้าว กระทรวงการคลังได้ส่งหนังสือท้วงติงให้ระวังเกี่ยวกับความเสียหายที่อาจเกิด ขึ้นจากโครงการนี้หลายครั้งต่อครม. ตั้งแต่ขั้นหลักการ แต่โครงการนี้ได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้ว กระทรวงการคลังจำเป็นต้องทำตามขั้นตอน รวมถึงการเซ็นอนุมัติโครงการที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน เมื่อดำเนินโครงการไปแล้วได้มีการนำเงินจากโครงการระบายข้าวไปใช้ในการจำนำ ข้าวด้วย ซึ่งวัตถุประสงค์หลักเมื่อได้เงินจากการระบายข้าวมาแล้วต้องนำเงินไปใช้หนี้ ให้ ธกส. ขณะที่มีการระบุว่าการใช้เงินโครงการระบายข้าวดำเนินการตามมติครม. แต่ตนไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับมติว่าใช้อำนาจใดดำเนินการ ขณะที่การปิดบัญชีเมื่อวันที่ 30 ก.ย.57 พบตัวเลขการใช้เงิน 878,389 ล้านบาท ซึ่งการรับเงินจำนำข้าวของชาวนาอาจจะมีส่วนที่ชาวนารับเองโดยตรง หรือผ่านผู้แทนที่ถือใบประทวน การรักษาเรื่องวินัยการเงินและการคลังของรัฐบาลจำเลย 

ขณะที่น.ส.สุภา กล่าวถึงการตรวจสอบทางบัญชีว่า เคยขอข้อมูลเกี่ยวกับการขายข้าวจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้รับความร่วมมือในช่วงแรก แต่ภายหลังมีการย้ายคณะทำงานยกคณะ เมื่อต้องประสานขอข้อมูลจากคณะทำงานชุดใหม่ก็ได้รับการปฏิเสธอ้างว่าเป็น ความลับ แต่พยานพยายามหาข้อมูลจากส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องจนได้ข้อมูลที่ครบถ้วนมา พิจารณาคำนวณนความเสียหาย 

เมื่อทนายความจำเลย พยายามถามว่า โครงการรับจำนำข้าว ชาวนาได้ประโยชน์ใช่หรือไม่ น.ส.สุภา กล่าวว่า การรับจำนำข้าวที่แท้จริง หลักการจะคล้ายกับโรงรับจำนำของรัฐ คือรับสินค้าไว้ในราคาเพียง 60-70%ของราคาขายในตลาด ซึ่งการจำนำข้าวที่แท้จริงต้องช่วยเหลือชาวนาที่ยากจนไม่ใช่ชาวนาที่มีฐานะ โดยหากวันใดที่ชาวนาเห็นว่าราคาข้าวในท้องตลาดสูงขึ้นกว่าราคารับจำนำก็ สามารถนำเงินมาไถ่ถอนข้าวแล้วไปขายได้ราคา ไม่ใช่ลักษณะที่รัฐบาลให้ราคาสูง 15,000 บาท กว่าราคาตลาดขาย 12,000 บาท ที่เท่ากับราคาสูง 3,000 บาท หรือคิดเป็น 30% ซึ่งเหมือนการซื้อขายข้าวมากกว่า และถ้าเป็นลักษณะที่รัฐซื้อขายข้าวเองก็อาจจะผิดต่อกฎหมาย 

นอกจากนี้ ทนายจำเลยยังซักถามพยานถึงการมีส่วนได้ส่วนเสียในการตรวจสอบโครงการจำนำข้าว เพราะมีการแต่งตั้งพยานเป็นรองปลัดกระทรวงการคลังในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะซึ่งน.ส.สุภา ชี้แจงว่าการแต่งตั้งเป็นไปตามขั้นตอนปกติ 

ภายหลังไต่สวนพยานปากนี้เสร็จเวลา 17.00 น. ศาลได้ชี้แจงคู่ความ โดยกำชับให้คู่ความระมัดระวังการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับคดี อย่าให้สัมภาษณ์ที่เป็นการชี้นำหรือบิดเบือนที่จะมีผลต่อกระบวนพิจารณาคดี ซึ่งจะเป็นการกระทำละเมิดอำนาจศาล ศาลอาจจะพิจารณาเรื่องการประกันตัวของจำเลย หรือมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใด 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการซักถามพยานปากน.ส.สุภาเกี่ยวกับประเด็นการใช้อำนาจสั่งการให้นำ เงินโครงการระบายไปใช้ในโครงการจำนำข้าวด้วยนั้น ศาลยังติดใจว่ามีการใช้อำนาจใดสั่งการ จึงให้โจทก์และจำเลยนำข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวมาเสนอต่อศาลในครั้งต่อไป ด้วยภายหลังการไต่สวนเสร็จ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ขณะที่ยังมีมวลชนที่มารอตั้งแต่ช่วงเช้า ตระโกนให้กำลังใจพร้อมมอบดอกกุหลาบให้จำนวนมาก 

ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่งทนายความ กล่าวว่า ศาลกำชับเรื่องการสัมภาษณ์ ดังนั้นเรื่องทางคดีคงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ โดยคดีนี้ศาลนัดไต่สวนพยานโจทก์อีกครั้งวันที่ 26 ก.พ.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งตามบัญชีนัดมีการไต่สวนพยานรวม 3 ปาก อย่างไรก็ดี หากเรื่องคดีมีบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่ความให้สัมภาษณ์สื่อแล้วพาดพิงหรือกระ ทบกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ เราอาจจะพิจารณามาตรการทางกฎหมายอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อดำเนินการแทนการสัมภาษณ์ตอบโต้

สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : อัยการ ผู้สอบบัญชี ไต่สวนพยานโจทก์ นัดสอง คดีจำนำข้าว

view