สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

แกะรอย เบนซ์สมเด็จช่วง ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง

เปิด10 ข้อหา! คดีรถหรู 'สมเด็จฯช่วง

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เปิด10 ข้อหา! หลัง "ดีเอสไอ" แถลงผลสอบคดีรถหรู "สมเด็จฯช่วง" ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

การแถลงข่าวของผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เมื่อช่วงเช้า (18ก.พ.) ที่ผ่านมา กรณี การนำเข้ารถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ ทะเบียน ขม 99 กทม. ซึ่งแจ้งจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบ ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงอยู่ในความครอบครองของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จฯช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

ทั้งนี้ ดีเอสไอพบว่ากระบวนการนำเข้าผิดกฎหมายหลายฉบับทั้งคดีอาญา และการหลีกเลี่ยงภาษีหลายขั้นตอน จึงเข้าความผิดหลายข้อหา ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร
2. ซ่อนเร้น จำหน่าย ซื้อหรือรับไว้ ทั้งที่รู้ว่าเป็นของที่นำเข้าในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร
3. ขายหรือมีไว้เพื่อขายสินค้า ซึ่งรู้ว่ามิได้เสียภาษี
4. ครอบครองซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน
5. แจ้งข้อความเป็นเท็จ ตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง
6. ทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต
7. แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน
8. แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ
9. ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม
10. ปลอมเอกสารสิทธิ์และใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม


เบนซ์สมเด็จช่วง” ผิดทุกขั้นตอน “ศุลกากร-สรรพสามิต-อาญา” มีลายมือชื่อเจ้าตัว

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

“เบนซ์สมเด็จช่วง” ผิดทุกขั้นตอน “ศุลกากร-สรรพสามิต-อาญา” มีลายมือชื่อเจ้าตัว [ชมคลิปแถลงข่าว]

        MGR Online - ดีเอสไอแถลงผลสอบสวนคดี “เบนซ์ ขม 99” ผิดกฎหมาย ฟันผิดทั้งสี่ขั้นตอนตั้งแต่นำเข้า-จดประกอบ-เสียภาษี-จดทะเบียน ทั้งมีการทำเอกสารเท็จ ปลอมแปลงลายมือชื่อ เข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร-สรรพสามิต-อาญา ยืนยันเอกสารมีลายมือชื่อ “สมเด็จช่วง” เตรียมสอบต่อโยงขบวนการและปลายทาง
       
       เช้าวันนี้ (18 ก.พ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้เปิดแถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดีตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ โบราณ เลขทะเบียน ขม 99 ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556 และในปี 2558 มีผู้มาร้องว่ารถคันนี้นำเข้าโดยผิดกฎหมาย ดีเอสไอจึงเข้าตรวจสอบเรื่องนี้โดยมีความเชื่อมโยงกับคดีเกิดเพลิงไหม้รถหรู ที่จังหวัดนครราชสีมา
       
       ดีเอสไอชี้แจงต่อว่า หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้รถหรูดังกล่าวนั้น ทางกรมฯ เมื่อรับคดีก็ได้ตรวจสอบรถยนต์จำนวน 6,000 กว่าคัน โดยรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งรถจดประกอบต้องผ่านขั้นตอนทางกฎหมายจำนวน 4 ขั้นตอนด้วยกัน คือ ขั้นตอนการนำเข้า, การจดประกอบรถ, การเสียภาษีสรรพสามิต และการจดทะเบียน

        สำหรับรถทะเบียน ขม 99 กทม.นั้น ทางดีเอสไอได้เข้าไปตรวจสอบที่วัด 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเข้าไปตรวจสอบตามคำเชิญของวัดพร้อมกับสื่อมวลชน และทางวัดก็ให้เอกสารมา ส่วนครั้งที่ 2 นั้นไปตรวจสอบพร้อมสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยเป็นการตรวจทางกายภาพของรถ ซึ่งเมื่อได้เอกสารมาแล้ว “หลวงพี่แป๊ะ” ของทางวัดก็ยอมรับว่าเป็นผู้จัดหารถคันนี้มาในราคา 4 ล้านบาท เพื่อถวายสมเด็จช่วง โดยจ้างคุณวิชาญเป็นผู้จดประกอบ
       
       “ด้านคุณวิชาญก็ยอมรับว่าไม่ได้ขึ้นทะเบียนรถจดประกอบ และไม่ได้ผ่านขั้นตอนตามระเบียบ เมื่อเราย้อนไปดูที่การจดประกอบก็มีผู้ของคุณกาญจนาเป็นอู่จดประกอบ ได้เชิญคุณกาญจนามาสอบสวน คุณกาญจนาก็ยอมรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับที่มีชื่อในการจดทะเบียนเสียภาษี จริง ชื่อ ที่อยู่เขาจริง แต่เขาไม่เคยจดประกอบรถคันนี้เลย และเขาเองก็เป็นอู่เคาะพ่นสีรถ ดังนั้นเองคนที่เอาชื่อเขามาใส่ก็มีการปลอมแปลงลายมือชื่อเขา ก็เห็นได้ชัดเจนว่าในขั้นตอนการประกอบรถคันนี้ก็มิชอบ เพราะว่าอู่วิชาญไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพสามิตที่เป็นอู่จดประกอบ ทางการชำระภาษีคุณกาญจนาก็ยืนยันว่าเขาเองไม่ได้เป็นคนทำ มีคนแอบอ้างชื่อเขาไป พอถึงขั้นตอนการจดทะเบียนก็มีผู้รับว่าเป็นผู้รับจ้างจดทะเบียน และเป็นคนกรอกรายละเอียดทั้งหมด ทั้งปลอมลายมือชื่อ และใส่ราคารถ 1 ล้านบาท” อธิบดีดีเอสไอจึงสรุปว่า ในสามขั้นตอนนั้นมีความผิดในข้อหาแตกต่างกัน
       
       พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง กล่าวว่าจากการตรวจสอบยืนยันว่า รถคันดังกล่าวมีการนำเข้ามา การประกอบ การเสียภาษี และการจดทะเบียน โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา ฐานแจ้งความอันเป็นเท็จ ปลอมและใช้เอกสารปลอม
       
       โดยรถยนต์คันดังกล่าว มีห้างหุ้นส่วนจำกัด อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพร์ส เป็นผู้นำเข้าชิ้นส่วน จากนั้นได้มีการส่งให้อู่วิชาญ เป็นผู้รับประกอบรถ ที่ไม่มีใบอนุญาต จดประกอบรถยนต์ จากนั้นอู่วิชาญได้แอบอ้างชื่ออู่ เอ็นพี การาจ ที่เป็นโรงงานประกอบรถยนต์ที่จดทะเบียนถูกต้อง เป็นผู้จดประกอบ โดยมีนางกาญจนา เป็นเจ้าของ และปลอมแปลงลายชื่อของนางกาญจนาเป็นผู้เสียภาษี แต่จากการเรียกนางกาญจนา มาสอบสวน ยอมรับว่า อู่ดังกล่าวเป็นของตนเองจริง แต่ไม่เคยนำรถยนต์ดังกล่าวมาจดประกอบ ซึ่งจากการจรวจสอบยังพบว่า นายชลัช ได้ว่าจ้างนายสมนึก ให้นำรถยนต์คันดังกล่าว ไปจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก จากนั้นได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปขายต่อให้กับหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ก่อนที่จะถวายให้สมเด็จช่วง
       
       นอกจากนี้ดีเอสไอ ยังพบว่า กลุ่มคนที่จดทะเบียน รถยนต์คนดังกล่าวเป็นเครือข่ายรายใหญ่ที่มีการกระทำผิดมาแล้วหลายครั้งให้ กับทุกกลุ่มต่างๆในลักษณะต่างๆ มี่ผิดกฏหมายและยังมีผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวอีกหลายคน อย่างไรก็ตาม วันนี้ดีเอสไอ ได้ออกมาชี้แจ้งความผิดที่พบในส่วนของรถคันดังกล่าวเท่านั้น พร้อมรับเป็นคดีพิเศษ โดยหลังจากนี้จะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนผู้ครอบครองและผู้ที่เกี่ยวข้อง ว่า มีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วยหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้รับเอกสารหลักฐานส่วนหนึ่งที่ได้จาการสืบสวนมาแล้ว แต่บางส่วนอาจยังต้องขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะเร่งรัดทำคดีโดยเร็ว พร้อมยืนยันว่า ดีเอสไอ ทำตามขั้นตอนตามกฎหมายหลังมีผู้ร้องเรียน
       
       ส่วนเมื่อย้อนไปดูการนำเข้าพบว่าบริษัทที่นำเข้าเป็นบริษัทเดียวกัน แต่มีการแยกชิ้นส่วนมาคนละเที่ยวเรือกัน ส่วนอุปกรณ์ส่วนควบที่มีการกล่าวอ้างไว้นั้นก็ไม่สามารถตรวจสอบเจอว่ามีการ นำเข้ามาจริง ดังนั้น ดีเอสไอจึงสรุปว่าขั้นตอนต่างๆ ทั้งสี่ข้้นตอน ทั้งการนำเข้า การจดประกอบ การเสียภาษีสรรพสามิต และการจดทะเบียน ล้วนไม่ชอบ และเข้าข่ายความผิดกฎหมายหลายเรื่อง เช่น พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ร.บ.สรรพสามิต กฎหมายอาญาเรื่องแจ้งข้อความเป็นเท็จ-การปลอมแปลงเอกสาร
       
       ทั้งนี้ ในขั้นนี้เป็นการตรวจสอบ การสืบสวนตามเอกสาร จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการสอบสวน โดยจากข้อมูลรถคันนี้เป็นรถคลาสสิก ประกอบเมื่อปี ค.ศ.1953 หรือประมาณ 60 กว่าปีที่แล้ว โดยจำนวนที่ประกอบทั้งหมดประมาณร้อยกว่าคัน
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า ในขั้นตอนการดำเนินการที่พระรูปหนึ่งอ้างว่าเป็นผู้จัดการให้นั้นเป็นชื่อ ของสมเด็จช่วงตั้งแต่ต้นหรือไม่ ทางอธิบดีดีเอสไอระบุว่า นายสมนึก (ผู้นำรถไปจดทะเบียน) แจ้งว่าในการกรอกเอกสารก็มีลายเซ็นของสมเด็จช่วงอยู่ในเอกสารปลอมนั้น อย่างไรก็ตามยังไม่ได้สอบถึงเจตนาของผู้รับ เพราะต้องให้เข้าสู่ขั้นตอนของการสอบสวนก่อน

      คำต่อคำ การแถลงของ ดีเอสไอ
       
       พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง

       
       วันนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษทำการแถลงข่าว รถของสมเด็จนะครับ แถลงวันนี้ก็ประกอบไปด้วย พ.ต.ท.กรวัชร์ ผอ.สำนักคดีเทคโนฯ พ.ต.ท.อนุรักษ์ ผู้บัญชาการภาษีฯ พ.ต.ท.กรวัชร์ เป็นทีมโฆษก ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษทราบว่า เรื่องที่จะแถลงวันนี้เป็นที่สนใจของประชาชน สื่อมวลชนทั่วไป ทางกรมฯ ขอยืนยันว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ทางกรมฯ จะแถลงความเป็นจริง การสืบสวนที่ได้มาเราทำอย่างตรงไปตรงมา และเราทำเป็นรูปแบบคณะกรรมการมีการตรวจสอบได้ และเคารพในความเห็นของทุกท่านนะครับ หลายส่วนเห็นด้วย และหลายส่วนเห็นต่าง เราเคารพ และเรานำข้อซักถามของประชาชน และสื่อมวลชนที่ยังไม่เข้าใจในขั้นตอนที่จะแถลง
       
        ก่อนอื่นทางกรมฯ ต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อธิบดีกรมสรรพากร ทางกรมสรรพสามิต ทางกรมการขนส่งทางบก ซึ่งให้ความสะดวกในการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทำให้เราสามารถทำการสืบสวนได้อย่างรวดเร็ว สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นผมต้องกราบเรียนว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มันเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556 หลายท่านคงจำได้มีข่าวเรื่อง รถหรูที่เกิดไฟไหม้ จ.นครราชสีมา และกรมสอบสวนคดีพิเศษก็รับเป็นคดีพิเศษตั้งแต่นั้นมา ในการตรวจสอบรถปรากฏว่า หลังจากที่กรมฯ รับคดีมาแล้วก็ตรวจสอบรถจดประกอบทั้งหมดประมาณ 6,000 กว่าคัน และทะเบียน ขม 99 กทม.คันนี้ก็เป็นหนึ่งใน 6,000 กว่าคันที่เราตรวจสอบ
       
        ผมก่อนจะลงรายละเอียดเรื่องรถ ผมขออนุญาตชี้แจงนิดหนึ่งว่า รถจดประกอบที่ถูกต้องตามกฎหมายต้องมีขั้นตอนอย่างไร สำหรับรถจดประกอบที่ถูกขั้นตอนตามกฎหมายเราแบ่งเป็น 4 ขั้นตอนนะครับ ขั้นตอนการนำเข้า ขั้นตอนการจดประกอบรถ และขั้นตอนตรวจสรรพสามิต และขั้นตอนการจดทะเบียนกรมการขนส่ง เพราะฉะนั้นคดีนี้ขั้นตอนการนำเข้าในส่วนของโครงรถ หรือเครื่องยนต์ และชิ้นส่วนก็ต้องมีการนำเข้าอย่างถูกต้อง แต่ถ้าเกิดเป็นรถคันเดียวกันแล้วแยกการนำเข้ามายังผิดอยู่ ถือว่าเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี และเมื่อนำเข้ามาแล้วการจดประกอบก็ต้องจดประกอบตามที่จดประกอบอุตสาหกรรมที่ ขึ้นบัญชีไว้ โดยมีวิศวกรรับรอง การชำระภาษีสรรพสามิตก็ต้องชำระให้ตรง การจดทะเบียนก็ต้องจดตามหลักการที่กำหนดไว้ภาษีสรรพสากรมีการตรวจสอบ
       
        อันนั้นคือสิ่งที่ขั้นตอนรถจดประกอบที่ถูกต้องตามกฎหมาย ฉะนั้นรถบางคัน เชื่อว่ามีบางส่วนที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย และบางส่วนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับรถทะเบียน ขม 99 กทม.คันนี้ หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีตั้งแต่ 2556 เป็นต้นมา ต่อมาปลายปี 2558 มีผู้ร้องมาร้องว่า รถ ขม 99 กทม.คันนี้น่าจะนำเข้าโดยไม่ถูกต้องผิดกฎหมาย กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ตรวจสอบเรื่องนี้ เรื่องตรวจสอบทางวัดก็เชิญเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษไปตรวจสอบที่วัด ซึ่งสื่อมวลชนทุกท่านก็ไปด้วยอยู่แล้ว ที่วัดเราไปตรวจสอบอยู่ 2 ครั้งนะครับ ครั้งแรกไปตรวจสอบตามคำเชิญของทางวัด และทางวัดให้เอกสารเรามา
       
        ครั้งที่ 2 เราไปตรวจสอบพร้อมสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ไปตรวจสอบกายภาพรถในการละเอียดอุปกรณ์ของรถ สำหรับเมื่อเราได้เอกสารมาแล้ว เราก็ตรวจสอบพบว่า หลวงพี่แป๊ะจากวัดก็รับว่า เป็นคนจัดหารถคันนี้มาในราคา 4 ล้านบาท เพื่อถวายสมเด็จฯ โดยจ้างคุณวิชาญเป็นผู้จดประกอบ และถามคุณวิชาญ คุณวิชาญก็รับว่าเป็นคนเอารถคันนี้จริง และเราสอบถามคุณวิชาญว่า ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพสามิตในการจดประกอบไหม เขาก็ยอมรับว่า เขาไม่ได้ขึ้นทะเบียน การจดประกอบของเขาก็ไม่ได้มีวิศวกรตามระเบียบ
       
        เมื่อเราย้อนไปดูที่การจดประกอบปรากฏว่า มีชื่อของคุณกาญจนา ซึ่งเป็นอู่จดประกอบ เราได้เชิญคุณกาญจนามาสอบสวน คุณกาญจนารับว่า เป็นบุคคลคนเดียวกับที่มีชื่อในการยื่นจดทะเบียนเสียภาษีจริง ชื่อ ที่อยู่เขาจริง แต่เขาไม่เคยจดประกอบรถคันนี้เลย และเขาเองก็เป็นอู่เคาะพ่นสีรถ ดังนั้นเองคนที่เอาชื่อเขามาใส่มีการปลอมแปลงลายมือชื่อเขา เห็นได้ชัดเจนว่า ในขั้นตอนการประกอบรถคันนี้ก็มิชอบ เพราะว่าอู่วิชาญไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพสามิตที่เป็นอู่จดประกอบ ทางการชำระภาษีคุณกาญจนาเองยืนยันว่า เขาเองไม่ได้เป็นคนจดประกอบรถคันนี้ไม่ได้เป็นคนทำ มีคนแอบอ้างชื่อเขาไป พอถึงขั้นตอนการจดทะเบียนก็มีผู้รับว่าเป็นผู้รับจ้างจดทะเบียน และเป็นคนกรอกรายละเอียดทั้งหมด ทั้งปลอมลายมือชื่อ และใส่จำนวนราคารถ 1 ล้านบาทที่สื่อเห็นอยู่แล้วไป
       
        ดังนั้นเองใน 3 ขั้นตอนจะเห็นว่า แต่ละขั้นตอนมีทั้งผิดตามข้อหาต่างๆ กัน เมื่อเราย้อนไปดูขั้นตอนการนำเข้าก็พบว่า บริษัทที่นำเข้าเป็นบริษัทเดียวกันแต่แยกชิ้นส่วนมาคนละเที่ยวเรือกัน แต่ตอนรับชิ้นส่วนก็บริษัทเดิมมารับ ส่วนอุปกรณ์ส่วนควบที่มีการกล่าวอ้างไว้นั้น ก็ไม่สามารถตรวจสอบเจอว่า มีการนำเข้ามาจริง ฉะนั้นเองในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษเองก็เห็นว่า ขั้นตอนต่างๆ 4 ขั้นตอนทั้ง การนำเข้า ขั้นตอนจดประกอบรถ ขั้นตอนการเสียภาษีสรรพสามิต และขั้นตอนการจดทะเบียนไม่ชอบ และน่าจะเข้าความผิดกฎหมายหลายเรื่อง เช่น พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ร.บ.สรรพสามิต และประมวลกฎหมายอาญา ทั้งเรื่องแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ และปลอมแปลงเอกสาร
       
        ในส่วนของกรมฯ เองต้องขอเรียนว่า การตรวจสอบครั้งนี้ เราตรวจสอบตามความเป็นจริง รถคันนี้จะอยู่กับนาย ก. นาย ข. ผลการตรวจสอบก็จะเป็นอย่างนี้ จะตรวจสอบเมื่อไรผลการตรวจสอบก็จะเป็นอย่างนี้ เพราะเราตรวจสอบย้อนหลังของเอกสารทั้งหมด ไม่ได้เอกสารใหม่ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และเราไปตรวจสอบ ในส่วนของคณะกรรมการกลั่นกรองของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อได้รับเรื่องการสืบสวนแล้ว คณะกรรมการกลั่นกรองเห็นว่า เข้าข่ายความผิดในคดีพิเศษจึงเสนอมาให้ผมรับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งผมได้รับเป็นคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว และขั้นตอนต่อไปก็เป็นขั้นตอนการสอบสวน ส่วนรถคันนี้ผมขอเรียนย้อนหลังนิดหนึ่ง เขาเรียกเป็นรถคลาสสิก และได้ย้อนหลังไปรถประกอบเมื่อปี 1953 หรือประมาณ 60 กว่าปีที่แล้ว จำนวนที่ประกอบประมาณ 100 กว่าคัน ก็เป็นรถเก่าคลาสสิก เดี๋ยวคำถามผมอยากจะให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ชี้แจง และคำถามสื่อจะได้ตอบกลับไป และวันนี้เรามีโฆษกภาคภาษาอังกฤษ ถ้าถามภาษาอังกฤษเรามีโฆษกตอบด้วย เชิญ พ.ต.ท.กรวัชร์ ครับ
       
       พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร
       
        ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมจะให้ท่านดูชาร์จกระบวนการในเรื่องของขั้นตอนทุกขั้นตอน ผมจะพูดในรายละเอียดว่ามันเป็นมาอย่างไร เดี๋ยวเชิญติดตามตรงนี้นะครับ พอดีผมพยายามทำชาร์จให้มันใหญ่กว่านี้ แต่เครื่องปริ้นผมมันทำได้เท่านี้เอง ท่านอาจจะต้องใช้ความพยายามนิดหนึ่ง เรียนท่านสื่อมวลชนนะครับ กระบวนการของรถจดประกอบผมจะอธิบายสั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ เป็นการประกอบกันระหว่างโครงตัวถัง เครื่องยนต์ และส่วนพวกอุปกรณ์ 3 ส่วนนี้จะมาประกอบกันเป็นรถยนต์ประกอบ 1 คัน กระบวนการนี้ผมเคยชี้แจงให้สื่อมวลชนทราบไปแล้วครั้งหนึ่ง พอมาถึงรถคันนี้ผมจะเรียนอย่างนี้ครับว่า รถคันนี้ถูกส่งมาจากอเมริกา โดยบริษัทอ๊อด 89 ถูกแยกลงเรือมาระหว่างตัวถังกับเครื่องยนต์ต่างกัน 2 วัน เมื่อกระบวนการของการนำเข้าผ่านมาตรงนี้ก็มีคนในบริษัทอ๊อด 89 ไปทำสัญญาลักษณะเหมือนการซื้อขายโครงตัวถังกับเครื่องยนต์ ท่านจะเห็นนะครับ ส่งมาแล้วก็ไปรับ
       
        ผมเรียนท่านแล้วว่า มันต้องมีตัวถัง เครื่องยนต์ และอุปกรณ์ส่วนควบ อุปกรณ์ส่วนควบใช้ของบริษัทสายชล หจก.สายชลมอเตอร์ ไม่มีในสารบบ พยายามตรวจหาพยายามทุกอย่างแล้วในขั้นต้นไม่มี ลอยเข้ามาเฉยๆ สายชลมอเตอร์ลอยเข้ามา ก็ใช้กระบวนการในวิธีการจดประกอบโดยใช้ตัวถังเครื่องยนต์ส่วนควบไปทำการจด ประกอบ โดยอ้างว่าไปจดประกอบที่ อู่ N.P.การาจ ท่านต้องดูรูปนี้ N.P.การาจ บอกว่า ไม่รู้เรื่อง เป็นอะไรครับ เป็นอู่เคาะพ่นสีแล้วถูกปลอมแปลงชื่อ ถูกปลอมทั้งหมด เอกสารทั้งหมดของคุณกาญจนาถูกปลอมลายมือชื่อทั้งหมด ก็มีการอ้างอีกว่า ให้ หจก.เอส ที วาย เป็นผู้ประกอบ ท่านทราบไหมครับ ผมเรียกเอส ที วายมาถูกปลอมเอกสาร แล้วดูโรงงาน เป็นโกดังเก็บสินค้า ซึ่งไม่ใช่โรงงานที่จะประกอบอะไรได้ มันเป็นอย่างนี้นะครับ โดยข้อเท็จจริงเมื่อมีการทำอย่างนี้กระบวนการเท่ากับว่า รถนี้ไม่ได้ผ่านกระบวนการโรงประกอบอุตสาหกรรมตาม พ.ร.บ.กรมสรรพสามิต ทุกอย่างใช้เอกสารเป็นเท็จหมด ในช่วงเวลาในขณะที่รถอ้างว่าได้มีการประกอบเสร็จแล้วก็ส่งไปที่สรรพสามิต เอกสารที่ถูกส่งไปที่สรรพสามิตก็เป็นเอกสารปลอมทั้งหมด ก็มีการชำระภาษีมา หลังจากนั้นเมื่อมีการชำระภาษีสรรพสามิตก็ไปสู่กระบวนการของการจดทะเบียนรถ คันนี้
       
        การจดทะเบียนรถคันนี้ ผมได้เรียกคนที่ไปจดทะเบียนมาคือ คุณสมนึก เอกสารที่ไปขอจดทะเบียนกรอกเองทั้งหมด และที่สำคัญคือปลอมลายมือชื่อ ท่านก็จะเห็นว่ากระบวนการตั้งแต่ต้น ตั้งแต่การนำเข้า การรองรับตรงนี้ และมาถึงกระบวนการของกรมอุตสาหกรรมที่ใช้จดประกอบตรงนี้ชัดเจนว่า ใช้เอกสารปลอมจดทั้งหมด และพิสูจน์ทราบมาในเรื่องนี้แล้ว โดยเฉพาะคนจดทะเบียนบอกเลยว่า ได้รับเอกสารมาจากคนที่ไปเสียภาษีสรรพสามิตก็ใช้เอกสารปลอมไปเสีย หลังจากใช้เอกสารปลอมไปเสียแล้ว ก็เอาเอกสารปลอมมากรอกข้อความเซ็นชื่อเองขอจดทะเบียน ขั้นตอนกระบวนการนี้ท่านจะเห็นภาพโดยรวมว่า โดยลักษณะรถคันนี้ก็น่าจะมีปัญหาในเรื่องของกระบวนการในเรื่องของทั้งหมดที่ ผมได้พูดมา ก็ผมคงจะชี้แจงให้ท่านฟังสั้นๆ นะครับ คิดว่าเบื้องต้นส่วนหนึ่งท่านคงจะเข้าใจว่า ที่มาที่ไปและความผิดปกติ จุดเป้าหมายพวกนี้ไม่ได้ไปถ่ายรูปมาไปตรวจค้นหมดแล้ว ได้นำเอกสารรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องมาก็เรียนท่านอย่างนี้ ขอบคุณครับ

      ถาม-ตอบ
       
       ไพสิฐ - ขอคำถามจากสื่อเลยครับ เชิญครับ
       
       นักข่าว - ตอนนี้สำแดงนำเข้าเท่าไร และเสียภาษีไว้เท่าไรคะ
       
       กรวัชร์ - จากกระบวนการนี้นะครับ เสียภาษี 95,000 และมาที่เครื่องยนต์เบนซ์รวมๆ แล้วทั้งหมดตัวนี้มัน 95,000 อันนี้ 95,000 เหมือนกันนะครับ และมาเสียสรรพสามิตอีก 2 แสนกว่าบาทนะครับตรงนี้ ใกล้กระบวนการของการเสียภาษีก็รวมแล้วท่านต้องรวมเอง ผมแจ้งอย่างนี้แล้วกันครับ
       
       ไพสิฐ - ขอคำถามจากสื่อเลยครับ
       
       นักข่าว - กรณีที่บอกว่ามีจดทะเบียนในชื่อของพระรูปหนึ่ง เป็นชื่อของสมเด็จช่วงตั้งแต่ต้นเลยไหมคะ หมายถึงว่าตั้งแต่ตอนที่เป็นจดประกอบค่ะ
       
       ไพสิฐ - ทางคุณสมนึกแจ้งว่า ในการกรอกเอกสารก็มีลายเซ็นของสมเด็จอยู่ในเอกสารปลอมนั้นแล้ว
       
       นักข่าว - ตอนนี้ดีเอสไอได้สอบไปถึงเจตนาของผู้รับรถคันนี้แล้วหรือยังคะ
       
       ไพสิฐ - ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังจากที่ชุดพนักงานสืบสวนเสนอเรื่องมาให้คณะกรรมการกลั่นกรองคดีพิเศษ คณะกรรมการกลั่นกรองคดีพิเศษเสนอเรื่องให้อธิบดีให้รับเป็นคดีพิเศษ โดยมีการพิจารณาในแง่กฎหมายว่าเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษก็ได้รับเรื่องไว้ หลังจากนี้ต่อไปจะเป็นเรื่องการสอบสวนต่อไป อีกส่วนหนึ่งผมก็กราบเรียนว่า เราจะเร่งรัดการดำเนินการ บางส่วนเราได้ทำการสืบสวนมาแล้ว แต่บางส่วนเราต้องขอเพิ่มเติมจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง เราจะเร่งรัดดำเนินการ ขอย้ำอีกนิดหนึ่งครับว่า ดีเอสไอไม่ได้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมา ดีเอสไอทำเพราะมีผู้ร้อง และเรื่องนี้เกิดตั้งแต่ปี 2556 ดีเอสไอยืนยันว่าเราทำตามหลักการ ตรงไปตรงมา ไม่มีเจตนาอย่างอื่นเลย เราต้องตรวจสอบรถคันนี้ว่าชอบหรือไม่ชอบ และการทำงานเป็นรูปคณะกรรมการนะครับ ไม่ได้ทำคนเดียว ทุกขั้นตอนเป็นคณะกรรมการหมด
       
       นักข่าว - คุณสมนึกเป็นคนที่ดำเนินการจดทะเบียนใช่ไหมคะ
       
       กรวัชร์ - คุณสมนึกเป็นคนที่รับเอกสารมาจากคุณชลัช เพื่อที่จะไปจดทะเบียนรถคันนี้ จริงๆ แล้วคุณสมนึกเป็นเหมือนกับเขาเรียกว่า คนรับจ้างจดทะเบียน
       
       นักข่าว - อย่างนี้ถือเป็นขบวนการไหมคะ หรือเป็นขบวนการที่อยู่ในกรอบมิชอบ และต้องดำเนินทั้งทั้งขบวนการไหมคะ
       
       กรวัชร์ - ผมคงจะเรียนอย่างนี้ว่า ในส่วนของขบวนการที่ทำในเรื่องรถนี้ขึ้นมา จะได้มีการดำเนินการ ซึ่งตอนนี้ผมต้องเรียนอย่างนี้ครับว่า ผมได้นำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบแล้ว ก็เป็นขบวนการอีกขบวนการหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างจะมีคนหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ขอบคุณครับ
       
       นักข่าว - คนที่เกี่ยวข้องคือคนที่มีลายมือ หรือคนที่ถูกปลอมที่มีการปรากฏออกมาแล้วใช่ไหมคะ
       
       กรวัชร์ - ยังครับ ยังมีคนที่ทำที่เกี่ยวข้องอยู่
       
       นักข่าว - ตอนนี้เปิดเผยได้ไหมคะว่า หลวงพี่แป๊ะเป็นใครยังไง
       
       กรวัชร์ - ต้องสอบสวนไปอีกสักระยะหนึ่ง คดีนี้ผมสรุปข้อมูลเบื้องต้น และส่งข้อมูลให้ทางสำนักภาษี
       
       นักข่าว - อย่างกลุ่มหนึ่งที่ทำคือเราพบว่า เขาเคยทำก่อนหน้านี้
       
       กรวัชร์ - พบครับ
       
       นักข่าว - หลายคันไหมคะ
       
       กรวัชร์ - หลายครับ
       
       นักข่าว - ทำให้กับในส่วนของโครงการพระ หรือส่วนอื่นด้วยคะ
       
       กรวัชร์ - ที่พบคันนี้ และไปเจอกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง เขามีพฤติการณ์ในเรื่องของการทำรถในลักษณะนี้หลายคัน ไม่เกี่ยวกับพระ
       
       นักข่าว - ประมาณขนาดไหนคะ ใหญ่ไม่ใหญ่คะโครงข่าย
       
       กรวัชร์ - พอสมควรครับ หลายคัน
       
       นักข่าว - พฤติการณ์กลุ่มคนนี้ทำก่อนหน้าของจะมีรถของสมเด็จช่วง หรือว่าหลังคะ
       
       กรวัชร์ - มีการนำเครื่องยนต์เข้ามาพร้อมๆ กันในรายละเอียดด้วย และมีการนำเข้ามาก่อน ผมขอเวลาตรวจสอบสักนิดหนึ่ง
       
       นักข่าว - มีตัวเลขรถของหลวงพี่แป๊ะบอกว่า ราคา 4 ล้านบาท แต่ว่ามีการแจ้งจดทะเบียน 1 ล้านบาท ตรงนี้มันบ่งชี้อะไรหรือเปล่าคะ
       
       ไพสิฐ - ผมเรียนอย่างนี้นะครับคือ จากการที่วัดเชิญเราไป และวัดให้ข้อมูลมีการจัดซื้อรถ และถวายสมเด็จ 4 ล้านบาท และเรามีการถามอู่วิชาญ อู่วิชาญก็ยืนยันว่า ประกอบรถคันนี้ และให้ตามที่หลวงพี่แป๊ะว่าจ้าง 4 ล้านบาท ซึ่งก็ตรงกัน ผมยืนยันว่า ในการโอนการทำรถคันนี้ 4 ล้านบาทตรงกัน ในส่วนของสมเด็จที่แกแจ้งไว้ 1 ล้านบาท เขารับว่าเขาปลอมเอง
       
       กรวัชร์ - ขออนุญาตเสริมนิดหนึ่งว่า รถคันนี้ได้ไปทำที่อู่วิชาญ โดยที่ 1. คืออู่วิชาญเขาก็ไม่มีใบประกอบ คือไม่ใช่โรงประกอบรถยนต์ 2.จำนวนอะไหล่ หรือจำนวนส่วนควบส่วนประกอบรถทั้งหมด กลุ่มบริษัทอ๊อด 89 ที่นำรถเข้ามาเป็นคนเอาไปให้ ท่านจะได้เห็นภาพรวมของมันว่า มันมีลักษณะสอดคล้องกันอยู่ตลอดเวลา โดยที่นำเข้ามา และมีคนไปรับ และเอาไปให้อู่วิชาญประกอบ ซึ่งอู่วิชาญก็รับค่าจ้างตามปกติ ซึ่งเขาให้การอย่างนั้น
       
       นักข่าว - หลวงพี่แป๊ะคือเราเข้าไปสอบปากคำหรือเปล่าคะ
       
       ไพสิฐ - ท่านเดินทางมาให้ปากคำกับพวกเราครับ
       
       นักข่าว - ตอนนั้นที่ให้ปากคำนี่คือระบุไหมคะว่า ถวายเพื่อเจตนาอะไรยังไง
       
       ไพสิฐ - รับเป็นคนถวายจริง แต่การสอบสวนก็คงต้องสอบสวนต่อไปนะครับว่า มีเจตนายังไงในการถวาย
       
       นักข่าว - ตอนนี้อยากให้ท่านอธิบดีช่วยสรุปว่า ข้อหาที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยกี่ข้อหา
       
       ไพสิฐ - ในส่วนข้อกล่าวหาผมต้องให้เวลาทางพนักงานสอบสวนนิดหนึ่ง เพราะทางพนักงานสอบสวนเองจะสอบสวนในรายละเอียด แต่เบื้องต้นในส่วนสืบสวนเราเชื่อว่า รถคันนี้น่าจะผิดหลายข้อกล่าวหา โดยเฉพาะผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ร.บ.สรรพสามิต ประมวลกฎหมายอาญาในเรื่องของแจ้งความเท็จ ใช้เอกสารปลอม และใช้เอกสารกรอกมีหลายข้อกล่าวหา ตอนนี้ในส่วนไหนจะผิดยังไง ขั้นตอนการสอบสวนจะลงลึกไปในเรื่องการสอบสวนนะครับว่า คนที่แจ้งจดจะผิดยังไง ถูกจดประกอบจะผิดยังไง ก็มีขั้นตอนของการสอบสวนครับ
       
       นักข่าว - ผู้ครอบครองจะมีส่วนผิดในทันทีเลยหรือเปล่าคะ
       
       ไพสิฐ - ขอให้กระบวนการสอบสวนสอบสวนไปก่อน ตอนนี้ที่เรามาแถลงข่าววันนี้ เรายืนยันเกี่ยวกับตัวรถก่อน ส่วนผู้ครอบครองก็ต้องไว้มีโอกาสไปสอบถามท่านได้มายังไง ตรงกับข้อมูลที่เราได้รับไหม
       
       นักข่าว - ในการตรวจสอบคดีรถจดประกอบคันอื่นๆ ก่อนหน้านี้ การตรวจสอบก็คือ อู่มีความผิดและผู้ครอบครองในรถคันก่อนหน้านี้มีความผิดด้วยหรือเปล่า ถามไม่รวมคดีนี้ค่ะ
       
       กรวัชร์ - ในช่วงเวลานั้นผมได้แถลงข่าวมาตั้งแต่ต้นว่า ลักษณะการกระทำความผิด มันเป็นลักษณะการนำรถเข้ามาของกลุ่มผู้ประกอบการ ส่วนกลุ่มที่ครอบครองรถในช่วงเวลานั้น เราเคยแถลงว่าถ้าเขาไม่รับรู้ หรือไม่รู้ในเรื่องของการซื้อขายก็ไม่มีเจตนา คือหมายความว่า เขาเป็นผู้เสียหายในช่วงเวลานั้นที่ผ่านมา ตอนนี้ในส่วนของรถจดประกอบคันอื่น เราก็ส่งไปที่กรมศุลกากรให้กรมศุลกากรประเมินราคา ซึ่งได้ประเมินราคากลับมาส่วนหนึ่งแล้ว
       
       นักข่าว - แล้วกรณีที่รถถวายเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ทางดีเอสไอจะมีขั้นตอนการตรวจสอบยังไงครับ
       
       ไพสิฐ - ในการสอบสวนเดี๋ยวชุดพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะลงไปสอบถามรายละเอียดอีกทีว่า ซื้อจากไหน ราคาเท่าไร เอกสารการซื้อมีไหม ท่านชำระเงินยังไง กระบวนการสอบสวนจะลงรายละเอียด แต่เบื้องต้นท่านหลวงพี่แป๊ะท่านจะรับเองว่า ท่านเป็นคนจัดซื้อรถคันนี้ถวายสมเด็จ
       
       นักข่าว - หมายความว่า ผู้ที่เคยครอบครองรถคันนี้น่าจะมีความผิดกระบวนการจากการจดประกอบ
       
       ไพสิฐ - ตรงนี้อย่างที่กล่าวไปแล้วนะครับว่า วันนี้เราได้ข้อเท็จจริงในเกี่ยวกับรถว่า ได้รถคันนี้มาโดยชอบ หรือมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งตอนนี้เราก็ชี้แจงชัดเจนแล้วว่า รถคันนี้ไม่ชอบโดยกฎหมาย ส่วนผู้ครอบครองขอเวลาให้ทางพนักงานสอบสวนลงไปนิดหนึ่งว่า ผู้ครอบครองรู้หรือไม่รู้อีกครั้งหนึ่ง เพราะตอนนี้ยังไม่ได้สอบปากคำ ยังไม่ได้เชิญผู้ครอบครองให้ถ้อยคำ เพราะฉะนั้นเราจะไปตัดสินก็ไม่ได้ ต้องให้กระบวนการสอบสวนดำเนินการไปก่อน
       
       นักข่าว - ก่อนหน้านี้มีการดำเนินการกับเจ้าของรถบ้างไหมคะ ในรถจดประกอบผู้ครอบครอง
       
       กรวัชร์ - อย่างนี้ครับเรียนว่า เราส่งรถไปหนึ่งจำนวนที่กรมศุลกากร และตอนนี้กรมศุลกากรได้ประเมินภาษีกลับมาแล้ว หลังจากที่มีการประเมินภาษีก็จะเข้าสู่กระบวนการของการดำเนินคดี ในส่วนคดีของรถเพลิงไหม้ที่กลางดง สำนวนใกล้เสร็จแล้ว และมีตัวผู้ต้องหาแล้ว และในส่วนรถจดประกอบคันอื่นที่เราได้ส่งไปที่กรมศุลกากรเรียนว่า กรมศุลกากรเริ่มประเมินราคามาให้เราแล้ว หลังจากนั้นจะไปสู่กระบวนการของการดำเนินคดี
       
       นักข่าว - ในส่วนของผู้ที่นำเข้ารถผิดกฎหมายพวกนี้ สำหรับชำระภาษี ตอนมีการคืนรถให้ ตรงนี้คดีจะยุติไหมครับ
       
       กรวัชร์ - ผู้ต้องหาจะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 27 นะครับ ส่วนผู้ครอบครองจะเป็นมาตรา 27 ทวิ เดี๋ยวจะไปดูอีกทีหนึ่งว่าคดีจะยุติอย่างไร
       
       นักข่าว - 27 คืออะไรคะ
       
       กรวัชร์ - มาตรา 27 คือ ผู้นำเข้า มาตรา 27 ของ พ.ร.บ.ศุลกากรคือ ผู้ครอบครอง ท่านจะได้เข้าใจ 27 ทวิผู้ครอบครอง 27 คือกลุ่มกระบวนการของผู้ประกอบรถยนต์นะครับ

“เบนซ์สมเด็จช่วง” ผิดทุกขั้นตอน “ศุลกากร-สรรพสามิต-อาญา” มีลายมือชื่อเจ้าตัว [ชมคลิปแถลงข่าว]

“เบนซ์สมเด็จช่วง” ผิดทุกขั้นตอน “ศุลกากร-สรรพสามิต-อาญา” มีลายมือชื่อเจ้าตัว [ชมคลิปแถลงข่าว]

“เบนซ์สมเด็จช่วง” ผิดทุกขั้นตอน “ศุลกากร-สรรพสามิต-อาญา” มีลายมือชื่อเจ้าตัว [ชมคลิปแถลงข่าว]


แกะรอย “เบนซ์สมเด็จช่วง” ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง [ชมแผนผัง]

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม

      MGR Online - ตามรอยรถเบนซ์คลาสสิก ขม 99 ตามผังการสืบสวนของดีเอสไอ แจงความผิด ข้อพิรุธละเอียดยิบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การนำเข้า - จดประกอบ - เสียภาษี - จดทะเบียน ก่อนในที่สุดตกมาถึงมือของเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ
       
       จากกรณีเช้าวันนี้ (18 ก.พ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดแถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดีตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ โบราณ เลขทะเบียน ขม 99 ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยชี้ว่า ตามขั้นตอนปกติ รถจดประกอบต้องผ่านขั้นตอนทางกฎหมายจำนวน 4 ขั้นตอนด้วยกัน คือ ขั้นตอนการนำเข้า, การจดประกอบรถ, การเสียภาษีสรรพสามิต และการจดทะเบียน ซึ่งรถเบนซ์คันนี้ก็เข้าข่ายการทำความผิดทั้ง 4 ขั้นตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต ทั้งยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานแจ้งความอันเป็นเท็จ ปลอมและใช้เอกสารปลอม

แกะรอย “เบนซ์สมเด็จช่วง” ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง [ชมแผนผัง]

แกะรอย “เบนซ์สมเด็จช่วง” ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง [ชมแผนผัง]

       จากแผนผังที่ดีเอสไอนำมาแสดง ระบุว่า ใน กระบวนการนำเข้า จากสหรัฐอเมริกา และเข้าสู่เมืองไทย ที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยบริษัท ODD 89 Enterprises มีปัญหาตั้งแต่แรก เนื่องจากข้อมูลที่ปรากฏในใบ Invoice เลขที่ CGC-2010-08 ไม่ตรงกับข้อมูลของใบตราส่ง (B/L) เลขที่ OOLU1021025860 คือ รายการสินค้า จำนวนชนิดหีบห่อไม่ตรงกับตามใบตราส่งและรายละเอียดค่าระวางเรือ และรายละเอียดสินค้าตามที่ปรากฏในใบขนสินค้าเลขที่ A020 0-5310-05086 ก็ไม่ตรงกับข้อมูลที่ปรากฏในใบตราส่ง (B/L) เลขที่ OOLU1021025860 มีเพียงรายการที่ 3 ในใบขนสินค้าฯ ชนิดสินค้าที่สำแดงเป็น “แผ่นอะลูมิเนียมเก่าที่ใช้แล้ว” เท่านั้นที่ตรงกับใบตราส่ง นอกนั้นไม่มีรายการใดตรงเลย
       
       ทั้งนี้ รถจดประกอบนั้นโดยปกติจะเป็นการประกอบกันระหว่าง 3 ส่วน คือ โครงตัวถัง เครื่องยนต์ และส่วนควบอุปกรณ์ โดยเบนซ์ ทะเบียน ขม 99 นั้น สองส่วนแรกคือ โครงตัวถัง มูลค่า 120,000 บาท และเครื่องยนต์ มูลค่า 60,000 บาท นำเข้ามาและซื้อขายกัน ณ วันที่ 10 ก.พ. 2554 ส่วนควบอุปกรณ์มูลค่า 78,110 บาท แจ้งว่า ใช้ของ หจก.สายชลมอเตอร์ โดยทำการซื้อเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2554 แต่เมื่อดีเอสไอตรวจสอบกลับพบว่า หจก.สายชลมอเตอร์ ไม่มีในสารบบ

แกะรอย “เบนซ์สมเด็จช่วง” ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง [ชมแผนผัง]

        จากนั้นในขั้นตอนของ การจดประกอบ ก็อ้างว่า จดประกอบที่ บจ.เอ็น.พี.การาจ ซึ่งเมื่อตรวจสอบที่ตั้งแล้วเป็นอู่ประกอบกิจการเคาะ พ่นสียานยนต์ ไม่มีการประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับการประกอบรถยนต์ขึ้นจากชิ้นส่วน อุปกรณ์รถเก่า ขณะที่เจ้าของกิจการก็ให้การว่าไม่เคยรับจดประกอบรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ ทะเบียน ขม 99 และไม่เคยเห็นรถยนต์คันนี้มาก่อน ส่วนเอกสารที่อ้างทั้งหมดนั้นถูกปลอมแปลงลายมือชื่อ
       
       นอกจากนี้ ยังมีการอ้างอีกว่า ในการจดประกอบนั้น ดำเนินการโดย หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท ซึ่งเจ้าของกิจการก็ยืนยันว่าถูกปลอมแปลงเอกสาร เพราะกิจการที่ทำนั้นเป็นโกดังเก็บสินค้า ได้เลิกกิจการมานานแล้ว และไม่มีการประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับการประกอบรถยนต์ขึ้นจากชิ้นส่วน อุปกรณ์รถเก่า ด้วยเหตุนี้จึงสรุปได้ว่ารถยนต์คันนี้ไม่ได้ผ่านกระบวนการด้านอุตสาหกรรม อย่างถูกต้อง และทุกอย่างใช้เอกสารอันเป็นเท็จทั้งสิ้น

แกะรอย “เบนซ์สมเด็จช่วง” ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง [ชมแผนผัง]

        ในขั้นตอนของ การเสียภาษีสรรพสามิต เอกสารที่ส่งไปยังกรมสรรพสามิตก็เป็นเอกสารปลอมทั้งหมด โดยระบุมูลค่าสินค้า 570,000 บาท อัตราภาษีร้อยละ 40 และมีการชำระภาษีมูลค่า 250,800 บาท แบ่งเป็นภาษีสรรพสามิต 228,000 บาท และภาษีเก็บเพิ่มเพื่อมหาดไทย 22,800 บาท อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอได้ตั้งข้อสังเกตว่า แบบรายการภาษีสรรพสามิตไม่มีการบันทึกข้อความลงในช่องรายการต่าง ๆ ทุกรายการ ที่ต้องบันทึกโดยเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตแต่อย่างใด
       
       ต่อมาในขั้นตอนของ การจดทะเบียน ได้มีการว่าจ้างนายสมนึกให้ดำเนินการ แต่เอกสารที่ไปขอจดทะเบียนกลับเป็นการกรอกเองทั้งหมด และมีการปลอมลายมือชื่อ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของวิศวกรได้รับอนุญาต วก.75 รับรองความมั่นคงแข็งแรงของรถยนต์ ในส่วนสำเนาบัตรใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของผู้รับอนุญาต ไม่ปรากฏรายละเอียดใด ๆ บนบัตร และลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องแต่ละตำแหน่งก็ไม่เหมือนกัน
       
       ส่วนเอกสารที่มีลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจ ถูกปลอมลายมือชื่อ XXXX ผู้รับมอบอำนาจทั้งสองฝ่ายให้การรับว่า เป็นผู้ลงลายมือชื่อแทน XXX ในหนังสือมอบอำนาจ ส่วนลายมือชื่อของสมเด็จฯ มีการลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจมาก่อนแล้ว
       
       “ตรงนี้ชัดเจนว่าใช้เอกสารปลอมเกือบทั้งหมด ได้พิสูจน์ทราบมาในเรื่องนี้แล้ว โดยเฉพาะคนจดทะเบียนมาบอกเลยว่า ได้รับเอกสารมาจากคนที่ไปเสียสรรพสามิต ก็ใช้เอกสารปลอมไปเสีย หลังจากใช้เอกสารปลอมไปเสีย ก็เอาเอกสารปลอมมากรอกข้อความ เซ็นชื่อเอง ขอจดทะเบียน” ดีเอสไอชี้แจงความผิดปกติในขั้นตอนทั้งหมดของการจดทะเบียนรถเบนซ์ ขม 99 ซึ่งสุดท้ายอยู่ในชื่อการครอบครองของ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ!!!

แกะรอย “เบนซ์สมเด็จช่วง” ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง [ชมแผนผัง]


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : แกะรอย เบนซ์สมเด็จช่วง ผิดกฎหมาย ตั้งแต่ต้นทาง ถึงปลายทาง

view