สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ธุรกิจนวัตกรรมอะไร ที่แม้แต่ สตีฟ จ็อบส์ เจฟ เบซอส ยังถึงกับ เดาผิด ไม่รุ่งอย่างที่คิด

จากประชาชาติธุรกิจ

ธุรกิจพอดีคำ
กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร www.facebook.com/eightandahalfsentences
ที่มา นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์
ภาพ Reuters


ในปี 1985 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

บริษัทเจ้าของเครือข่ายโทรคมนาคมที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ ชื่อว่า "AT&T"

เริ่มที่จะสนใจ เทคโนโลยี ตัวหนึ่งที่เรียกว่า

"โทรศัพท์เคลื่อนที่"

แต่ไม่แน่ใจว่า มันจะมีคนใช้ รึเปล่า ในอนาคต

คุยกันแล้ว นานสองนาน ประชุมกันเป็นเดือนๆ ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป

AT&T จึงตัดสินใจ จ้างบริษัททีปรึกษาระดับโลกชื่อดัง "แมคคินซี่ (McKinsey)" มาช่วย

McKinsey ขึ้นชื่อว่า มีงานวิจัย ศึกษาถึงแนวโน้มทางธุรกิจในอนาคตที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง

และ ได้ทำการศึกษาพยากรณ์ ถึง "ปริมาณผู้ใช้งานโทรศัพท์" มือถือในอนาคต

ผลลัพธ์ของการศึกษาชิ้นนั้น เป็นจุดสำคัญจุดหนึ่ง

ในประวัติศาสตร์ของ AT&T เลยก็ว่าได้



หลายๆ ท่านคงจะพอทราบแล้วว่า ผมนั้นชื่นชอบเรื่อง "การสร้างนวัตกรรม" เอามากๆ

ผมเองทำงานประจำในฐานะของ "นักวางแผนกลยุทธ์องค์กร" ให้กับบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง แถวลาดพร้าว มาเกือบสิบปี

ต้องยอมรับว่า "การวางแผน" ที่รัดกุม ชัดเจน นั้น คือ "วิธีการทำงาน" ขององค์กรใหญ่ๆ

ที่มี "ระบบการทำงาน" ชัดเจน ออกแบบมาเพื่อควบคุมคนปริมาณมากๆ

ให้ "ก้าว" ไปพร้อมๆ กัน อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่แตกแถว

ถึงกับมีผู้บริหารหลายๆ ท่าน ชอบยกเอา "คำคม" มาพูดว่า

"If you want to go fast, go alone.

If you want to go far, go together"

(ถ้าคุณอยากไปเร็ว เชิญไปคนเดียวได้เลย

แต่ถ้าคุณอยากไปได้ไกล มาเดินไปด้วยกัน)

เป็น "คำคม" ที่แสดงออกถึง "ความสามัคคี" โดยแท้

พูดเมื่อไร ก็ดู "เท่"

เปลี่ยน "ผู้บริหาร" ธรรมดาๆ ให้กลายเป็น "ผู้นำ" ไปในบัดดล

แน่นอนครับ "สามัคคีคือพลัง"

ถ้าขาดพลัง เราก็คงจะทำอะไรไม่ได้ อาจจะก่อให้เกิดความผิดพลาด

พวกเราควรมาเดินด้วยกัน เพื่อมุ่งไปสู่สิ่งที่ดีที่สุด

บลา บลา บลา

หากแต่ว่า ผมเองที่เรียนทางด้าน "การสร้างนวัตกรรม" ผ่าน "กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)"

หลายๆครั้ง จะมีความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างออกไปบ้าง

จะให้ดี ขอเล่า "ตำนาน" เรื่องหนึ่งของ ซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley)

ที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดที่ผมจบมา และ บริษัทระดับโลกอย่าง Google Facebook หรือ Apple



กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว

สตีฟ จ็อบส์ เรียกสิ่งนี้ว่า

"มันจะเป็นเทคโนโลยีที่เจ๋งที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเกิดขึ้น"

เขาเคยเสนอเงิน 63 ล้านเหรียญดอลลาร์ ให้กับคนกลุ่มนี้

เพื่อแลกกับหุ้นในบริษัท 10%

แต่ก็ถูก "ปฏิเสธ" อย่างไม่น่าเชื่อ

(บ้าหรือเปล่า นี่ สตีฟ จ็อบส์ นะเฟ้ย)

ยิ่งกว่านั้น เขายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ

เขาเสนอตัวช่วยให้คำแนะนำกับบริษัทนี้ เป็นเวลา 6 เดือน

แบบฟรีๆ ไม่คิดสตางค์ใดๆ

เจฟ เบซอส เจ้าของบริษัท อเมซอน (Amazon) อีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา

เคยบอกกับกลุ่มคนเหล่านี้ว่า

"พวกคุณมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นการปฏิวัติวงการเลยนะ

คุณจะขายมันได้อย่างแน่นอน ผมรับรองเลย"

จอห์น ดูเออร์ (John Doerr) ผู้บริหารระดับสูง บริษัท Venture Capital ชื่อ KPCB

ที่ลงทุนกับบริษัทระดับโลก เช่น Google, Uber หรือว่า Airbnb

เรียกได้ว่า มีสายตาเฉียบคม ที่มองออกว่า

บริษัทใดจะเติบโต ทำผลตอบแทนได้ดี ในอนาคต

ตัดสินใจลงทุนกับบริษัทนี้ด้วยเงินอัดฉีดสูงถึง 80 ล้านดอลลาร์

และ พยากรณ์ต่อไปอีกว่า บริษัทนี้จะมีมูลค่าพุ่งไปถึง พันล้าน ดอลลาร์ ได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์

ที่สำคัญมาก คือ มันจะมีบทบาทมากกว่า อินเตอร์เน็ต ในอนาคตอันใกล้

โอ้วแม่เจ้า สิ่งนี้มันคืออะไรกันนี่

ทำไมบุคคลระดับโลกถึงได้แตกตื่น และ ชื่นชม

อยากจะเป็นเจ้าของมันมากถึงเพียงนี้

ลองเดากันมั้ยครับ ให้เวลา 10 วินาที

.....................................

.....................................

เจ้าสิ่งนี้ มีล้อสองล้อ ก้านขับ หนึ่งก้าน

หรือที่เรียกว่า "เซ็กเวย์ (Segway)" ครับ

ปัจจุบัน เราเห็นตาม สถานที่ท่องเที่ยว บางแห่ง เท่านั้น

นักท่องเที่ยวขึ้นไปยืน แล้วบังคับมันไปข้างหน้า เพื่อเที่ยวชมเมือง ตามอัธยาศัย

ถ้าเทียบกับการลงทุนก่อนหน้านี้

และความคาดหวังจากตลาดแล้ว

ถือว่าเป็น "ผลิตภัณฑ์" ที่ล้มเหลวอย่างน่าเสียดายที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติซิลิคอนวัลเลย์

สตีฟ จ็อบส์ เจฟ เบซอส จอห์น ดูเออร์ บุคคลในตำนานเหล่านี้

คาดการณ์ผิดอย่างมหันต์ และ น่าขัน กับ "การประเมินธุรกิจ" ในครั้งนั้น

ถ้า "ทีมชาติ" ยังผิดได้ขนาดนี้

แล้วนับประสาอะไรกับ "ทีมอนุบาล" อย่างพวกเราในเมืองไทยที่ยังใหม่กับเรื่องเหล่านี้

"ความผิดพลาด" ในตอนแรก เป็นส่วนหนึ่งของ "ความสำเร็จ" ในตอนท้าย

ถ้าเป็นเรื่องของ "นวัตกรรมแห่งอนาคต" แล้ว

"ยาก" ที่จะเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้น

เมื่อ "โอกาส" มา ก็ขึ้นกับว่า คุณจะ "กล้า" คว้ามันไว้หรือเปล่า

ในโลกของนวัตกรรม คำคมที่ว่า "ถ้าจะไปเร็ว เชิญไปคนเดียว ถ้าอยากไปไกล ก็ไปด้วยกัน"

อาจจะใช้ไม่ได้ผลเท่าที่ควร

จริงๆ แล้ว ทุกวันนี้อาจจะต้องมี คำคมเสริมต่อ

"If you want to be innovative, go fast together"

ถ้าคุณอย่างสำเร็จ มาเดินเร็วไปด้วยกัน

เพราะ "ความเร็ว" ในการลองผิดลองถูก และ การทำงานเป็นทีม นั้น

ล้วนมีความสำคัญในการ "สร้างนวัตกรรม" ทั้งสิ้น

ถ้าจะทำอะไรสักอย่าง ต้องรอให้ทุกๆ คน เดินในจังหวะพร้อมๆ กัน ไปเสียหมด

กว่าจะตั้งแถวได้ ก็อาจจะสายเกินไป ตามโลกที่หมุนเร็วใบนี้ ไม่ทันเสีย

แถม "พื้นที่" แห่งความคิดสร้างสรรค์ ก็อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่

"เดินเร็วไปด้วยกัน (Go Fast Together)" จึงเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดในยุคนี้



กลับมาที่บริษัท McKinsey ข้างต้น

เขาทำนายว่า โทรศัพท์มือถือ ในปี 2000 จะมีอยู่ประมาณ 9 แสนเครื่อง

ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น่าดึงดูดเท่าไร ตลาดเล็กไป สำหรับบริษัทอย่าง AT&T

AT&T จึงตัดสินใจ "ไม่ลงทุน" ในโทรศัพท์มือถือ

15 ปีผ่านไป เลขที่ออกคือ 109 ล้านเครื่อง

เดาผิดไปแค่ 120 เท่าแค่นั้นเอง

ทำให้ AT&T พลาดธุรกิจโทรศัพท์มือถือขนาด "ล้านล้านดอลลาร์" ไป

ปล่อยให้เจ้าใหม่อย่าง Apple Samsung Google มาแย่งไปต่อหน้าต่อตา

ก็เพราะหลงเชื่อ "คำพยากรณ์" ของผู้เชี่ยวชาญ

เรื่องของ "นวัตกรรม" ต้องลงมือทำ ทำ ทำ

รับรอง "ไปได้ไกล"


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ธุรกิจนวัตกรรมอะไร สตีฟ จ็อบส์ เจฟ เบซอส ถึงกับ เดาผิด ไม่รุ่งอย่างที่คิด

view