จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ จับกระแสตลาด

แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อในช่วงนี้จะไม่เป็นใจสำหรับการเติบโตของธุรกิจ "เบียร์" มูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านมากนัก แต่อุณหภูมิของการแข่งขันกลับไม่ดรอปลงแถมดีกรีของการออกมาฟาดฟันในช่วงหน้าขายโค้งท้ายปีกลับยิ่งทวีความดุเดือดทะลุปรอท

ล่าสุด"สิงห์"ได้ขนทัพสินค้าใหม่-โฉมใหม่มาเสิร์ฟแบบรัวๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแพ็กเกจจิ้งของกระป๋องเบียร์ที่เริ่มจาก "สิงห์" ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ตามด้วย "ลีโอ" ในช่วงปลายเดือน ก่อนที่จะเขย่าวงการเบียร์รอบใหม่ด้วยการเปิดตัวเบียร์น้องใหม่ในชื่อ "ยู เบียร์" ช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยคอนเซ็ปต์ของสินค้าที่ฉีกภาพเบียร์โลคอลแบบเดิม ๆ ดูวัยรุ่น และทันสมัยมากขึ้น ประกอบกับวิธีที่ใช้ในการสร้างกระแสของเบียร์ตัวนี้ก็หันไปใช้ช่องทางอย่าง "ออนไลน์" และ "โซเชียลเน็ตเวิร์ก" ที่กลุ่มคนรุ่นใหม่นิยม เป็นตัวจุดพลุให้กับสินค้า 



ด้วยการเชิญแอดมินเพจในเฟซบุ๊กจำนวนหนึ่งไปรีวิวสินค้าถึงโรงงานที่ปทุมธานีจนเกิดการแชร์ต่อกันจำนวนมากตามต่อด้วย "ปิติ ภิรมย์ภักดี" ที่ยิงเฟซบุ๊กส่วนตัว ย้ำถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่ และการเอาจริงกับสินค้าดังกล่าว

แหล่งข่าวจากบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในช่วงที่ผ่านมาสิงห์ไม่ได้ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มของเบียร์ออกสู่ตลาดเป็นระยะเวลานาน ซึ่งหลังการเปิดตัวเบียร์ลีโอก็ผ่านมาแล้วถึง 18 ปี เพื่อสร้างความแปลกใหม่ ความคึกคักให้กับตลาดเบียร์และผู้บริโภค จึงพัฒนา "ยูเบียร์" ขึ้นมา 

"ยู เบียร์" จะเน้นให้รูปแบบของแพ็กเกจจิ้งมีความทันสมัยสร้างสรรค์ แตกต่างไปจากแพ็กเกจจิ้งรูปแบบเดิม เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เซ็กเมนต์ใหม่ ซึ่งจะมีกลยุทธ์ในการทำตลาดที่แตกต่างไปจากวิธีเดิม ๆ อย่างสิ้นเชิง 

โดยจะมีรสชาติที่นุ่ม ดื่มง่าย เหมือนเบียร์ยุโรป หรือเบียร์นอก รับพฤติกรรมการดื่มของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ชื่นชอบเบียร์สไตล์นี้ และขวดที่สร้างภาพลักษณ์ให้กับตัวเองได้ โดยมีทั้งหมด 2 ไซซ์ คือ ไซซ์เล็ก ขวดแก้วขนาด 320 มล. และไซซ์ใหญ่ ขวดแก้วขนาด 620 มล. 

กลยุทธ์ในช่วงแรกเตรียมที่จะวางตลาดในช่วงต้นเดือนธันวาคม โดยไซซ์ใหญ่จะเน้นจำหน่ายผ่านช่องทางออนพรีมิส เช่น ร้านอาหาร ผับ บาร์ ฯลฯ และช่องทางที่หลากหลายเพื่อแย่งตลาดกลับคืนมาส่วนไซซ์เล็กจะเน้นผับ บาร์ ในโซนแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ร้านคาเฟ่ ร้านกาแฟ รวมถึงโคเวิร์กกิ้งสเปซ สนามบิน โรงแรมบูทีค ฯลฯ 



ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ในช่วงก่อนหน้านี้ "สิงห์" พยายามจัดพอร์ตเบียร์มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มอัตรากำไร เช่น ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ปรับโลโก้บนกระป๋องใหม่ ให้สัญลักษณ์รูปสิงห์สีทองมีขนาดใหญ่และใช้เฉดสีที่เด่นขึ้น และปรับแพ็กเกจจิ้งโดยลดปริมาณเหลือ 320 มล. จากเดิม 330 มล. โดยยังคงราคาไว้ที่ 39 บาท (ราคาในช่องทาง 7-11) 

ตามด้วย "ลีโอ" ที่เริ่มวางกระป๋องโฉมใหม่ในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา โดยปรับฉลากให้ตำแหน่งของเสือดาวบนโลโก้ย้ายขึ้นไปข้างบน และการย้ายสัญลักษณ์รางวัลลงมาอยู่ข้างล่างแทน 

พร้อมกับลดปริมาณเหลือ 320 มล. จาก 330 มล. และคงราคาขายเท่าเดิมที่ 39 บาท(ราคาในช่องทาง 7-11) เช่นเดียวกับเบียร์สิงห์หรือสินค้าในกลุ่มโซดา ก็มีการเปิดตัว "โซดาลีโอ" เสริมทัพกับโซดาสิงห์ และชนกับ "โซดาร็อคเมาเท็น" ของช้าง ซึ่งโซดาสิงห์ครองมาร์เก็ตแชร์อยู่กว่า 95% ในตลาด 6.5 พันล้าน 

ที่ผ่านมา เบียร์ช้างปล่อยหมัดรัวมาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้วด้วยการรีลอนช์ขวดใหม่ ภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมี่ยมขึ้น เพื่อเจาะคนรุ่นใหม่ พร้อมปรับลดดีกรีของแอลกอฮอล์ลง และดื่มง่ายกว่าเดิม เพื่อจับตลาดที่แมส ดันให้มาร์เก็ตแชร์ค่ายช้างทะลุ 38-39% จากในช่วงก่อนหน้าที่มีประมาณ 30% มากไปกว่านั้นผู้บริหารของช้างยังย้ำถึงเป้าหมายการ "ล้มแชมป์" หรือเพิ่มมาร์เก็ตแชร์เป็น 46% ให้ได้ภายใน 4 ปีหลังจากนี้ เพื่อสกัดความร้อนแรงและเบรกเกมเสิร์ฟของคู่แข่ง "สิงห์" ต้องออกมาปรับทัพครั้งใหญ่ ให้พร้อมรบและพร้อมชนกับช้างอย่างจังทุกรูปแบบ เพื่อย้ำศักดิ์ศรีของความเป็นผู้นำ

สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน