สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

น่าอับอาย!! บอส ลูกชายเจ้าของกระทิงแดง ถูกสื่อนอกแฉไม่สำนึก ใช้ชีวิตหรูบินรอบโลก หลังขับรถชนตำรวจตายในไทย

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

Exclusive:น่าอับอาย!! “บอส” ลูกชายเจ้าของกระทิงแดง ถูกสื่อนอกแฉไม่สำนึก ใช้ชีวิตหรูบินรอบโลก หลังขับรถชนตำรวจตายในไทย
ภาพเอพี

        เอพี/MGRออนไลน์ - เอพีรายงานพิเศษวันนี้(28 มี.ค)ระบุ “บอส” วรยุทธ  อยู่วิทยา  อายุ 31 ปี ทายาทเจ้าของกระทิงแดง กลับไปใช้ชีวิตหรูหราตามแบบลูกเศรษฐีพันล้าน บินรอบโลกด้วยเครื่องบินเจ็ตของเรดบูล นั่งเก้าอี้ VIP ดูการแข่งรถฟอร์มูลาวันเชียร์ทีมของตัวเอง ใช้กรุงลอนดอนเป็นที่เก็บรถปอร์เช่ คาร์เรรา สีดำป้ายทะเบียนพิเศษ ไม่กี่สัปดาห์หลังขับรถชนตำรวจชั้นผู้น้อยของไทยเสียชีวิต ลากศพติดรถเฟอร์รารีไปตามถนนในกรุงเทพฯ แต่กระบวนการยุติธรรมไทยเอาผิดไม่คืบ ไทยปล่อยให้ยืดเยื้อนานเกือบ 5 ปีจนคดีจะหมดอายุความลงในปี 2017 
       
       เอพีรายงานวันนี้(28 มี.ค)จากศูนย์วิจัยข้อมูลสำนักข่าวเอพีในนิวยอร์ก สหรัฐฯ ว่า คดีชนแล้วหนีปี 2012 ของทายาทกระทิงแดง “บอส” วรยุทธ  อยู่วิทยา  อายุ 31 ปีในปัจจุบัน กำลังจะหมดอายุความในปีนี้แล้ว
       
       ซึ่งอ้างอิงจากการรายงานของสื่อไทย หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ในวันที่ 4 ก.ย 2555 ระบุว่า บุตรชายคนเล็กวัย 27 ปี ของเจ้าพ่อกระทิงแดง เฉลิม อยู่วิทยา ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารีพุ่งเข้าชน ด.ต วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ วัย 48 ปี ในขณะกำลังอยู่ในระหว่างการปฎิบัติหน้าที่ในเวลาราว 5.40 น. ของวันที่ 3 ก.ย 2555
       
       โดยในรายงานของสื่อไทยในขณะนั้นพบว่า รถเฟอร์รารีสีบรอนซ์เทาของบอสพุ่งเข้าชนดาบตำรวจนายนี้อย่างแรงในขณะที่เขากำลังอยู่บนรถมอเตอร์ไซด์ ทำหน้าที่สายตรวจ
       
       และรถเฟอร์รารีของทายาทกระทิงแดงยังลากทั้งศพและรถไปตามถนน ระยะทางร่วม 200 ม. อ้างอิงจากผู้เห็นเหตุการณ์ที่ได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนไทย
       
       ในการให้ข้อมูล พยานยังชี้ต่อว่า บอสผู้ขับ พยายามที่จะขับให้ศพของตำรวจชั้นผู้น้อยรายนี้และรถจักรยานยนต์ที่ติดมานั้นหลุดจากรถเฟอร์รารีของตนเองโดยการขับส่ายไปมาตามถนนจนกระทั่งทั้งศพและมอร์เตอร์ไซด์กระเด็นไปคนละทิศละทางก่อนที่ชายหนุ่มนักเรียนนอกรายนี้จะขับรถหนีเข้าไปในซอยสุขุมวิท 53
       
       แต่เอพีพบว่า ตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีหลังเกิดเหตุ การดำเนินคดีทางกฎหมายในไทยกลับไม่คืบหน้า พบว่ากระบวนการยุติธรรมเอาผิด บอส อยู่วิทยา ในคดีชนคนตายแล้วหนีถูกเลื่อนออกไปในช่วงเกือบ 5ปีล่าสุด
       
       เอพีระบุว่า เมื่อใดก็ตามที่บอสถูกเรียกจากทางเจ้าหน้าที่ของไทย ชายหนุ่มวัย 31 ปีผู้นี้จะไม่ปรากฎตัวตามหมายเรียก แต่กลับใช้บริการจากทนายความเพื่ออ้างกับเจ้าหน้าที่ว่า เขาป่วย หรือ ไม่ได้อยู่ในประเทศในขณะนั้น
       
       โดยเอพีชี้ว่า คดีชนและหนีของลูกเจ้าของกระทิงแดงกำลังจะสิ้นสุดอายุความลงในปีนี้แล้ว
       
       ซึ่งในรายงานพิเศษของเอพีได้ชี้ว่า ถึงแม้จะมีการเชื่อในวงกว้างว่า ลูกเศรษฐีพันล้านของไทยอาจใช้การหลบในต่างประเทศ หรือการกบดานแบบเงียบเชียบในไทยเป็นฉากบังหน้า
       
       แต่ทว่าในความจริงแล้ว บอส อยู่วิทยา ไม่ทำเช่นนั้น
       
       โดยสื่อเอพีพบว่า ***เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์หลังเกิดเหตุ บอสสามารถกลับไปใช้ชีวิตหรูหราตามแบบที่เคยเป็นมา ซึ่งรวมไปถึง บินรอบโลกด้วยเครื่องบินเจ็ตเรดบูล นั่งเก้าอี้ชั้น VIP ชมการแข่งรถฟอร์มูลาวันเชียร์ทีมของตัวเอง ใช้กรุงลอนดอนเป็นที่เก็บรถสปอร์ต ปอร์เช่ คาร์เรรา สีดำ ป้ายทะเบียนพิเศษ B055 RBR บอส เรดบูล เรซซิง***
       
       และเอพียังชี้ว่า และพบว่าบอส อยู่วิทยา ไม่ใช่เป็นบุคคลที่ตามหาตัวยากอีกด้วย
       
       ซึ่งในเดือนที่ผ่านมา ร่องรอยที่ได้จากจากโซเชียลมีเดียได้นำนักข่าวเอพีไปพบว่า บอส อยู่ในเมืองหลวงพระบางในประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกับไทย ที่ถูกใช้เป็นสถานที่พักผ่อนของตระกูลอยู่วิทยาและบอสในในรีสอร์ตหรูระดับราคา 1,000 ดอลลาร์ต่อคืน เที่ยวชมวัดโบราณ และบริเวณข้างสระว่ายน้ำ
       
       เอพีรายงานว่า และมีเสียงออกมาจากบรรดานักวิจารณ์ให้ความเห็นคดีของบอสว่า ความไม่คืบหน้าในคดี พิสูจน์ให้เห็นถึงตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างร้ายกาจ...ของความมีอภิสิทธิ์ชนเหนือคนธรรมดาของบรรดาตระกูลดัง และลูกเศรษฐีต่างๆในไทย ที่กลายเป็นข้อปฎิบัติมาเป็นเวลานาน
       
       เอพีกล่าวว่า ทางสำนักข่าวไม่ได้รับการติดต่อกลับจากทนายความประจำตะกูลอยู่วิทยาในการขอสัมภาษณ์ “บอส” วรยุทธ  อยู่วิทยา ในขณะที่ตำรวจไทยระบุว่า บอสเป็นอีกครั้งที่ต้องมาพบตามหมายเรียกเพื่อเริ่มรับฟังข้อกล่าวหา
       
       ซึ่งเขามีกำหนดที่จะต้องปรากฎตัวต่อสำนักอัยการในวันพฤหัสบดี(30 มี.ค)ที่จะถึงนี้
       
       เอพียังได้รายงานไปถึงการเลี้ยงดูของบอส ที่พบว่า บอสและพี่น้องของเขาเติบโตมาในครอบครัวแบบขยายที่ทรัพย์สินของตระกูลเพิ่มจากหลักหลายล้านเป็นหลายพันล้าน
       
       โดยพบว่ามี พี่ชายชื่อ ปอร์เช่ และพี่สาวชื่อ แชมเปญจ์ ในขณะที่ตัวบอสได้รับการศึกษาในอังกฤษจากโรงเรียนประจำที่มีค่าเทอมราว 40,000 ดอลลาร์ต่อปี
       
       ในขณะเดียวกันเมื่อหันไปมองชีวิตของอีกฝั่งที่ได้จบลงไปแล้ว ในพื้นที่ห่างไกลของไทย วิเชียร กลั่นประเสริฐ ไม่ได้มีโอกาสมากเหมือนบอส แต่ดาบตำรวจผู้นี้มีความฝัน
       
       โดยเอพีชี้ว่า ดาบตำรวจวิเชียร์เป็นลูกคนสุดท้องเช่นเดียวกับบอส เขามีพี่น้อง 4 คน โดยตนเองเป็นคนที่ 5 และเป็นคนแรกที่สามารถหลุดออกมาจากสวนปาล์มและสวนมะพร้าวที่ตัวเองและครอบครัวอาศัยอยู่ ย้ายมาสู่เมืองใหญ่ เป็นคนแรกในตระกูลที่สามารถเข้ารับราชการ จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย เป็นคนที่รับผิดชอบออกค่ารักษาพยาบาลให้กับพ่อและแม่ และให้การดูแลพี่สาวที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งร้าย
       
       เอพีพบว่า ดาบตำรวจไทยนายนี้ไม่มีบุตร แต่ทว่าเขาวางแผนที่จะช่วยให้หลานที่เป็นลูกของพี่ชายเรียนจนสำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยให้ได้
       
       และในรายงานพิเศษของเอพียังระบุว่า หลังจากเกิดเหตุ ถึงแม้ครอบครัวของดาบตำรวจวิเชียร์จะต้องขมขื่น แต่ทว่ายังคงตั้งความหวังว่า สักวันกระบวนการยุติธรรมไทยจะสามารถนำตัวคนผิดมาลงโทษ และรับผิดชอบได้
       
       “ในตอนแรก ผมคิดว่ามันจะต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม” พี่ชายของดาบตำรวจวิเชียร์ พรอนันต์ กลั่นประเสริฐ ให้ความเห็น
       
       แต่ในขณะนี้พี่ชายคนนี้กลับไม่แน่ใจเสียแล้ว
       
       เอพีรายงานว่า ครอบครัวของดาบตำรวจวิเชียร์ กลั่นประเสริฐ ยอมรับเงินไกล่เกลี่ยจำนวน 100,000 ดอลลาร์ ในข้อแลกเปลี่ยนที่จะไม่เอาผิดทางอาญากับ บอส อยู่วิทยา
       
       ซึ่งพรอนันต์พี่ชายที่มีส่วนแบ่งร่วมซึ่งยังคงถูกเก็บอยู่ในธนาคารกล่าวยอมรับว่า “เป็นเงินเลือด”
       
       ท่าามกลางคดีความและการไม่มาปรากฎตัวตามหมายเรียกของบอสใน 4 ข้อหา ตามการรายงานของสื่อไทย ทีนิวส์ เมื่อปีที่ผ่านมา
       
       #1.ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย
        
       #2.ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
                
       #3.ขับรถขณะมึนเมาสุรา
               
       #4.ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที
       
       เอพีพบว่าข้อหาขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนดนั้นได้สิ้นสุดอายุความไปแล้วในวันที่ 3 ก.ย 2556 อ้างอิงจากทีนิวส์
       
       ส่วนข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาทป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ซึ่งเป็นข้อหาที่ร้ายแรง โดยเอพีชีว่า มีโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือนนั้น จะสิ้นสุดอายุความในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
       
       เอพีชี้ต่อว่า แต่กลายเป็นเรื่องน่าฉงน เมื่อทนายความของบอสกลับยื่นเรื่องร้องเรียนครั้งแล้วครั้งเล่า โดยอ้างว่า เป็นการเลือกปฎิบัติในการสอบสวน
       
       ในขณะที่ในกระบวนการเอาผิด บอส อยู่วิทยา ที่ครั้งหนึ่ง จากการรายงานของสื่อไทย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ในขณะนั้น ได้ประกาศเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิต โดยกล่าวว่า “เรื่องนี้ตนยอมไม่ได้ ต่อให้ใหญ่แค่ไหนก็ไม่กลัว ยังไงต้องเอาคนผิดมาลงโทษ เพราะตำรวจตายทั้งคน”
       
       แต่กลับกลายเป็นว่า เอพีชี้ ***ในเวลาต่อมา ตำรวจไทยกลับอ้างว่า คดีนี้ขึ้นอยู่กับว่าทางสำนักงานอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ ในขณะที่อัยการที่เกี่ยวข้องกลับประกาศ โดยชี้ว่า ต้องมีการสอบสวนพิเศษ แต่กลับไม่ระบุอย่างชัดเจน***
       
       ที่ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายจากคณะกฎหมายของธรรมศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร. ปกป้อง ศรีสนิท ได้แต่กล่าวว่า “เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ แต่ดูเหมือนถูกกฎหมาย”
       
       ซึ่งในปีที่ผานมา หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ สื่อไทยภาคภาษาอังกฤษรายงานว่า หลังจากที่ทางตระกูลอยู่วิทยาได้จ่ายเงินไกล่เกลี่ยในปี 2012 แล้ว บอสได้หลบออกนอกประเทศ หรือไม่สามารถติดต่อเพื่อมารับฟังข้อกล่าวหาทางอาญาของเขานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
       
       แต่ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่บางกอกโพสต์รายงาน กลับพบภาพของ บอส อยู่วิทยา ปรากฎบนโลกโซเชียลมีเดีย กำลังมีความสุขบนหาดแห่งหนึ่งในรีสอร์ตทางใต้ของไทย
       
       เอพีรายงานโดยติดตามพฤติกรรมของบอสตั้งแต่หลังเกิดเหตุว่า ถึงแม้ว่าคดีขับรถชนคนตายแล้วหนีของบอสจะถูกแขวนไว้ตั้งแต่ปี 2012 แต่ทว่าไลฟสไตล์ความเป็นลูกเศรษฐีเจ็ตเซ็ตของเขาไม่ได้หยุดตามไปด้วย
       
       ซึ่งกว่า 120 โพสต์บนโลกโซเชียลมีเดียได้ชี้ว่า บอสได้เดินทางไปต่างประเทศ อย่างน้อย 9 ประเทศด้วยกันนับตั้งแต่ดาบตำรวจวิเชียร์เสียชีวิต
       
       โดยเอพีรายงานว่า มีการพบบอสครุยซ์เรือสำราญไปตามอ่าวโมนาโก เล่นสโนว์บอร์ดบนหิมะพาวเดอร์ในญี่ปุ่น และฉลองวันเกิดของตัวเองในภัตตาคารสุดหรูของเชฟชื่อดังระดับมิชชิลินสตาร์ของโลก กอร์ดอน แลมซี กลางกรุงลอนดอน
       
       และยังรวมไปถึงการโพสต์ท่าในชุดนักเรียนฮอกวาร์ตในโลกพ่อมดแฮร์รี พ็อตเตอร์ในเมืองโอซากา ไม่รวมไปถึง ทั้งเพื่อนและญาติที่ต่างโพสต์เกี่ยวกับบอสในการที่มีผู้ติดตามฟอลโลว์อัพทางออนไลน์จำนวนมาก
       
       และในชีวิตเศรษฐีเจ็ตเซ็ตของทายาทกระทิงแดง ยังรวมไปถึง การดำผุดดำว่ายในสระว่ายน้ำหรูกลางกรุงอาบูดาบี ดินเนอร์ในเมืองนีซ ฝรั่งเศส และการมีจักรยานระดับไฮเอนด์สนนราคา 10,000  ดอลลาร์ในกรุงเทพฯ ซึ่งเอพีชี้ว่า ล้วนแล้วแต่เป็นเงินที่มาจากการสนับสนุนของตระกูล อยู่วิทยา ของเขาทั้งสิ้น
       
       เอพีรายงานในการสรุปว่า แต่อย่างไรก็ตาม คดีของบอสนั้นไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติในสังคมไทย เพราะในปี 2010 เคยมีคดีขับรถชนคนตายด้วยความประมาทจากทายาทลูกเศรษฐีตะกูลดังที่มีอิทธิพลมาแล้ว
       
       โดยในขณะนั้น แพรวา หรือ อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา  ในวัย 16 ขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิค ชนรถตู้โดยสาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  และทำให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 9 ราย
       
       ที่หนึ่งในเหยื่อเป็น ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง นักวิทยาศาสตร์ประจำ สวทช. เพิ่งจบการศึกษาปริญญาเอก จากประเทศอังกฤษ ลูกแม่ค้าขายพวงมาลัย อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ รายงานในวันที่ 9 ต.ค 2558
       
       แต่กลับพบว่ากระบวนการยุติธรรมไทยตัดสินให้คดีแพรวา ผู้ต้องหา อ้างอิงจากการรายงานของสื่อผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 12 พ.ค 2558 ยื่นความยุติธรรมให้กับเหยื่อโดยชี้ว่า ศาลตัดสินไม่รับฎีกาคดี “แพรวา” เนื่องจากชี้ว่า ไม่มีสาระสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเดิม ทว่า แก้โทษเพิ่มเวลารอลงอาญาจาก 3 ปี เป็น 4 ปี แทน โดยยืนโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำคุก 2 ปี แต่แก้โทษให้เพิ่มเวลารอลงอาญาจาก 3 ปี เป็น 4 ปี เพิ่มเวลาบำเพ็ญประโยชน์เป็นปีละ 48 ชั่วโมง รวม 4 ปี และห้ามขับรถจนอายุ 25 ปี เท่ากับคดีเป็นอันสิ้นสุด
       
       เอพีสรุปว่า คดีของแพรวาและลูกเศรษฐีอื่นๆของไทยนั้นแสดงถึงความแตกต่างจากคดีชนและหนี หรือคดีขับรถชนคนตายอื่นๆที่ประชาชนไทยส่วนใหญ่ของประเทศต้องถูกจับกุม ขึ้นศาลไต่สวน และติดคุก เหมือนเช่นเดียวกับที่พี่ชายของดาบตำรวจวิเชียร์กล่าวไว้ว่า “ ประเทศไทยนั้นมี 2 มาตรฐาน”


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,#สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : น่าอับอาย บอส ลูกชายเจ้าของกระทิงแดง สื่อนอกแฉ ไม่สำนึก ใช้ชีวิตหรู บินรอบโลก หลังขับรถชนตำรวจตาย ในไทย

view