สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

บทเรียน ความเจ็บปวด จากอินเทอร์เน็ต

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ สามัญสำนึก โดย สุดใจ ชาญชาตรีรัตน์

การรุกคืบเข้ามาของเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ของโลกธุรกิจ เช่นที่ "แจ็ก หม่า" เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซแดนมังกร "อาลีบาบา" ออกมาเตือนทุกคนในสังคมให้เตรียมพร้อมรับความเจ็บปวด จากผลกระทบของอินเทอร์เน็ตที่จะเกิดขึ้นในทุกอุตสาหกรรม โดยที่ผลกระทบนี้น่าจะกินเวลานานหลายทศวรรษ 

โดยปัญหาใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือ คนจะมีอายุยืนขึ้น ขณะที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็ฉลาดมากขึ้น ทำให้มีแรงงานในระบบเพิ่มขึ้น แต่ตำแหน่งงานลดลง 

แจ็ก หม่าบอกว่า ทางออกคือ ต้องให้หุ่นยนต์ทำเฉพาะงานที่มนุษย์ทำไม่ได้ ไม่ใช่มาแทนที่มนุษย์ และสิ่งสำคัญที่โลกต้องเปลี่ยนคือ "ระบบการศึกษา" ต้องสอนให้คนสามารถทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ 

ความเจ็บปวดจากอินเทอร์เน็ตที่ "แจ็ก หม่า" พูดถึงนั้นเริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว และชัดเจนมากขึ้นในเวลานี้ก็คือ "ธุรกิจค้าปลีก" ในอเมริกา 

ข้อมูล Cushman & Wakefield ระบุว่าคนสหรัฐเดินห้างสรรพสินค้าลดลง 50% เช่นเดียวกับยอดขายของห้างสรรพสินค้าสหรัฐจากปี 1999 อยู่ที่ 2.3 แสนล้านเหรียญ ปี 2016 เหลืออยู่ 1.55 แสนล้านเหรียญลดลงเกือบ 50% 

บิสซิเนส อินไซเดอร์ รายงานว่า ปีนี้เป็นปีแห่งวิกฤตของค้าปลีกในสหรัฐ เพราะมีห้างสรรพสินค้า ร้านแบรนด์แฟชั่นจำนวนมากต้องปิดตัวลง และคาดว่าในปีนี้จะมีการปิดตัวอีกไม่ต่ำกว่า 3,500 สาขา หมายถึงคนตกงานอีกจำนวนมาก

โดยห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ในอเมริกาอย่าง JCPenney, Macy′s, Sears และ Wal-Mart ก็กำลังทยอยปิดสาขาลดลงเรื่อย ๆ รวมถึงร้านแบรนด์แฟชั่นอย่าง BCBG, Abercrombie & Fitch และ Guess 

ล่าสุด Bebe แบรนด์แฟชั่นผู้หญิงของสหรัฐ ที่ประสบปัญหายอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกาศจะปิดร้านค้าทั้งหมด 180 แห่ง ภายในเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะไปลุยออนไลน์เต็มตัว เพื่อสู้กับแบรนด์แฟชั่นใหม่ ๆ ที่แจ้งเกิดบนโลกออนไลน์

เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนตามการพัฒนาของเทคโนโลยี กระแสของอีคอมเมิร์ซเข้ามาไล่ล่า ทำให้ห้างสรรพสินค้าอยู่แบบเดิมไม่ได้ หลายรายพยายามปรับตัวสู่ช่องทางขายออนไลน์ และหลายกิจการก็ต้องปิดฉากไปเพราะตั้งรับไม่ทันการเปลี่ยนแปลง 

กรณียักษ์ค้าปลีก "วอล-มาร์ต" ที่วิ่งหนีการไล่ล่าของ "อเมซอน" ด้านหนึ่งก็ทยอยปิดสาขาที่ยอดขายตกต่ำ ขณะเดียวกันก็เดินหน้าซื้อกิจการออนไลน์เข้าพอร์ตหวังเป็นทางลัดเพิ่มรายได้ฝั่งอีคอมเมิร์ซ นอกจากเข้าซื้อ Moosejaw เว็บไซต์ขายเครื่องแต่งกายและสินค้าเอาต์ดอร์ ล่าสุดก็อยู่ระหว่างเจรจาซื้อ Bonobos Inc. ธุรกิจออนไลน์ขายแฟชั่นผู้ชาย 

แน่นอนการเปลี่ยนจากยุคการค้าขายในห้างสรรพสินค้า มาสู่ยุคการค้าขายบนโลกออนไลน์ "ไม่ใช่ทุกคนจะรอด"

อีกซีกโลกอุตสาหกรรมไอทีของอินเดียที่มีการเติบโตอย่างมาก โดยปีที่ผ่านมามีมูลค่าถึง 1.5 แสนล้านเหรียญ และมีการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมกว่า 10 ล้านคน ก็กำลังเผชิญกับความเจ็บปวดที่ว่าเช่นกัน เพราะบริษัทไอทีขนาดใหญ่หลายรายในอินเดีย กำลังเดินหน้าปลดพนักงานจำนวนมาก 

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา "อินโฟซิส" ยักษ์ไอทีเบอร์สองของอินเดียยืนยันว่าจะปลดพนักงานราว 2,000 คน ขณะที่ "Wipro" บริษัทไอทีอันดับสามได้ปลดพนักงานไปแล้วกว่า 600 คน รวมทั้ง "Cognizant" บริษัทไอทีจากสหรัฐที่กำลังพิจารณาเลิกจ้างพนักงานในอินเดียกว่า 6,000 ราย

ทั้งหมดนี้ด้วยเหตุผลว่าแรงงานไม่มีทักษะเพียงพอที่จะแข่งขันในอุตสาหกรรมไอทีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทวิจัย HfS คาดการณ์ว่าภายใน 5 ปี แรงงานในอุตสาหกรรมไอทีอินเดียจะมีคนตกงานกว่า 640,000 คน และตำแหน่งงานที่ว่างทั้งหมดจะถูกทดแทนด้วยระบบอัตโนมัติ

นี่คือความเจ็บปวดและผลพวงอีกด้านจากกระแสอินเทอร์เน็ตและโลกยุคดิจิทัลที่รุกไล่เข้ามา


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : บทเรียน ความเจ็บปวด อินเทอร์เน็ต

view