จากประชาชาติธุรกิจ
จริง ๆ แล้วเรื่องของการจ่ายแป๊ะเจี๊ยะให้กับโรงเรียนดังต่าง ๆ ในสังกัด สพฐ. หรือโรงเรียนเอกชน ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไรในสังคมไทยแล้ว เพราะตลอดระยะเวลาที่ทำข่าวการศึกษามาหลายสิบปี
เป็นพ่อคน
ที่ต้องส่งลูกเรียนหนังสือ
ก็พอจะพบเห็นข้อมูลและเรื่องราวเหล่านี้มาบ้างและอย่ามาปฏิเสธเลยว่าไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น และทำท่าว่าค่าแป๊ะเจี๊ยะ หรือเงินสนับสนุนโรงเรียนจะสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียด้วย
โดยเฉพาะกับโรงเรียนดัง ๆ
2 แสน-5 แสนบาทอาจจะเด็ก ๆ ไปแล้ว
บางโรงเรียนรับกันเป็นหลักล้าน แต่ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับผู้ปกครองด้วยว่าจะยอมจ่ายหรือเปล่า ซึ่งเมื่อก่อนผมไม่เชื่อว่าโรงเรียนของรัฐบางแห่งจะรับเงินกันถึงขนาดนี้ แต่เมื่อประสบพบเจอกับตัวเอง จึงทำให้คิดว่าโรงเรียนที่ผมเคยนับถือ ศรัทธาในระบบการเรียนการสอนที่สั่งสมชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน จะเปลี่ยนไปขนาดนี้
ผมมานั่งคิดว่าจริง ๆ ชื่อเสียงของโรงเรียนยังดำรงอยู่ คงอยู่ และครูส่วนใหญ่ยังเป็นครูจริง ๆ ที่พยายามทุ่มเทการสอนให้กับลูกศิษย์ โดยยังคงทำหน้าที่เรือจ้างต่อไป แต่สำหรับบางคนต้องบอกว่า ไม่ได้มีความเป็นครูในตัวเอง
เพราะเวลาเขาย้ายไปไหน เขาจะมีคณะติดตาม ตั้งแต่เลขาฯผู้อำนวยการ และทีมงานไปด้วย พวกนี้จะรู้กันว่าเรตราคาในการเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองนั้นอยู่ในระดับไหน
ชั้น ม.1 ราคาหนึ่ง
ม.4 ราคาหนึ่ง
และผู้อำนวยการจะไม่ออกมาพบกับผู้ปกครอง แต่จะเก็บตัวเงียบเพื่อคอยดูว่า วันนี้มีเงินสนับสนุนเข้ามาโรงเรียนแล้วเท่าไหร่ สำหรับบางคนปิดโทรศัพท์มือถือเลยด้วยซ้ำ หรือบางคนไปคอยท่าในต่างประเทศเลยก็มี
กระทั่งทุกอย่างลงตัว
ใกล้เปิดเทอมแล้วนั่นแหละ ถึงจะโผล่หน้ามาให้เห็น
หรือบางโรงเรียนก็ให้สมาคมผู้ปกครองและครูเป็นคนคอยเรียกเก็บ ยิ่งถ้าผู้ปกครองมีความกระหายที่อยากจะนำลูกเข้าโรงเรียนนั้น ๆ ให้ได้ ก็อาจจะต้องเสียมากหน่อย และนายกสมาคมผู้ปกครองฯจะปรึกษากับทีมผู้อำนวยการว่า ปีนี้เราตั้งเป้ารับเงินสนับสนุนเท่าไหร่
เข้าโรงเรียนกี่เปอร์เซ็นต์
เข้าสมาคมผู้ปกครองฯกี่เปอร์เซ็นต์
และเข้ากระเป๋าคณะทำงานสักกี่เปอร์เซ็นต์
ตกลงกันเรียบร้อยทุกอย่างWin Win Game ด้วยกันทุกฝ่าย แต่ถ้าหากตกลงกันไม่ได้ เรื่องจะปูดออกมาเอง ผมถึงบอกว่า ระบบการศึกษาของบ้านเราเป็นอย่างนี้จริง ๆ
สำหรับเด็กเก่งไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่หรอก
แต่เด็กที่ยังไปไม่ถึงจุดนั้น อาจด้วยการติวเตอร์น้อยไปหน่อย หรือขาดการอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เขาสอบไม่ติดโรงเรียนดัง ๆ ของรัฐ แต่ถ้าเขาอยากเรียนจริง ๆ จะมีคนแนะนำบอกว่า ผู้ปกครองลองไปเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้สมาคมผู้ปกครองฯสิ บางทีอาจจะถูกเรียกมาก็ได้
ผู้ปกครองคนนั้นเล่าให้ผมฟังว่า เขาจึงลองเขียนจดหมายทิ้งไว้จริง ๆ ปรากฏว่าผ่านไปสัก 2-3 อาทิตย์ ทางเจ้าหน้าที่สมาคมผู้ปกครองฯโทร.มาบอกว่า ถ้าคุณอยากให้ลูกเข้าโรงเรียนนี้ต้องจ่ายค่าสนับสนุนโรงเรียนประมาณ 1-1.5 ล้านบาท สำหรับนักเรียนที่จะเรียนสายวิทย์-คณิต
ศิลป์-คณิต 7-8 แสนบาท
ซึ่งผมฟังแล้ว ก็ได้แต่ปลงอนิจจังจริง ๆ
และไม่อยากเชื่อว่า โรงเรียนแห่งนี้จะเป็นไปได้ ทั้ง ๆ ที่ช่วงหลายปีผ่านมา ตอนที่ผมเก็บข้อมูลเรื่องเรตราคาค่าแป๊ะเจี๊ยะสำหรับเด็ก ป.1 และ ม.1 ของโรงเรียนเอกชน และโรงเรียนรัฐบาล ราคาก็จะอยู่ที่ 2-5 แสนบาท
แต่ตอนนี้โรงเรียนระดับเกรด A ของประเทศเริ่มเอาด้วยแล้ว ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นนโยบายลับมาจากกระทรวงศึกษาธิการหรือเปล่า ที่ปล่อยให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่ยังไม่นับเรื่องการรับจ้างทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโทอีก
สมัยผมทำข่าวเรื่องนี้ แหล่งรับทำวิทยานิพนธ์ส่วนใหญ่จะอยู่แถวรามคำแหง และเรตราคาสำหรับสายวิทย์จะอยู่ที่ 5-6 หมื่นบาท สายสังคม 2-3 หมื่นบาท แต่ตอนนี้ราคาน่าจะปรับไปหลายเท่าตัว
เป็นใครก็ยอมจ่าย
เพราะเงินแค่นี้ พอหลังจากเขาจบ และรับปริญญาโท เขาจะนำไปปรับวุฒิ ปรับตำแหน่งในการขึ้นเงินเดือนต่อไปได้ โดยเฉพาะข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือน
ผมถึงบอกไงว่า ระบบการศึกษาของบ้านเรามันเน่าเต็มทีแล้ว การเรียนการสอนในโรงเรียนไม่สัมฤทธิผล พวกเขาจึงต้องไปอยู่แถว ๆ ตึกวรรณสรณ์ และสยามกิตติ์กันหมดแล้ว
ลองออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างนะครับ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายกับระบบการศึกษา จะได้รู้เสียทีว่าโลกแห่งการศึกษานั้นก้าวล้ำไปไกลกว่าสมัยท่านมากมาย
ลองไปดูนะครับ ?
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน