สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ ธ สานแสงสว่างพระบรมชนกนาถ

จากประชาชาติธุรกิจ

“วันนี้แม้พระองค์ท่านจะมิได้ประทับเป็น “พลังของแผ่นดิน” ดั่งเช่นที่ผ่านมา แต่ด้วยพระบารมีแห่ง “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร” ประทับเป็นมิ่งขวัญและกำลังใจ เป็นหลักชัยและศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยทั้งชาติ โดยได้เสด็จขึ้นทรงราชย์เพื่อสืบสานพระราชปณิธานและสานต่อพระราชภารกิจแห่งสมเด็จพระบรมชนกนาถสืบไป”

“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมถ้อยแถลงของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระหว่างพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อส่งเสด็จสู่ฟ้าเสวยสวรรค์ และสดุดี “ในหลวงรัชกาลที่ 10” ด้วยเป็นมิ่งขวัญ-หลักชัยของพสกนิกรชาวไทยสืบไป

พ่อของแผ่นดิน

“พล.อ.ประยุทธ์” เล่าย้อนเหตุการณ์วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที เมื่อสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จสู่สวรรคาลัย…

“เป็นห้วงเวลาแห่งความวิปโยคโศกศัลย์ เป็นวันที่ความเศร้าสลดสูญเสียท่วมท้นจิตใจของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ สุดที่คนไทยจะหักห้ามความอาลัยรักและความระลึกถึงที่มีแด่พระองค์ พระผู้เปรียบดั่ง “พ่อของแผ่นดิน” ได้ โดยความกตัญญูกตเวที และความจงรักภักดีจะยังอยู่ในจิตใจของพสกนิกรของพระองค์ตลอดไป”

พระองค์ทรงทำหน้าที่ “พ่อของแผ่นดิน” ได้อย่างยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน พระราชกรณียกิจมีมากมายเกินกว่าจะกล่าวเทิดพระเกียรติได้ครบถ้วน เป็นสิ่งที่ “พ่อ” คนหนึ่งพึงจะทำให้กับ “ลูก” อย่างดีที่สุด

ด้วยต้องการให้ลูกมีรากฐานที่ดีในการดำรงชีวิต มีความเป็นอยู่ที่ดีทัดเทียมผู้อื่น สิ่งสำคัญ คือ มีความสงบสุขร่มเย็น พระองค์ต้องทรงงานหนักประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ ด้วยความรักและความห่วงใย 4,685 โครงการพระราชดำริ

ประการแรก ทรงดูแลพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนาบนผืนแผ่นดินไทยด้วยความ “เสมอภาค-อยู่ดีกินดี” ทรงสอนให้เรียนรู้และอยู่กับธรรมชาติ อย่างสมดุล ด้วยการทำนุบำรุง ฟื้นฟู และใช้สอยทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เป็นที่มาของศูนย์การเรียนรู้และโครงการพระราชดำริกว่า 4,685 แห่ง

ทรงสอนข้าราชการให้ทำงานกับประชาชน โดยเริ่มที่ “การปลูกป่าในใจคน” ปลูกจิตสำนึกของคนให้เห็นคุณค่าและประโยชน์ร่วมกัน เป็นการพัฒนาบนพื้นฐานความสมัครใจที่มีความยั่งยืน-ระเบิดจากข้างใน ทรงให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาคนด้านการศึกษาและสาธารณสุข ทรงเห็นว่า “พลเมือง” เป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศชาติ ทรงพระราชทาน “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ความพอประมาณ-ความมีเหตุผล-ภูมิคุ้มกัน และเงื่อนไข “ความรู้คู่คุณธรรม”

พระเกียรติเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลก ทรงได้รับการขนานนามว่าเป็น “พระมหากษัตริย์นักพัฒนา” จากการทรงงานโดยมิรู้เหน็ดเหนื่อย ทรงงานด้านการพัฒนาชนบท-เยี่ยมเยียนพสกนิกรยากไร้และด้อยโอกาสทุกภูมิภาค

“ทำให้นานาประเทศตื่นตัวในการปรับรูปแบบการพัฒนาภายใต้แนวคิดใหม่นี้ โดยองค์การสหประชาชาติได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว”

ยังได้อัญเชิญแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบรรจุไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาขององค์การสหประชาชาติ เพื่อให้ชาติสมาชิกได้นำไปประยุกต์ใช้กำหนด “แผนพัฒนาอย่างยั่งยืน” (SDGs)

ประเทศไทยมีที่ยืนในสังคมโลก

ประการที่สอง พระองค์ทรงเตรียมความพร้อมให้คนไทยสามารถก้าวเดินเข้าสู่โลกกว้างได้อย่างสง่างาม ทรงทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จัก ยอมรับ และได้รับการสนับสนุนในเวทีระหว่างประเทศ

ทรงให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยความจริงใจและทรงทำหน้าที่การเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอย่างอบอุ่น เพื่อให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นรากฐานให้ไทยมีจุดยืนในสังคมโลก

ด้วยทรงเป็น “ประมุขแห่งรัฐ” และทรงตระหนักถึงการอยู่ร่วมกันในสังคมโลก ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงระหว่างประเทศ ช่วยยกระดับฐานะของประเทศ ยกระดับความเป็นอยู่ของพสกนิกรทัดเทียมสากล

ถวายเครื่องราชฯเซราฟิม

ด้วยบทบาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 กษัตริย์จำนวน 25 ประเทศ จาก 29 ประเทศทั่วโลกตอบรับคำเชิญของรัฐบาลไทยเพื่อทรงร่วมถวายพระพรในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อปี 2549 เป็นการชุมนุมพระประมุขจากต่างประเทศมากที่สุด

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ทางการสวีเดนจัดพิธีเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติตามธรรมเนียมปฏิบัติแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เคยได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดของสวีเดน-เซราฟิม

การเยือนประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2560 ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนชาวไทยรับมอบ “สำเนามติ” ของวุฒิสภาสหรัฐ ว่าด้วยการเทิดพระเกียรติและแสดงความรำลึกแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9

ศูนย์รวมจิตใจคนไทย

ประการสุดท้าย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็น “ศูนย์รวมจิตใจ” ของพสกนิกรชาวไทยทั้งชาติ ทรงให้ข้อคิดในการดำรงชีวิตไม่ให้พวกเรายอมแพ้ต่ออุปสรรค โดยพึงมีความเพียรอันบริสุทธิ์ ทรงให้กำลังใจทุกครั้งในคราวที่ประเทศชาติและประชาชนประสบความทุกข์ยาก

ทรงสอนให้พวกเรารู้จักการ “เสียสละผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวม” โดยคำพ่อสอนส่วนหนึ่งสามารถสรุปใจความได้ว่า “หากสังคมไม่มีความสุข คนในสังคมก็จะหาความสุขไม่ได้”

ทรงให้สติ-ทางออกทุกปัญหา รวมทั้งวิกฤตทางการเมืองในประเทศทุกครั้ง จนทำให้พวกเราตระหนักถึง “ความรักและความสามัคคี” เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในชาติ

“ถือเป็นการทำหน้าที่ของพ่อที่สมบูรณ์แบบ ทรงทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังใจ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทรงเป็นพ่อด้วยการกระทำและจิตวิญญาณจวบจนวาระสุดท้ายของพระองค์ และจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโลกด้วยเช่นกัน”

มรดกพระราชทาน

คำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 จะเป็น “มรดกพระราชทาน” อยู่คู่ชาติไทย น้อมนำไปสู่การปฏิบัติ ด้วยความเข้าใจ อย่างถ่องแท้ เปรียบเสมือนน้ำพระทัยจากพ่อของแผ่นดินอันเป็นน้ำทิพย์ชโลมหัวใจคนไทยทั้งชาติ

ใครก็ตามที่ได้น้อมนำ “คำพ่อสอน” ใส่เกล้าใส่กระหม่อม ย่อมเกิดพลังกายพลังใจ ในการประกอบกิจการงาน ก้าวข้ามอุปสรรคได้และ “เอาชนะจิตใจตนเอง” ได้ในที่สุด โดยสามารถขยายผลเพื่อตัวเองและสังคมส่วนรวม

แสงสว่างที่ไม่เคยดับ

ทรงเป็นดัง “แสงสว่างที่ไม่เคยดับ” ในใจคนไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาหาเลี้ยงชีพหรือพักอาศัยในประเทศไทย ภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ อีกมากมาย รวมความไปถึงผู้ที่พักอาศัยอยู่ต่างประเทศด้วย

1 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราทุกคนประจักษ์แก่ใจตนว่า พระเกียรติคุณและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ยังคงสถิตอยู่ในดวงใจของพวกเรามิรู้ลืม บัดนี้เราทุกคนได้สำนึกร่วมกันแล้วว่า ศาสตร์แห่งพระราชา ตลอดเวลา 70 ปี เป็นความจริงที่เที่ยงแท้นำมาซึ่งความสุขสวัสดีอย่างยั่งยืน

“จากนี้สืบไปปวงชนชาวไทยจะยังคงยึดมั่นในความจงรัก ความภักดี และความเทิดทูนต่อสถาบันกษัตริย์”

การจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ปรากฏเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของนานาอารยประเทศถึงความสง่างามสมพระเกียรติยศอันสูงยิ่ง เหนือสิ่งอื่นใด การแสดงออกถึงความจงรักภักดีของพสกนิกรไทยเพื่อถวายพระเกียรติยศอันสูงสุดเป็นครั้งสุดท้าย

“วันที่ 26 ตุลาคมเป็นอีกหนึ่งวันที่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ มีความรู้สึกเดียวกัน ปะปนระคนกัน ระหว่างความอาลัยรักต่อการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในการจากลาพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักเทิดทูนยิ่ง กับความปลาบปลื้มใจเป็นล้นพ้นที่ได้ร่วมกันถวายความจงรักภักดีเป็นครั้งสุดท้ายแด่พระผู้เสด็จสู่สรวงสวรรคาลัย”

13 ตุลาฯ วัน “รู้รักสามัคคี”

ขอให้ทุกคนได้จดจำช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาที่ดวงใจชาวไทยทุกดวงหลอมรวมเป็นหนึ่งในการถวายความอาลัยรักต่อพระองค์ท่าน จดจำความรัก ความสามัคคี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นำเอาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พลังแห่งความรัก ความภักดีนี้ร่วมกันสร้างประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติด้วยการ “คิดดี พูดดี ทำดี”

“พวกเราจะต้องร่วมกันสืบสานให้คงอยู่ตลอดไป และพระองค์จะทรงประทับอยู่ในจิตใจของคนไทยทั้งชาติชั่วกาลนาน ขอให้ทุกคนร่วมกันทำดีเพื่อพ่อ และสานต่อพระราชปณิธานเพื่อให้พระองค์ท่านหายเหนื่อยและมีความสุข”

พวกเราหลายสิบล้านคนต้องช่วยกันสานต่อ “งานที่ยังไม่เสร็จสิ้น” เพื่อให้พระองค์ท่านได้ทอดพระเนตรเห็นความเจริญวัฒนาสถาพรของแผ่นดินไทย ความรัก สมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ และประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย

วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปีจะเป็นวันที่พวกเราทุกคนจะได้ “รู้ รัก สามัคคี” โดยหลอมรวมจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียว ให้สมกับที่พระองค์ผู้ทรงเป็นกำลังของแผ่นดินได้ทรงวางรากฐานไว้ และจะเป็นวันที่ได้สำนึกและรำลึกถึง “พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่ง”

“วันนี้พระราชภารกิจได้ปลดเปลื้องลงแล้ว ทว่าผลแห่งพระวิริยะอุตสาหะที่ทรงอุทิศพระองค์ตลอดรัชสมัย จะยังคงเป็นพระบารมีปกเกล้าฯปวงประชาให้อยู่เย็นเป็นสุขและปกป้องแผ่นดินไทยให้รอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง”


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ ธ สานแสงสว่าง พระบรมชนกนาถ

view