สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ดร.สุเมธ อัญเชิญพระราชดำรัสฯพีระมิดหัวกลับ ใครมีอะไรก็เทใส่ท่าน

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

เลขามูลนิธิชัยพัฒนา เผย ในหลวงไม่ยอมทำผิดกฎหมาย วอนทุกฝ่ายเลิกกดดัน ระบุ พระองค์ท่านเห็นอย่างไรจะมีพระราชวินิจฉัยเอง ชี้ แม้ทรงเป็นต้นแบบสุดยอดความอดทน และนั่งอยู่บนยอดพีระมิดหัวกลับ แต่น่าสังเวชใจที่คนไทยมีอะไรก็เทใส่ท่าน มองต้นตอปัญหามาจากความอยาก กระหาย แต่กลับเลี่ยงบาลีอ้างประชาธิปไตย สิทธิ ด้านพระราชวิจิตรปฏิญาณ เทศนา “จิ๋ว” ยื่นพึ่งพระบารมีไม่บังควร วอนทุกคนรู้จักเสียสละ เลิกแอบอ้างสถาบันหาประโยชน์ ขณะที่ประธานผู้ตรวจฯ บอกคนไทยอย่าดีแต่รักชาติ และในหลวงแค่คำพูด แต่การกระทำสวนทาง
       
       วันนี้ (23 เม.ย.) ในโอกาสครบรอบ 10 ปีผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และประธานกรรมการมูลนิธิประเทศไทยในสะอาด ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “การเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อสังคมไทยใสสะอาด” ว่า ตนพูดเรื่องคุณธรรมจริยธรรมไปเยอะในหน่วยงานต่างๆ แต่ก็ยังไม่หยุด แต่ดูผลลัพธ์ที่ออกมาแล้วไม่เป็นไปตามที่หวัง ซึ่งทำไมเราจึงมาถึงจุดนี้ ตนพูดคุยกับหลายคนก็บอกว่าสุดปัญญาจริงๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร เรากำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมของวัตถุนิยมคนสมัยนี้ไม่คิดเรื่องความดี จริยธรรม เพราะมันกินไม่ได้ จึงปลุกไม่ขึ้น เงินมีอิทธิพลต่อทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ซื้อได้ทั้งเกียรติยศ ตำแหน่งความดี ก็ยังซื้อได้ด้วยเงิน เมื่อวานอ่านหนังสือพิมพ์เห็นข่าวเศรษฐีเสียใจเอาหลานเข้าโรงเรียนดังไม่ได้ เพราะจ่ายเงินไม่ถึงล้าน คิดดูว่า อนาคตของเด็กยังต้องจ่ายเงินซื้อเลย หน่วยราชการก็พูดว่าห้ามจ่ายเป็นความผิด แต่ถามว่าห้ามได้หรือไม่
       
       วันนี้โลกทั้งโลกไม่มีแล้ว ทุนนิยม เสรีนิยม สังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์ เพราะทั้งโลกถูกครอบด้วยระบบบริโภคนิยม แม้ประเทศที่ยังมีกลิ่นอายของคอมมิวนิสต์อย่างจีน ก็แทบไม่เหลือร่องรอย บริโภคนิยมจึงเป็นต้นตอของหายนะโลกด้วย ฉะนั้น โลกกำลังจะแตกดับ เพราะสิ่งที่เราใช้เป็นการระดมทรัพยากรจากโลกทั้งสิ้น แม้นั่งเฉยก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ทุกอย่างที่เราเอามาจากดินน้ำลมไฟ แต่เราไม่เคยแคร์สิ่งที่เป็นเจ้าของชีวิต เราพูดกันแต่โลกร้อน ภัยพิบัติที่เกิดกำลังขึ้นทั่วโลก ขณะนี้ถือว่าโลกกำลังเตือนเราอยู่ อย่างเรื่องน้ำก็เตือนเราด้วยสึนามิ ลมไทยเราก็เฉียดพายุนาร์กีสไปนิดเดียว ดินก็แผ่นดินไหวที่เฉิงตู และชิงไห่ ไฟก็ภูเขาไฟระเบิดที่ไอซ์แลนด์ ทำให้นึกถึงคำที่พระเจ้าอยู่หัวที่บอกว่า พวกเราชอบรังแกธรรมชาติ ระวังนะธรรมชาติเขาจะโกรธเอา
       
       เวลานี้เรามองต้นไม้ไม่ได้มองแบบมีปัญญา ว่า ต้นไม่ให้ก๊าซออกซิเจนให้ร่มเงา แต่เรามองว่าลูกบาศก์เมตรละเท่าไหร่และชอบไปลักลอบตัดต้นไม้ สิ่งที่พูดมาทั้งหมดถือเป็นตอของปัญหาจริยธรรมคุณธรรม เราจะมีจริยธรรมเมื่อเราควบคุมกิเลสตัณหาได้ เวลานี้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเราไม่ใช่เพราะความกระหาย หรือความอยากได้หรือ ดังนั้น อย่ามาเลี่ยงบาลีว่าเป็นเรื่องประชาธิปไตย เรื่องสิทธิเลย เพราะจริงๆไม่ใช่ ตนมาอยากพูดแล้ว พูดแล้วป่วยการเวลานี้บ้านเมืองกำลังตึงเครียด ไม่อยากเติมไฟเข้าไปอีก เพราะไฟจะย้อนมาเผาตัวเอง
       
       นายสุเมธ กล่าวว่า การที่เราคำนึงถึงเรื่องการเจริญเติบโตของประเทศมาก ทำให้เราขายทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศจนหมด ทั้งดินน้ำลมไฟและสุดท้ายก็ขายคน จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ปัญหาที่เราเผชิญทั้งหมดเกี่ยวข้องกับคนไม่ว่าเป็น วิกฤตวัฒนธรรม เยาวชน ยาเสพติด หรือการเมือง ล่าสุดเขาประกาศตำแหน่งทรงเกียรติให้ประเทศเป็นรองแชมป์คอร์รัปชั่น โดยมีอันดับรองจากอินโดนีเซียน แต่ชนะเขมร อนาถใจไหม เชื่อว่าต้นตอของปัญหานี้มาจากอะไรทุกคนรู้หมด ถึงขนาดในหลวงออกมาแช่งนานแล้วว่าใครทุจริตขอให้มีอันเป็นไป แต่เวลานี้การคอร์รัปชั่นเข้าครอบทุกแห่ง ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องทำอะไร ในหลวงเคยรับสั่งเรื่องความดีตั้งแต่ปี 2525 ว่า ความดีทำยากแต่จำเป็นต้องทำ หาไม่ความชั่วจะเข้าครอบงำ
       
       เรามักจะมีคำสองคำ คือ คนเก่งแล้วต้องเป็นคนดีด้วย เพราะถ้าเก่งอย่างเดียวจะบกพร่องในเรื่องความคิดพิจารณาที่กว้างไกล เนื่องจากจะเป็นคนใจร้อนเชื่อมั่นตัวเองสูง บกพร่องในความนับถือและเกรงใจผู้อื่น คิดแต่ว่าตัวเก่ง จึงไม่ต้องนับถือคนอื่น และจะบกพร่องในเรื่องมัธยัสถ์ พอเหมาะในการกระทำ คิดแต่อยากจะก้าวหน้าอยากเลื่อนขั้นเร็วๆ และบกพร่องในจริยธรรม เพราะมุ่งแต่จะหาประโยชน์เฉพาะตัว ที่เกิดขึ้นเวลานี้จับกันแทบไม่ได้ ฉะนั้น เก่งจึงยังไม่พอ เราจึงต้องเน้นในเรื่องของจริยธรรมคุณธรรม ซึ่งจะว่าไปทุกองค์กรเน้นจนจะกลายเป็นแฟชั่นแล้ว แต่ก็ยังต้องเน้นให้มากๆ โดยเรื่องคุณธรรม ในหลวงเน้นให้รักษาคุณธรรม 4 ประการ 1.รักษาความสัตย์ แต่วันนี้เปิดทีวีเห็นแต่โกหกกัน เรื่องเดียวกัน กลับพูดกันคนละอย่าง ถามว่า แล้วจะเอาความสัตย์มาจากไหน สันติอหิงสาพูดกัน ถามว่า ตอนนี้ตายกันไปกี่คน อย่าไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ปัจจุบันเลย เชิญทำกันตามสบายเถิด 2.ต้องรู้จักข่มใจมีตบะ การจะเอาชนะกิเลสได้ ต้องมีตบะ มีความเพียร ปรารถนาอย่างแรงกล้า 3.ความอดทนอดกลั้นอดออม ไม่ประพฤติล่วงในความสัตย์สุจริต
       
       “ซึ่งเรื่องความอดทนมีความสำคัญ บางอย่างไม่ต้องไปแก้ ควรอดทนรอ เพราะเวลาจะจัดการตัวของมันเอง อย่างพระเจ้าอยู่หัว ท่านเป็นต้นแบบของสุดยอดความอดทน ท่านรับสั่งว่าฉันเป็นพระเจ้าอยู่หัวนั่งอยู่บนยอดปิรามิด แต่อย่าลืมว่าปิรามิดเมืองไทยเป็นปิรามิดหัวกลับ ยอดปิรามิดไปอยู่ก้นกรวย ใครมีอะไรก็จะเทใส่ฉัน เวลานี้เขาก็เทใส่ท่านอยู่ น่าสังเวชใจไหม ผมพูดแค่นี้”
       
       4.ให้ละวางความชั่ว ความทุจริต รู้จักละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง มีคนเคยยกตนเป็นวีรบุรุษ เพราะเคยร่วมสู้รบในสงครามเมื่อปี 17 ตนก็บอกว่าคำนี้ใช้กับคนที่ตายไปแล้ว และบอกว่าไม่ใช่ตนคนเดียวที่ทำให้บ้านเมืองอยู่รอด มีคนอื่นที่เสียสละให้บ้านเมืองมากกว่า ตนเป็นเพียงเศษหนึ่งส่วนหกสิบสองล้านของประเทศไทย และที่ทำก็เพื่อตัวเองที่อยากอยู่ในประเทศนี้ ไม่อยากเป็นคนอพยพ เพราะลูกเมียเราอยู่ที่นี่ ถามว่าคุ้มไหมตนว่าคุ้ม ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้บ้านเมืองก็รอด แต่ที่เป็นอยู่ไม่คิดอย่างนี้ไม่เสียสละกัน แต่ยังทำร้ายกันอีก คนไทยด้วยกันทั้งนั้นไม่ใช่ศัตรูต่างชาติสักคน ถ้าตนพูดว่าคนไทยฆ่ากันมานานแล้ว ก็อาจจะถูกด่า แต่ถามว่า เราไปปราบปรามอย่างคนไทยภูเขา เขาก็เป็นคนไทย วันนี้ยังจะเดินซ้ำร้อยกันอีกหรือ เสียของไม่เท่าไหร่ แต่เสียชีวิตคนคำนวณไม่ได้หรอก
       
       นายสุเมธ กล่าวอีกว่า สุดท้ายอยากฝากง่ายๆ คือ ขอให้ทุกคนยึดหลักทศพิธราชธรรมของพระองค์ท่านในการปฏิบัติตน บางคนก็ตอบได้ แต่บอกไม่ได้ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง ซึ่งข้อที่สำคัญมาก คือ ข้อสุดท้าย อวิโรธนัง คือ การไม่ยอมทำผิด ในหลวงท่านไม่ยอมทำผิดในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องวัฒนธรรม ประเพณี กฎหมายต่างๆ ในหลวงจะปฏิบัติอย่างไร ท่านจะมีพระราชวินิจฉัยเอง ท่านถือมากท่านไม่ยอมทำผิด จำได้ไหม เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ท่านพูดว่า rule of law ท่านบอกว่า ถ้าท่านทำท่านก็ทำผิดกฎหมาย แต่ทำไมเราชอบพูดว่าทำไมท่านไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เราคิดกันไปเอง ท่านจะทำอะไรท่านจะมีพระราชวินิจฉัยเอง ผมพูดได้แค่นี้ ไปคิดต่อกันได้ ผมขันติ ชินชาแล้ว
       
       ด้าน พระราชวิจิตรปฏิญาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม กล่าวบรรยายธรรม ตอนหนึ่งในหัวข้อ คุณธรรมและจริยธรรม ว่า คำว่ายุติธรรมมีในโลก แต่ความเป็นธรรมไม่มีในโลก สถานการณ์ตอนนี้ การที่มีคนที่เป็นถึงอดีตนายกฯ และเป็นประธานพรรค ออกมาพูดเรื่องขอเข้าเฝ้าฯในหลวง ทันทีที่ออกมาพูด ก็ถูกอดีตนายกฯ คนอื่นๆ คัดค้าน การพูดอย่างนี้ก็ถือเป็นการไม่บังควรแล้ว มันไม่ใช่หน้าที่ เพราะมันมีอีกฝ่ายหนึ่ง และอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าออกมาก็แย่ หากถามพวกเราให้เดาใจพระองค์ท่านว่าจะออกมาไหม ไม่ใช่การเดาใจในหลวง แต่เดาใจในฐานะนักปกครอง เพราะคนมาขอก็เป็นอดีตนายกฯ ประธานพรรค และไปขึ้นเวทีเสื้อแดง พระองค์ท่านครองราชย์มา 60 ปี พระบารมีสูงส่ง จึงไม่วายมีคนแอบอ้างเอาไปหาประโยชน์ ทั้งนี้ อยากให้ทุกฝ่ายหยุดการอ้างถึงสถาบัน ขอให้มีคนเสียสละ ยอมกัน
       
       ขณะที่ นายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า เหตุความไม่สงบในกรุงเทพฯเกิดขึ้น เพราะการขาดไร้จริยธรรม ปากพูดว่าทำเพื่อประเทศชาติ ทำเพื่อพระเจ้าแผ่นดิน แต่การกระทำกลับสวนทางคิดถึงแต่ตัวเอง ทั้งนี้ โดยส่วนตัวมองว่ารัฐธรรมนูญเป็นเพียงกระดาษ จึงไม่จำเป็นต้องแก้ไข หากปลูกฝังให้ประชาชนผู้ใช้รัฐธรรมนูญเป็นคนดีมีคุณธรรมจะเป็นทางออกให้กับ ประเทศไทย หากทุกคนมีจิตสำนึกก็คงกลับบ้าน เพื่อให้รัฐบาลแก้ปัญหา ขณะนี้ความเห็นของผู้ชุมนุมกับรัฐบาลก็ตรงกัน เห็นด้วยกับการยุบสภาฯแต่ติดขัดที่เงื่อนเวลา ดังนั้นจึงต้องมานั่งพูดคุยกันและยอมกันให้ได้ จะพูดเอามันหรือเอาแพ้ชนะกันไม่ได้ อย่าต้องให้คนไทยช่วยกันสร้างความย่อยยับให้กับบ้านเมือง เชื่อว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี แต่ไม่ช่วยกันแก้สิ่งที่ทำเหมือนเป็นการยุให้เกิดปัญหา
       
       สำหรับผลการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบันได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวน 21,837 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ 20,632 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 95 โดยหน่วยงานที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดคือกระทรวงมหาดไทย 6,396 เรื่อง รองลงมาคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2,912 เรื่อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1,478 เรื่อง ประเด็นที่ถูกร้องเรียนส่วนมากเป็นเรื่องการกลั่นแกล้งดำเนินคดี การดำเนินคดีล่าช้า เจ้าหน้าที่ไม่รับแจ้งความ ปัญหากรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน ออกโฉนดโดยมิชอบ และการจัดซื้อจัดจ้างไม่โปร่งใส


 

"ดร.สุเมธ" เชื่อในหลวงจะทรงมีพระราชวินิจฉัยเอง

จากประชาชาติธุรกิจ

 เมื่อเวลา 09.00 น. เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ชั้น 9 อาคาร บี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ สำนักงานงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จัดงานครบรอบ 10 ปี ผู้ตรวจการแผ่นดิน และแถลงผลการดำเนินงานเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี ผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และประธานกรรมการมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “การเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อสังคมไทยใสสะอาด” ใจความตอนหนึ่ง กล่าวถึงเรื่องความอดทน ว่า มีความสำคัญ บางอย่างไม่ต้องไปแก้ ควรอดทนรอเพราะเวลาจะจัดการตัวของมันเอง

 

  "อย่างพระเจ้าอยู่หัว ท่านเป็นต้นแบบของสุดยอดความอดทน ท่านรับสั่งว่าฉันเป็นพระเจ้าอยู่หัว นั่งอยู่บนยอดปิรามิด แต่อย่าลืมว่าปิรามิดเมืองไทยเป็นปิรามิดหัวกลับ ยอดปิรามิดไปอยู่บนก้นกรวย ใครมีอะไรก็จะเทใส่ฉัน เวลานี้เขาก็เทใส่ท่านอยู่ น่าสังเวชใจไหม ผมพูดแค่นี้ และ 4.ให้ละวางความชั่ว ความทุจริต รู้จักละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง”   


นายสุเมธ กล่าวว่า ตนเป็นเพียงเศษหนึ่งส่วนหกสิบสองล้านของประเทศไทย และที่ทำก็เพื่อตัวเองที่อยากอยู่ในประเทศนี้ ไม่อยากเป็นคนอพยพ เพราะลูกเมียเราอยู่ที่นี่ ถามว่าคุ้มไหมตนว่าคุ้ม ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้บ้านเมืองก็รอด แต่ที่เป็นอยู่ไม่คิดอย่างนี้ไม่เสียสละกัน ยังทำร้ายกันอีก คนไทยด้วยกันทั้งนั้นไม่ใช่ศัตรูต่างชาติสักคน ถ้าตนพูดว่าคนไทยฆ่ากันมานานแล้ว ก็อาจจะถูกด่า แต่ถามว่า เราไปปราบปรามอย่างคนไทยภูเขา เขาก็เป็นคนไทย วันนี้ยังจะเดินซ้ำร้อยกันอีกหรือ เสียของไม่เท่าไหร่ แต่เสียชีวิตคนคำนวณไม่ได้หรอก  


 “สุดท้ายที่ผมอยากฝากง่ายๆ คือ ขอให้ทุกคนยึดหลักทศพิธราชธรรมของพระองค์ท่านในการปฏิบัติตน บางคนก็ตอบได้ แต่บอกไม่ได้ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง ซึ่งข้อที่สำคัญมาก คือ ข้อสุดท้าย อวิโรธนัง คือ การไม่ยอมทำผิด ในหลวงท่านไม่ยอมทำผิดในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องวัฒนธรรม ประเพณี กฎหมายต่างๆ ในหลวงจะปฏิบัติอย่างไร ท่านจะมีพระราชวินิจฉัยเอง ท่านถือมาก ท่านไม่ยอมทำผิด จำได้ไหม เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ท่านพูดว่า rule of law ท่านบอกว่าถ้าท่านทำท่านก็ทำผิดกฎหมาย แต่ทำไมเราชอบพูดว่าทำไมท่านไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เราคิดกันไปเอง ท่านจะทำอะไรท่านจะมีพระราชวินิจฉัยเอง ผมพูดได้แค่นี้ ไปคิดต่อกันได้ ผมขันติ ชินชาแล้ว ”ประธานกรรมการมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด กล่าว  


.......... ที่มา : ข่าวสดออนไลน์

Tags : ดร.สุเมธ อัญเชิญ พระราชดำรัสฯ พีระมิดหัวกลับ ใครมีอะไร เทใส่ท่าน

view