สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปชป.ผวาหลักฐานสรรพากรชี้ชัดพบบริษัทผี ปลอมใบเสร็จ บัญญัติ ถกเครียด ชวน ยันไม่เคยรับเงินประชัย

 

จากประชาชาติธุรกิจ

"บัญญัติ"ให้ ข้อมูล"ชวน"ถกเครียดคดียุบ ปชป. ยันไม่เคยรับเงิน"ประชัย"เชื่อสงครามนอกรูปแบบกดดัน "วสันต์"เล็งถอนตัวคดี 258 ล้าน แจงเหตุเป็นคู่กรณีฟ้องหมิ่น ส.ส.พท.


ปชป.ผวาหลักฐานชี้ชัดบริษัทผี

รายงานข่าวจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แจ้งว่า ขณะนี้แกนนำพรรค มีความกังวลคดียุบพรรค โดยเฉพาะคดีเงินบริจาคจากบริษัททีพีไอ จำกัด(มหาชน)ผ่านบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัดในรูปนิติกรรมอำพรางจำนวน  258 ล้านบาท ซึ่งจากข้อเท็จจริงในสำนวนพบว่า มีความเชื่อมโยงกับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาทด้วย เนื่องจากตามข้อกล่าวหาว่า มีการนำเงินในส่วนเงินบริจาค 258 ล้านบาท ไปใช้ทำป้ายหาเสียงก่อนที่จะได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง และเมื่อได้เงินสนับสนุน 29 ล้านบาทมาแล้ว จึงนำเงินเข้าบัญชีพรรคและนำไปกระจายให้กับกรรมการบริหารพรรคบางคนและญาติ พี่น้อง ที่มีความเกี่ยวข้องกับการรับเงินเงิน 258 ล้านบาทเช่นกัน 
รายงานข่าวแจ้งว่า ประเด็นนี้จึงทำให้พรรคหนักใจอาจจะต่อสู้ยาก และนอกจากนี้ก่อนที่อัยการสูงสุดจะส่งเอกสารทั้งหมดให้กับศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการสอบพยานเพิ่มอีกกว่า 10 ปากและยังมีข้อมูลที่สำคัญคือ หลักฐานจากกรมสรรพากร โดยพบว่า มีบริษัทที่ออกใบเสร็จรับเงินและออกใบกำกับภาษีปลอมให้กับทางบริษัท เมซไซอะฯ ที่อ้างว่าไปจ้างบริษัทเหล่านี้ทำป้ายต่อ แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่าบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทที่ไม่มีการจดทะเบียน แต่ไม่มีการทำธุรกรรมหรือถูกเพิกถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วหรือที่เรียก ว่า บริษัทผี
"อย่างไรก็ตาม มีอัยการบางคนไม่เห็นด้วยให้ยุบ ปชป. เพราะเห็นว่าเหตุตามกฎหมายในการรับเงินบริจาคไม่เปิดเผยไม่ได้กำหนดให้ยุบ พรรค แต่ที่ประชุมอัยการส่วนใหญ่เห็นว่าควรจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบ ปชป. นอกจากนี้ในส่วนประเด็นข้อกฎหมายคดี 258 ล้านบาท ซึ่งมีความผิดรับเงินบริจาคโดยไม่เปิดเผย ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 2541 ถือว่าไม่มีความผิดถึงขั้นยุบพรรค แต่จะถูกปรับเป็นเงิน 5 เท่า และในส่วนกรรมการบริหารพรรคอาจต้องหยุดเล่นการเมือง 5 ปี" รายงานข่าวระบุ     "มาร์ค"ย้ำไม่มีตั้งพรรคสำรอง
ความคืบหน้าภายหลังอัยการสูงสุด (อสส.) ส่งสำนวนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้วกรณีรับเงินบริจาค 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านบริษัท เมซไซอะ บิสิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด โดยทำสัญญาสื่อว่าจ้างทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ เป็นนิติกรรมอำพราง เพื่อหลีกเลี่ยงการรายงานการรับบริจาคเงินตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอาจเข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.  พรรคการเมือง พ.ศ.2541 และมาตรา 94 แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ.2550 นั้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 14 กรกฏาคม ที่โรงแรมเซ็นทราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ต้องยุบพรรค ว่า ไม่มีการสำรองตั้งพรรคใหม่ ในอดีตหากมีการยุบพรรคการเมือง ส.ส.ที่ไม่ถูกตัดสิทธิสามารถรวมกลุ่มกัน แล้วไปตั้งพรรคหรือไปสังกัดพรรคใดพรรคหนึ่ง ไม่ได้เป็นปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อน
"เราหวังว่าศาลจะตัดสินตามความเป็นจริง ถ้าตัดสินว่ามันไม่ผิดก็จะเดินต่อตามปกติ ถ้าตัดสินว่าผิดเราก็ต้องยอมรับการตัดสินของศาล บ้านเมืองถึงจะเดินได้" นายอภิสิทธิ์กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลตัดสินยุบพรรคจะทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหาอีกครั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ผมตอบไม่ได้ ยังไม่ทราบว่าศาลจะตัดสินอย่างไร แต่โดยหลักต้องตัดสินตามเนื้อหาของคดี"
รับ"ชวน"กังวลให้ทำงานหยุดพูด
เมื่อถามว่า ในวันที่ 15 กรกฎาคม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคเข้าพบจะมีการหารือเรื่องใด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาคุยประเด็นยุบพรรคกรณีใช้เงินผิดวัตถุ   ประสงค์ 29 ล้านบาท ศาลตั้งประเด็นมาแล้ว 5 ประเด็น คิดว่าสามารถชี้แจงได้ แต่กรณี 258 ล้านบาท ยังไม่เคยคุยกัน จึงต้องดูประเด็นเป็นหลักว่ารูปคดีเป็นอย่างไร
"ต้องยอมรับว่าคดี 258 ล้านบาท คนที่ทำงานในคณะทำงานและผม จะทราบข้อเท็จจริงค่อนข้างน้อย จึงต้องเริ่มต้นจากการนำสำนวนที่อัยการส่งไป เพื่อดูว่าเกี่ยวข้องกับใครในเหตุการณ์ใดบ้าง หลังจากนั้นจะต้องไปสอบถามคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น รวมกับเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อตั้งประเด็นในการทำงาน" นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อ ถามว่า สิ่งสะท้อนที่ออกมาจากนาย   ชวนว่าคณะทำงานไม่ควรจะพูดมาก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าสิ่งที่นายชวนกังวลบางทีประเด็นเหล่านี้จะนำมาพูดจากันทางการเมือง ซึ่งเมื่อเรื่องขึ้นสู่ศาลแล้วควรระมัดระวังการให้ความเห็น ควรที่จะมาช่วยกันทำงาน และไม่พูดอะไรที่จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน
"สุเทพ"ยันพท.ไม่มีทางตั้งรบ.
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและเลขาธิการ ปชป. กล่าวว่า นายชวนเป็นคนที่ทำหน้าที่อย่างแข็งแรง ไม่ประมาท และพูดทุกเรื่องอยู่ในพื้นฐานความจริง เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคไทยเข้มแข็งระบุว่า สนิทกับแกนนำ ปชป. นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่าอาจจะจับมือกับพรรคร่วมตั้งรัฐบาลได้ นาย       สุเทพกล่าวว่า คงไม่มีโอกาสเป็นอย่างนั้น ยังมั่นใจในส่วนของคดียุบพรรคว่าข้อเท็จจริงที่นำไปแสดงต่อสู้คดีเป็นข้อ เท็จจริงที่จะได้รับคำวินิจฉัยต่อศาล และยังมั่นใจว่า พท.ไม่มีโอกาสที่จะจับมือพรรคร่วมตั้งรัฐบาลได้
"บัญญัติ"ยันไม่เคยรับเงิน"ประชัย"
เวลา 14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายรับมือยุบ ปชป.ประชุมทีมกฎหมาย โดยในเวลา 16.00 น. นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค อดีตหัวหน้าพรรคในขณะนั้น เข้าชี้แจงถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ นายชวนได้แจกพระที่ได้จาก จ.นครปฐม ให้กับทีมกฎหมายด้วยเพื่อเป็นกำลังใจ
ทั้งนี้ ก่อนเข้าชี้แจง นายบัญญัติกล่าวว่า เป็นการทบทวนความหลังเรื่องเก่า ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เป็นหัวหน้าพรรค เคยบอกว่าการที่ฝ่ายค้านนำเรื่องนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ถือว่า ไม่ถูกต้อง เพราะไม่เกี่ยว ควรจะอภิปรายไม่ไว้วางใจตนมากกว่า ยืนยันว่าพรรคไม่เคยได้รับเงินช่วยเหลือจากนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารบริษัท ทีพีไอ ดังนั้น การที่บอกว่ามีการทำนิติกรรมอำพรางคงเป็นเรื่องที่สับสน เพราะไปยึดเอากฎหมายพรรคการเมือง  ฉบับหลัง ที่กำหนดให้นิติบุคคลบริจาคให้พรรคการเมืองได้ไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยลืมนึกไปว่าตอนที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค ในกฎหมายพรรคการเมืองเก่าบอกว่าจะบริจาคเท่าไรก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด ดังนั้น เมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ หากเขาบริจาคจริงก็ไม่มีเหตุที่ต้องทำนิติกรรมอำพราง และเขาก็ไม่ได้บริจาคเงินเข้าพรรคประชาธิปัตย์
  ใช้ทีมกม.เดิมแต่เสริมคนเพิ่ม
นายบัญญัติกล่าวว่า จะหารือกับนายชวนว่าการต่อสู้คดีควรจะใช้ทีมกฎหมายเดิม แต่ต้องเสริมคนเพิ่มเท่านั้น ทั้งนี้ เมื่อคดีขึ้นศาลจะไปบอกว่ามั่นใจในพยานหลักฐานร้อยเปอร์เซ็นต์คงไม่ได้ จะถูกหาว่าตั้งอยู่ในความประมาท แต่ในฐานะที่รู้และมั่นใจว่าไม่ทำผิด มั่นใจในความยุติธรรมของศาล
เมื่อถามว่า คิดว่าเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่ต้องมาทบทวนอีกครั้งคืออะไร นายบัญญัติกล่าวว่า เป็นเรื่องข้อเท็จจริง เพราะตั้งประเด็นว่าสองคดีคาบเกี่ยวกัน ซึ่งในเรื่องการรับเงินอุดหนุนจาก กกต.มาทำป้ายหาเสียง แต่ไม่ทำ เพราะไป       เอาเงินนายประชัยมาทำ และทำเป็นนิติกรรมอำพราง ก็ต้องสู้ว่าไม่เคยได้รับเงินอุดหนุนจากนายประชัย และหากรับก็ไม่จำเป็นต้องทำนิติกรรมอำพราง
"ที่สำคัญไม่แน่ใจว่า กกต.จะลืมไปหรือไม่ว่าในการเลือกตั้ง มีกฎหมายเลือกตั้งบังคับไว้ว่าพรรคต้องเปิดบัญชีเพื่อการเลือกตั้ง ซึ่งเงินอุดหนุนของ กกต. 29 ล้านบาท ก็ต้องมาใส่ในบัญชีนี้ เมื่อทำป้ายเสร็จ ก็ใช้เงินในบัญชีนั้นสั่งจ่ายเช็คให้กับผู้ทำป้าย แล้วจะไปบอกว่าเอาเงินของนายประชัยหรือเงินจากบัญชีอื่นมาทำได้อย่างไร" นายบัญญัติกล่าว
นายบัญญัติกล่าวว่า ส่วนคนทำป้ายจะนำเงินไปใช้หนี้ หรือทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับพรรค ภาระของเราคือต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เห็นว่าเราทำป้ายจริง มีป้ายหาเสียงจริง ส่วนที่กล่าวหาว่ามีการโอนเงิน 258 ล้านบาท เข้าบัญชีผู้ใกล้ชิดกับกรรมการบริหารพรรคนั้น ขอชี้แจงว่าเป็นเรื่องของบริษัทที่รับจ้างนาย       ประชัย พรรคไม่เกี่ยว เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ทั้งนี้ คดีนี้ต้องรอคำร้องจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน
อ้างสงครามนอกรูปแบบกดดัน
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาอนุ กกต.ที่สอบเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านบาท เคยเรียกไปชี้แจงหรือไม่ นายบัญญัติกล่าวว่า หลังจากที่สมาชิก พท.ยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้ยุบ ปชป. ซึ่งเป็นการเดินตามประวัติศาสตร์เก่าที่เคยยื่นให้ยุบ ปชป.มาแล้ว แต่ศาลเข้าใจจึงไม่ยุบ ปชป. ก็คงจองเวรกันต่อ แต่ก็เป็นธรรมดา แต่เมื่อมีการยื่นให้ยุบพรรค กกต.ก็ตั้งอนุกรรมการขึ้นมา ซึ่งตนและทีมกรรมการบริหารพรรคเข้าชี้แจงไปแล้ว จนที่สุดเสียงส่วนใหญ่ของอนุ กกต.เห็นว่าไม่ผิด มีเพียงอนุ กกต. 2 คนเห็นว่าน่าจะมีปัญหา แต่ก็ต้องเห็นตามเสียงส่วนใหญ่จนเรื่องยุติไปแล้ว แต่จากนั้นอาจมีการร้องกันใหม่และตั้งอนุ กกต.ขึ้นมาอีก ถือว่าตั้งอนุ กกต.ขึ้นมาสองครั้งสองหน เพื่อสอบในเรื่องเดียวกัน ทำให้รู้สึกว่าพยานหลักฐานอาจไม่พอฟังหรืออย่างไร แต่ก็เห็นใจ เพราะในช่วงนั้นมีสงครามนอกรูปแบบกดดันองค์กรอิสระอยู่
  "ศาลรธน."ยังไม่นัดประชุม
ด้านนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า กรณี อสส.ส่งคำร้องคดียุบ ปชป.กรณีรับเงิน 258 ล้านบาท ว่าขณะนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังไม่นัดประชุมเพื่อพิจารณาคดีดังกล่าวที่ เพิ่งเข้ามา และไม่ทราบจะประชุมเมื่อใด เข้าใจว่ากำลังรวบรวมเอกสารคำร้องอยู่ในชั้นสำนักงานให้เรียบร้อยก่อน คงต้องรอให้ทางสำนักงานโดยทางเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เสนอวาระ เข้ามายังที่ประชุมคณะตุลาการก่อนถึงจะประชุมเพื่อกำหนดกรอบการพิจารณาคดี ดังกล่าวได้ คาดว่าน่าจะดำเนินการเหมือนคดี 29 ล้านบาท ส่วนจะรวมคำร้องทั้ง 2 คดีไว้หรือไม่นั้นก็ต้องแล้วแต่ที่ประชุมตุลาการ
"วสันต์"เล็งถอนตัวคดี258ล้าน
นายวสันต์กล่าวว่า คดียุบ ปชป.ล่าสุดที่เข้ามายังศาลรัฐธรรมนูญคดีที่สองนั้น ขณะนี้ตนทำหนังสือแจ้งไปยังรองเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญฝ่ายงานคดีแล้วว่าจะ ไม่ขอรับสำเนาคำร้องที่ทาง อสส.ได้ส่งมายังศาลเพื่อให้คณะตุลาการได้พิจารณา เพราะทราบว่าคดียุบ ปชป.จากเงิน 258 ล้านบาท เป็นคำร้องที่ถูกร้องโดยนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี พท. ซึ่งเหมือนคำร้องเดียวกันกับคดียุบ ปชป.จากการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ที่ตนขอถอนตัวจากองค์คณะตุลาการในการพิจารณาคดีตามข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่า ด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย เพราะตนเป็นคู่กรณีในการฟ้องนายเกียรติอุดม ฐานหมิ่นประมาทโฆษณาให้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงต่อศาลอาญาแล้วจากกรณี ที่นายเกียรติอุดมและ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษก พท.กล่าวหาว่าตนพบ ส.ส.ปชป.
"ดังนั้น หากมีการเรียกประชุมคณะตุลาการ ผมขออนุญาตถอนตัวในการพิจารณานี้ เพราะเป็นคู่ความกับคู่กรณีแล้ว ซึ่งอาจทำให้มีส่วนได้เสียในการพิจารณาคดีได้" นายวสันต์กล่าว
อนึ่ง คดียุบ ปชป.จากการใช้เงินกองทุน 29 ล้านบาทก่อนหน้านี้ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ให้นายวสันต์ถอนตัวจากองค์คณะ และนายเฉลิมพล เอกอุรุ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ถอนตัวออกจากการพิจารณาคดีเดียวกันเช่นกัน โดยนายเฉลิมพลให้สาเหตุว่ามีนามสกุลเดียวกันกับนายประพร เอกอุรุ ส.ส.สงขลา ปชป. อาจมีส่วนได้เสียในการพิจารณาคดีได้ ทำให้เหลือองค์คณะตุลาการเพื่อพิจารณาคดีเพียง 7 คน ...............   ที่มา : มติชนออนไลน์

Tags : ปชป. หลักฐานสรรพากร บริษัทผี ปลอมใบเสร็จ บัญญัติ ถกเครียด ชวน รับเงิน ประชัย

view