สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ไอ้โม่ง ฟันกำไรขายแป้งมันจีทูจี / โรงแป้งมันดิ้นหนีตาย 5 เดือน กัดฟันโม่ส่งออก

จากประชาชาติธุรกิจ

การที่ ครม.มีมติ "ไม่อนุมัติ" ให้ขายมันเส้นในสต๊อกรัฐบาลจำนวน 74,000 ตันให้กับผู้เสนอซื้อ 5 ราย ที่ราคาตันละ 5,400 บาท หรือ ก.ก.ละ 5.40 บาท จากราคารับจำนำ 1.80-1.90 บาท/ก.ก. ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลได้กำไรแน่นอนไม่ต่ำกว่า ก.ก.ละ 2 บาท (หักค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ) และสั่งให้ไปต่อรองราคาซื้อขายมันเส้นกับผู้ยื่นซองใหม่นั้น ได้สร้างความสงสัยให้กับวงการค้ามันที่ว่า เกิดอะไรขึ้นภายใน ครม. เนื่องจากก่อนหน้าจะเปิดให้มีการขายมันเส้นจำนวน 74,000 ตันนั้น ได้มีการขายมันเส้นให้กับผู้ใช้ภายในประเทศไปแล้ว ประมาณ 200,000 ตัน ในราคาเฉลี่ยแต่ละโกดัง ก.ก.ละ 5.80 บาท มันเส้นจำนวนนี้ได้ถูกนำไปเสนอขายต่อให้กับผู้ส่งออกที่ ก.ก.ละ 6 บาท ปรากฏว่าผู้ส่งออกไม่สามารถยอมรับราคาบวกอีก 20 สตางค์/ก.ก.ได้

ส่ง ผลให้การขายมันเส้นรอบใหม่ที่ 74,000 ตัน ราคาเปิดซองจึงอยู่ที่ 5.40 บาท/ก.ก.ประกอบกับสภาพสินค้าในโกดังมีปัญหาเรื่องคุณภาพ ดังนั้น การบีบให้ผู้ซื้อภายในประเทศที่เป็น "นายหน้า" แทนผู้ส่งออกซื้อมันเส้นที่ ก.ก.ละ 5.80 บาท จึงเป็นไปไม่ได้ในสภาพการณ์ปัจจุบัน ส่วนมันเส้นที่เหลืออีกจำนวน 900,000 ตันนั้น ครม.มีมติให้เร่งระบายออกไปให้เร็วที่สุด โดยอาจจะมีการเปิดประมูลเป็นการทั่วไปในสัปดาห์หน้า เนื่องจากผลการตรวจสอบสต๊อกของชุดนายอำนวย ปะติเส ออกมาแล้วว่า มันเส้นส่วนใหญ่มีปัญหาเสื่อมคุณภาพ

สำหรับแป้งมันสำปะหลังในสต๊อก ของรัฐบาลที่จำหน่ายไปแล้วให้กับ China Marine Shipping Agency Lianyungang Co.,Ltd. บริษัทรัฐวิสาหกิจจีนจำนวน 140,000 ตัน ในราคา ณ หน้าคลังสินค้า ตันละ 10,660 บาท (ก.ก.ละ 10.67 บาท) ขณะนี้ได้ทำสัญญาซื้อขายกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) ไปแล้ว โดยอยู่ระหว่างการรับมอบสินค้า สาเหตุที่มีการทำสัญญาล่าช้ากว่าปกติ 1-2 เดือน เพราะติดความวุ่นวายทางการเมือง ส่วนข้อสงสัยที่ว่า China Marine Shipping เป็นใครนั้น ในวงการค้าแป้งมันวิพากษ์วิจารณ์กันว่า น่าจะเป็น "นอมินี" ให้กับผู้ส่งออกแป้งมันไทย ซึ่งงานนี้มีกำไรจากราคาแป้งที่ปรับตัวสูงขึ้นไปไม่ต่ำกว่า ก.ก.ละ 8 บาท หรือตันละ 8,000 บาท


โรง แป้งมันดิ้นหนีตาย 5 เดือน กัดฟันโม่ส่งออก

จากประชาชาติธุรกิจ


สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย ได้จัดเสวนาเรื่อง สถานการณ์การขาดแคลนหัวมันสำปะหลังกับผลกระทบของอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง ขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางวิกฤตการขาดแคลนหัวมันสดจากปัญหา 2 ประการคือ การระบาดของเพลี้ยแป้งสีชมพู กับผลกระทบจากภัยแล้ง ส่งผลให้ราคาหัวมันสดภายในประเทศพุ่งไปถึง ก.ก.ละ 3.20 บาท แต่ที่สำคัญก็คือ หัวมันสดที่ออกสู่ตลาดในขณะนี้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงงานแป้งมันสำปะหลัง จนหลายโรงต้องหยุดกิจการเป็นการชั่วคราว ส่วนโรงแป้งที่เปิดอยู่ก็ใช้กำลังการผลิตได้แค่ 10% เพื่อส่งมอบแป้งมันให้ลูกค้าตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเท่านั้น

นายบุญ ชัย ศรีชัยยงพานิช ประธานคณะสำรวจภาวการณ์ผลิตและการค้า มันสำปะหลังฤดูการผลิตปี 2553/2554 กล่าวว่า ผลผลิตหัวมันสดในปี 2552/53 น่าจะอยู่ที่ 20 ล้านตันหัวมันสดจากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 27 ล้านตัน ผลผลิตที่หายไปส่งผลให้ราคาหัวมันสดพุ่งขึ้นสูงอย่างเป็นประวัติการณ์ ที่สำคัญในช่วงนี้แทบจะไม่มีหัวมันออกสู่ตลาด ที่มีออกมาก็ถูกโรงแป้งแย่งกันซื้อหมด

"ตอนนี้ทุกฝ่ายกำลังรอความ หวังจากผลผลิตหัวมันสดปลายฝน 30% และชุดเก็บข้ามปีอีก 10% ที่จะออกมาในช่วงปลายปี ถ้าการระบาดของเพลี้ยแป้งสามารถควบคุมได้ ปัญหาภัยแล้งหมดไป มีฝนตกลงมา เราน่าจะมีหัวมันสดในเดือนตุลาคมออกสู่ตลาดประมาณ 1.14 ล้านตัน ซึ่งสามารถผลิตแป้งได้ 270,000 ตัน เดือนพฤศจิกายนหัวมันออกอีก 1.5 ล้านตัน ผลิตแป้งได้ 360,000 ตัน ส่วนหัวมัน ครอปใหม่ต้องรอไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2554 น่าจะออกสู่ตลาดได้ 20% ของผลผลิตปี 2553/54 ทั้งหมด โรงแป้งมันก็น่าจะไม่มีปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนอีก" นายบุญชัยกล่าว




สำหรับ ผลผลิตหัวมันสดปี 2553/54 นั้น สำนักงานส่งเสริมการเกษตร ได้รายงานตัวเลขให้กับที่ประชุม ครม.ในวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมาคาดการณ์ว่า จะมีผลผลิต 19.99 ล้านตัน ขณะที่สมาคม การค้ามันสำปะหลังไทยคาดการณ์ก่อนออกสำรวจในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ว่า จะลดลงไปเหลือ 15 ล้านตันเท่านั้น นั่นหมายความว่า ปัญหาการขาดแคลนหัวมันสดจะเกิดขึ้นต่อไปตลอดปี 2554 และจะ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้แป้งมันเป็นวัตถุดิบอย่างหลีกเลี่ยง ไม่ได้

ข้อเสนอใหม่ หยุดส่งออกมันเส้น

นายบุญมี วัฒนเรืองรอง เลขาธิการ สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย กล่าวว่า โรงงานแป้งมันสำปะหลังที่เปิดดำเนินการผลิตอยู่ทุกวันนี้ผลิตอยู่ไม่เกิน 10% ของกำลังผลิต เป็นการผลิตเพื่อส่งมอบตาม คำสั่งซื้อล่วงหน้า บางรายขายกันที่ราคา 9.80 บาท แต่ขณะนี้ราคาแป้งมันส่งออกขึ้นไปถึง 480-500 เหรียญ FOB หรือประมาณ 15.50-15.80 บาท/ก.ก. เรียกว่า "ขาดทุนก็ต้องกัดฟันโม่กันต่อไป"

ส่วนหัวมันสดที่ออกสู่ตลาดในช่วง นี้ โรงแป้งที่เปิดอยู่ทุกโรงต้องแย่งกันซื้อแบบ "มวยวัด" ซึ่งหมายถึง ไม่มีการวัดเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง มีหัวมันออกมาเท่าไหร่ ก็ต้องซื้อ เปอร์เซ็นต์แป้งก็ต่ำเหลือ 14-15% ก็ต้องยอม เพราะเกษตรกรเร่งขุดหัวมันออกมาอายุไม่ถึง 6 เดือนก็ขุดกันแล้ว เนื่องจากราคาหัวมันสดที่ขึ้นไปถึง 3 บาทกว่าเกือบ 4 บาท จูงใจให้เร่งขุด

"คำ ถามก็คือ ตามปกติที่กำลังผลิต 40-50% ถ้าหัวมันสดออกสู่ตลาดในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคมประมาณ 1 ล้านตันเศษเป็นไปอย่างที่คุณบุญชัยคาดการณ์ไว้ว่า เราน่าจะอยู่ได้ หมายถึง ต้องดิ้นรนไปจนถึงสิ้นปี 2553 ต่อเนื่องไตรมาส 1 ของปี 2554 จะดีขึ้น แต่จะดีขึ้นในระดับไหน เท่าไหร่ 40% กำลังผลิตราคาแป้งมัน 20 บาท/ก.ก. OK ถ้าได้มัน 9 ล้านตัน 30% กำลังผลิตยังพอไหว ผมเชื่อว่า เราอาจจะต้องรอไปอีก 1 ปีครึ่ง หรือ กลางปี 2555 จึงจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์ความวุ่นวายของอุตสาหกรรมแป้งมันจึงจะจบลง ภายใต้เงื่อนไข ไม่เจอภัยแล้งอีก และไม่ขาดแคลนท่อนพันธุ์มัน แต่ 1 ปีครึ่ง ความเชื่อมั่นของลูกค้าจะหมดไป




แต่ การที่โรงงานแป้งมันจะมีผลผลิตหัวมันสดเพียงพอหรือไม่ไปจนถึงสิ้นปี 2553 นั้น ยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่า จะต้องไม่มีการแย่งซื้อหัวมันจากผู้ส่งออกมันเส้นไปจีนด้วย ในส่วนนี้นายบุญชัย ศรีชัยยงพานิช หนึ่งในผู้ส่งออกมันเส้นเชื่อว่า ความต้องการมันเส้นของจีนจะลดลง จากสต๊อกภายในประเทศที่มีอยู่สูงถึง 900,000 ตัน (สต๊อกที่ท่าเรือ 300,000 ตัน-สต๊อกในโรงงาน 300,000 ตัน-สต๊อกของโรงงานผลิตแอลกอฮอล์อีก 300,000 ตัน) นั่นหมายถึง จีนจะไม่ซื้อมันเส้นในราคาที่สูง (ราคาปัจจุบัน 203-208 เหรียญ FOB ทอดกลับเป็นราคามันเส้นในประเทศ ก.ก.ละ 6.20-6.40 บาท)

ขณะที่นายบุญ มี เลขาธิการสมาคม แป้งมันฯ กลับเห็นว่า จีนยังมีความต้องการมันเส้นอยู่ สังเกตจากการนำเข้าข้าวโพด ซึ่งเป็นธัญพืชทดแทนในอุตสาหกรรมยังมีอยู่สูง ราคาข้าวโพดนำเข้าไม่ลดลง แต่เคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 460-470 เหรียญ/ตัน "เป็นไปได้ว่า จีนต้องนำเข้า มันเส้นต่อไป ราคาอาจจะอยู่ที่ 300 เหรียญ FOB จากปัจจุบันที่ 203-208 เหรียญ FOB ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า อย่างราคาแป้งมันขึ้นถึง 600 เหรียญ/ตันยังใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็เกิดขึ้นมาแล้ว"

นั่นหมาย ความว่า สิ่งที่สมาคม แป้งมันสำปะหลังไทยกังวลก็คือ มันเส้นจะแย่งซื้อหัวมันสดกับโรงแป้ง จึงตามมาด้วย ข้อเสนอจากสมาคมที่ว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ส่งออกจะหยุดส่งมันเส้นไปจีนสัก 1 ปีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมทั้งระบบ หรืองดส่งออกแป้งมันบางประเภท โดยมีการ "ชดเชย" การหยุดส่งออกมันเส้นให้ผู้ส่งออก เพื่อให้อุตสาหกรรมแป้งมันอยู่ได้ "เป็นข้อเสนอว่า เราจะบริหารอุปสงค์อย่างไร จากความเป็นจริงที่ว่า มูลค่าเพิ่มในการส่งออกมันเส้นนั้นน้อยกว่าแป้งมันสำปะหลัง" นายบุญมีกล่าว

ใช้ แป้งข้าวโพดแทนแป้งมัน

ส่วนอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้วัตถุดิบจาก แป้งมันสำปะหลังก็เดือดร้อนไม่แพ้โรงแป้งมันเช่นกัน โดย นายสิรินทร์ เสรีธรณกุล จากคณะอนุกรรมการสารให้ความหวานจากมันสำปะหลัง สมาคม การค้ามันสำปะหลังไทย กล่าวว่า จากตัวเลขความต้องการใช้แป้งมันในอุตสาหกรรม ต่อเนื่องภายในประเทศที่ 1,280,000 ตัน (ตารางประกอบ) ทุกโรงงานต่างประสบปัญหาการขาดแคลนแป้งมันเฉพาะ โรงงานผลิตสารให้ความหวาน ก็มีความต้องการใช้แป้งมันถึง 500,000 ตัน/ปี หรือประมาณ 50,000 ตัน/เดือน

การแก้ปัญหาตอนนี้อาจจะดำเนินการได้ 2 วิธีคือ ปรับแผนการใช้วัตถุดิบใหม่ จากที่เคยใช้แป้งมัน ซึ่งขณะนี้มีราคาแพงถึงตันละ 600 เหรียญก็อาจจะหันมาใช้แป้งข้าวโพดนำเข้าที่มีราคาตันละ 445-460 เหรียญ FOB หรือการผลิต fructose ที่ใช้มันก็หันมาใช้น้ำตาลทรายแทน "หาก สถานการณ์ยังเป็นอยู่เช่นนี้ มีความเป็นไปได้ว่าสารให้ความหวานจากจีนจะถูกส่งเข้ามาตีตลาดภายใต้ข้อตกลง เขตเสรีทางการค้าได้ในอนาคต" นายสิรินทร์กล่าว

Tags : ไอ้โม่ง ฟันกำไร ขายแป้งมัน จีทูจี โรงแป้งมัน ดิ้นหนีตาย ส่งออก

view